บทนำ
บทนำ
เสียงหอบหายใจดังผสมผสานกันเมื่อบทรักเร่าร้อนเมื่อครู่จบลง สองร่างพัวพันขยับออกจากกันโดยฝ่ายชายทิ้งตัวนอนลงข้างหญิงสาว มือบางวางแตะลงบนหน้าอกแน่นหนาพร้อมลากไล้ไปมาท่ามกลางการปรับลมหายใจ ริมฝีปากบวมเจ่อจากการถูกดูดดึงเหยียดยิ้มบางเบาก่อนจะขยับพูด
“วันพรุ่งนี้แล้วใช่ไหมคะที่พี่เคนจะเขี่ยยัยนั่นทิ้ง”
“พี่ยังไม่ได้คิด” เขาเอ่ยว่าพลางเอื้อมมือไปหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ส่วนมืออีกข้างบีบหัวไหล่เล็กไปมา “พี่ยังไม่ได้ยัยคุณหนูนั่นเลย จะเลิกตอนนี้ก็เสียดาย”
“เสียดายทำไมคะ ยัยนั่นไม่ได้เรื่องหรอก”
“…”
“อีกอย่างเลิกตอนนี้ยัยก็ร้องไห้เสียใจแล้ว”
คำพูดดังกล่าวทำให้อีกฝ่ายกระตุกยิ้มราวกับกำลังขันขำ “ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา”
“ลืมไปพี่เป็นนักล่านี่เนอะ” เสียงหวานพูดประชดประชัน “ถ้าไม่ล่าก็คงไม่ได้…”
“ไม่เอาน่า…” นิ้วเรียวยกปิดปากเธอไว้ ดับบุหรี่ในมือก่อนจะพลิกตัวขึ้นไปคร่อมทับร่างบางอีกรอบ “อย่าทำให้บรรยากาศเสียสิ เราเพิ่งมีความสุขกันไปนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
“ดีมากคนสวย พูดง่ายแบบนี้เดี๋ยวพี่ให้รางวัลนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่บทรักเร่าร้อนได้เริ่มขึ้น เสียงครางกระเส่าและเสียงกิจกรรมต่าง ๆ กลบเสียงสั่นดังของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงหมดสิ้น แต่หากทั้งคู่ได้ยินก็ไม่มีใครคิดสนใจมันอยู่ดี
5 สายที่ไม่ได้รับ
Lilly: พี่เคนอยู่ไหนคะ ทำไมลี่โทรหาไม่รับเลย
Lilly: แล้วตกลงพรุ่งนี้จะมารับลี่หรือเปล่า
มหาลัยชื่อดังย่านกรุงเทพฯ
รถสปอร์ตคันหรูจอดที่หน้าคณะบริหารธุรกิจโดยที่ทั้งรถยังไร้ซึ่งเสียงคุยของคนตัวเล็ก ใบหน้าสวยบูดบึ้งเต็มไปด้วยความไม่พอใจพร้อมเชิดขึ้นไม่ต่างจากแขนที่ยกขึ้นกอดอก ปากเล็กขบเม้มเข้าหากันแน่นจนคนที่เห็นต้องยิ้มขำออกมา
“เป็นอะไรฮึเรา โกรธที่พี่ไม่รับโทรศัพท์เมื่อคืนเหรอ” คชานนท์หรือเคนคนรักป้ายแดงของลลิตาหรือลิลลี่ลูกสาวเจ้าสัวบุญเต็มที่รวยติดอันดับในประเทศ เขาเอ่ยถามพร้อมยกมือขึ้นไปบีบแก้มของเธอเบา ๆ แต่ก็โดนมือเล็กปัดทิ้ง
“เมื่อคืนพี่เคนไปไหนมาคะ” ดวงตากลมโตตวัดมองอย่างไม่พอใจ “ทำไมไม่รับโทรศัพท์ลี่”
“ขอโทษทีเมื่อคืนพี่เผลอหลับน่ะ ไม่โกรธพี่นะครับ”
“เผลอหลับหรือไปไหนมาคะ” คราวนี้ดวงตากลมโตหรี่ลงราวกับกำลังจับผิด “พี่เคนไปไหนมาใช่ไหม”
“พี่หลับจริง ๆ ไม่ได้ไปไหน ไม่เชื่อดูโทรศัพท์ได้เลย เมื่อคืนแม่ก็โทรมาหาพี่แต่พี่ไม่ได้รับเหมือนกับน้องลี่นั่นแหละ” เพื่อความแนบเนียนมือหนาก็หยิบโทรศัพท์กดเข้าแชทไลน์ส่งให้แฟนสาวดูยืนยันสิ่งที่พูด แน่นอนว่าดวงตากลมโตเหลือบมองอย่างสนใจ
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ พี่จะโกหกทำไม” คชานนท์ว่าพลางเอื้อมมือไปจับร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกตัวเอง ซึ่งเธอก็ยอมโอนอ่อนอย่างว่าง่าย “เดี๋ยวเย็นนี้พี่พาไปช็อปปิ้งดีไหม”
“…”
“ให้พี่ไถ่โทษนะ แล้วจะอยู่กับน้องลี่ทั้งคืนเลยดีไหมครับ”
“ลี่ก็อยากอยู่กับพี่เคนทั้งคืนนะคะ แต่พอดีคืนนี้ลี่มีนัดแล้ว” ลลิตาว่าเสียงอ่อยคล้ายกำลังเสียดายเต็มประดา “เอาไว้พี่เคนค่อยไถ่โทษลี่วันหลังนะ ส่วนวันนี้ลี่จะยกโทษให้ครึ่งหนึ่งก่อนก็ได้”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่วันหลังพี่จะไม่ยอมปล่อยน้องลี่ไปแล้วนะ”
“ค่ะ” ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มเหมือนที่ชอบทำ “ลี่ก็จะไม่ปล่อยให้พี่เคนไปไหนแล้วเหมือนกัน”
พูดจบริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่จูบลงบนแก้มของคชานนท์เบา ๆ ก่อนจะลงจากรถไป ส่วนคนเป็นแฟนยกยิ้มอารมณ์ดีเหมือนเคยที่โกหกแฟนสาวของตนได้ ไม่ว่าจะพูดหรืออ้างอะไรเธอมักจะเชื่อเสมอ สมแล้วที่ใครต่อใครชอบนินทาหาว่าสวยแต่ไม่มีสมอง
ทางด้านลลิตาเข้าคลาสเรียนตามปกติไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีก ถึงแม้เธอจะโดนใครต่อใครนินทาว่าร้ายหรือชอบพูดว่ามีดีแค่สวย หากไม่ใช่ลูกเจ้าสัวคงเอาตัวไม่รอด มีข่าวลือต่าง ๆ นานาว่าเธอจ้างคนอื่นทำรายงานบ้าง ให้เพื่อนช่วยติวบ้าง ไม่เข้าเรียนบ้าง ซึ่งข่าวพวกนั้นล้วนแล้วแต่มีคนปล่อยข่าวเท็จทั้งสิ้น เพราะคนอย่างลลิตาสวยอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ เธอมีสมอง สตรอง และมีสตางค์บอกเลย!
