หลินซูหยวนยังคงต้องนอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืนเพื่อรอดูอาการ มารดาและแม่นมผัดกันมาเฝ้า หากไม่เคยรู้มาก่อนเธออาจคิดไปว่า ครอบครัวนี้รักใคร่เจ้าของร่างมากเหลือเกิน แต่แท้จริงแล้วทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น เพราะหากหลินซูหยวนคนนี้ตายไป คนพวกนั้นก็คงชวดบ่อเงินบ่อทองอย่างหลู่เหยียนโจว
ไหนๆ ก็ได้เกิดใหม่ทั้งที จึงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เธอไม่ต้องการแก่งแย่งชิงดีกับใคร เมื่อมีโอกาสอยู่คนเดียวหลินซูหยวนจึงได้ขบคิดถึงเนื้อหาในการ์ตูนที่เคยอ่าน เหตุที่เจ้าของร่างเดิมตกบันได เป็นเพราะเห็นข่าวของหลู่เหยียนโจวกับเซียวรันหรัน
ความรักทำให้คนตาบอดได้จริงๆ หลินซูหยวนรักหลู่เหยียนโจว ชนิดที่ว่ายอมตายถวายหัวได้ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเสียทีเดียว เป็นเพราะบิดาและมารดาสั่งสอนมาเช่นนี้ ให้รักและเทิดทูนตระกูลหลู่ เพื่อหวังว่าในอนาคตจะปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
ทว่าเธอไม่ใช่หลินซูหยวนคนเก่า แม้จะมีความทรงจำเดิมมีความรู้สึก แต่เมื่อนึกถึงหลู่เหยียนโจวแล้วมันปราศจากความรัก อาจเป็นเพราะล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้ทีไร เหมือนมีเข็มเป็นหมื่นๆ เล่มทิ่มแทงหัวใจซ้ำๆ
มันไม่ใช่เพราะความเสียใจจะเป็นเพราะความโกรธต่างหาก!
“เพิ่งถึงกลางเรื่องเท่านั้นเองเหรอ...”
เมื่อลองประมวลผลดูแล้ว พบว่าเป็นช่วงที่หลินซูหยวน เริ่มเข้าไปแฝงตัวในบริษัทของฮั่วถิงหยู คู่ปรับตลอดกาลของหลู่เหยียนโจว ที่จริงเธอก็ไม่รู้ตอนจบของเรื่องเหมือนกันเพราะเสียชีวิตก่อน แต่เหมือนว่าฮั่วถิงหยูอยู่คนนี้อาจมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีนัก นอกจากเป็นคู่แข่งทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นศัตรูหัวใจกันด้วย แน่นอนว่านางเอกของเรื่องอย่างเซียวรันหรันย่อมเลือกหลู่เหยียนโจวที่เป็นพระเอก
“แล้วเราจะเอายังไงดีล่ะ...” หลินซูหยวนคิดไม่ตก เธอไม่ต้องการให้ตัวละครนี้ดำเนินไปตามเนื้อเรื่องเดิม ไม่เช่นนั้นจุดจบของเธอก็คงเจอหายนะเช่นกัน ได้เกิดใหม่ทั้งทีจะไม่ยอมให้ชะตาชีวิตเป็นแบบนั้นแน่
แต่หากวุ่นวายกับเส้นเรื่องไม่ยอมทำตามความต้องการของครอบครัว และเมินเฉยต่อหลู่เหยียนโจว หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบหรือไม่เธอก็ไม่อาจคาดเดาได้ ทว่าการหลงรักหลู่เหยียนโจวอย่างหัวปักหัวปำเป็นเรื่องไร้สติและสิ้นคิดมาก
หลินซูหยวนจึงตัดสินใจดำเนินเรื่องในแบบของตัวเอง!
เธอต้องการมีชีวิตที่เรียบง่ายและสุขสงบ เมื่อมีเธออยู่ตระกูลหลินไม่ต้องพึ่งตระกูลหลู่เพื่อแผขยายอำนาจ ในชาติก่อนเธอเป็นท่านประธานที่เก่งกาจ หากนำความรู้เดิมมาใช้รับรองว่าบริษัทของตระกูลหลิน จะต้องเป็นอันดับหนึ่งในเมืองแน่นอน
เมื่อตัดสินใจได้แล้วในขณะนั้นคุณนายหลินก็เข้ามาพอดี ในมือมีของกินมาด้วย หล่อนตรงมาสำรวจคนบนเตียงด้วยสีหน้ากังวลใจ
“หยวนหยวนเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม”
“ไม่ค่ะ ฉัน...เอ่อ หนูสบายดีแล้ว เราออกจากโรงพยาบาลกันเถอะ” นอนเฉยๆ เบื่อจะแย่ หลินซูหยวนอยากกลับไปบ้าน เพื่อดูว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง อยู่ที่นี่ก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะตอนนี้หายดีแล้ว
“ได้ยังไงกัน หลู่เหยียนโจวยังไม่มาเยี่ยมลูกเลยนะ” ลูกสาวเข้าโรงพยาบาลมาสองวัน ร้อนใจเมื่อว่าที่คู่หมั้นของลูกไม่โผล่หน้ามาเยี่ยมเลย คุณชายหลู่มักทำตัวเย็นชาแต่นี่ดูจะเกินไปหน่อย หลินซูหยวนบาดเจ็บถึงเพียงนี้ยังไม่คิดมาดูแล
“แล้วทำไมเขาต้องมาเยี่ยมหนูด้วยล่ะคะ” คนไม่ได้รักกันถ้ามาเยี่ยมสิแปลก! ในสายตาของหลู่เหยียนโจวมีแค่เซียนรันหรันเท่านั้น เธอเป็นแค่ส่วนเกิน อันที่จริงน่าจะเป็นติ่งเนื้อร้ายที่เขารังเกียจมากกว่า
“สมองเลอะเลือนไปแล้วเหรอ หรือสมองมีปัญหา ไม่ได้ล่ะแม่จะให้หมอสแกนอีกที” ตั้งแต่ลูกสาวตกบันไดก็พูดจาแปลกๆ ไหนจะท่าทางไม่ใส่ใจอะไรอีก จึงทำให้คนเป็นแม่นึกกังวล หรือหมอตรวจไม่ละเอียดนะ? หลินซูหยวนถึงพูดจาเหมือนไม่แยแสว่าที่คู่หมั้นเช่นนี้
“ไม่ต้องแล้วค่ะหนูสบายดี คือเหยียนโจวมีงานยุ่งมาก วันนี้คงมาเยี่ยมไม่ได้ค่ะ” ครอบครัวของเธอแทบจะผลักใสให้เข้าไปสู่อ้อมอกของหลู่เหยียนโจว เห็นที่หนทางการเป็นปลาเค็มของเธอคงไม่ง่ายเสียแล้ว
“งานจะสำคัญกว่าลูกเหรอ หลินซูหยวนลูกเป็นคู่หมั้นนะ เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล เขาก็ต้องมาเยี่ยมสิ”
อยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอไม่ได้มีความสำคัญกับคุณชายหลู่เลยสักนิด แต่เมื่อเห็นสายตาที่คาดหวังของมารดา จำต้องกลืนคำพูดทั้งหมดกลับลงไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้หนูก็หายดีแล้ว เอาไว้อีกสองสามวันหนูเข้าไปหาเหยียนโจวที่บริษัทดีไหมคะ”
หลินซูหยวนเล่นตามน้ำไปก่อน หากอยู่ดีๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองกะทันหัน ครอบครัวอาจจับสังเกตได้ เธอเลยต้องดำเนินแผนการในใจไปทีละน้อย แสร้งทำเป็นว่ารักหลู่เหยียนโจวเสียเต็มประดา
ผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนอย่างนั้น เธอไม่เอามาเป็นพ่อของลูกหรอก!
“เอาแบบนั้นก็ได้ ลูกอย่าลืมออดอ้อนหน่อยนะ เหยียนโจวจะได้เห็นใจ” เห็นลูกสาวกลับมาเป็นคนเดิมก็วางใจ ยกมือน้อยขึ้นมากุมไว้ มองด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ตระกูลหลู่ยิ่งใหญ่มาก ธุรกิจในเมืองล้วนพึ่งพาตระกูลนี้ แม้แต่ตระกูลเก่าแก่อย่างสกุลฮั่วก็ยังไม่อาจทัดทานบารมีได้ ยิ่งธุรกิจตกทอดมาอยู่ในมือของลูกชายคนโตคนปัจจุบันด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง ฮั่วถิงหยูอยู่คนนี้ดูเหมือนจะไร้ความสามารถ ตระกูลเก่าแก่แล้วอย่างไร หากไม่สามารถทำให้สกุลกลับมายิ่งใหญ่ได้ ก็เหมือนหนูตัวเล็กๆ อยู่ดี สกุลหลินต้องการพึ่งพาสกุลหลู่เพื่อขยายขอบเขตการค้า จึงผลักดันให้หลินซูหยวนหมั้นหมายกับหลู่เหยียนโจว นอกจากเรื่องของธุรกิจแล้วยังพึ่งพาในด้านอื่นด้วย มีลูกเขยเป็นถึงทายาทสืบทอดตระกูลหลู่ แล้วยังจะต้องกังวลเรื่องใดอีก
“รู้แล้วค่ะแม่”
หลินซูหยวนรับปากไปก่อน เพราะต้องการออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้เธอมีแผนการในใจแล้ว ในเมื่อต่างคนต่างไม่ได้รักกัน แต่ยังสามารถใช้ผลประโยชน์ร่วมกันได้ หญิงสาวคิดว่าจะไปเจรจาดูสักครั้ง เธอไม่ต้องการอะไรมากแค่อยากเล่นละครตบตาครอบครัว ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับหลู่เหยียนโจวแม้แต่น้อย ถ้าพูดคุยกันสำเร็จ…
เธอคงได้เป็นปลาเค็มสมใจ!