“หนิง” แต่แล้วอยู่ดี ๆ มือบางก็วางไอแพดลง หันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งเรียนข้างกันด้วยสายตาจริงจัง จนอีกฝ่ายต้องหันมาคุยด้วยความจริงจังเช่นกัน
“มองแบบนี้กลัวนะเว้ย!”
“คืนนี้ว่างไหม พาไปไนต์คลับหน่อยสิ”
“คลับไหน? แล้วไปทำไมไหนว่าช่วงนี้แกจะพักผ่อน” นิราหรือหนิงมองหน้าเพื่อนงง ๆ “หรือว่ามีเรื่องเครียด?”
“เปล่า แค่อยากไปน่ะ”
“แบบนี้ก็มี”
“สรุปคือ?”
“ไปก็ไป ฉันเคยขัดใจแกหรือไง” หากกลอกตาเป็นเลขแปดได้นิราคงทำไปแล้ว แต่มีหรือที่ลลิตาจะสนใจ เธอยิ้มกว้างให้เพื่อนพร้อมกอดแขนนิราอย่างออดอ้อน
“รู้แล้วว่าคุณนิราไม่เคยขัดใจลลิตา ฉะนั้นเดี๋ยวคืนนี้ลลิตาเลี้ยงเอง!”
“ดีล!”
เวลาต่อมา
LTNS ไนต์คลับ
สองสาวที่นัดกันช่วงเช้า พอถึงเวลาต่างฝ่ายต่างเดินทางมายังไนต์คลับดังกล่าว ลลิตาเลือกที่จะให้ลุงช่วยคนรถที่บ้านใหญ่มาส่งเนื่องจากกลัวขับรถกลับเองไม่ได้ ส่วนตอนกลับค่อยว่ากันอีกทีว่าคืนนี้สถานการณ์เป็นไปในรูปแบบไหน
มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านแชทหนึ่งด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก่อนจะมองหาโซนที่ต้องการนั่ง และเมื่อได้โซนพอเหมาะแล้วจึงทำการจองและรอให้เพื่อนอย่างนิรามา ซึ่งคิดว่าคงอีกสักพักใหญ่เพราะบ้านของนิราอยู่ในโซนการจราจรติดขัดพอสมควร
“เจ้าของไนต์คลับหล่อจริงแฮะ” เมื่อเห็นไต้ฝุ่นเดินเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยพูดคุยกับลูกน้อง เธอก็เลยพึมพำขึ้นแผ่วเบาตามประสาผู้หญิงชอบคนหล่อ ลลิตาไม่รู้ว่าชื่อจริงของเจ้าของที่นี่ชื่ออะไร รู้เพียงชื่อไต้ฝุ่นเท่านั้น และดูเหมือนว่าจะมีอีกคนเป็นหุ้นส่วนชื่อว่าดาร์กประมาณนี้
แต่แล้วสายตาที่กำลังมองเจ้าของไนต์คลับก็ต้องเปลี่ยนทิศทางเมื่อเห็นใครอีกคนเดินเข้ามา ร่างบางขยับเข้าหามุมมืดแต่ตาไม่วายมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งไม่ไกลจากโซนที่เธอนั่งนัก และชายหญิงคู่นั้นมันจะเป็นใครไม่ได้เลยหากไม่ใช่พี่เคนคนรักของเธอที่มากับยัยไอริสคู่ปรับตัวยงของเธอเอง!
และเป็นคู่ปรับที่เกลียดขี้หน้ากันมาก ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันเผาผี!
“ทำไมวันนี้ถึงเจียดเวลามาหาไอได้เหรอคะ” เสียงคุยดังมาผะแผ่วเป็นเหตุให้ลลิตาเอียงหูฟัง ยังดีที่ทางร้านยังไม่บรรเลงดนตรีอึกทึกจึงทำการสอดรู้สอดเห็นได้เต็มที่ “ปกติขลุกอยู่กับยัยคุณหนูตลอด”
“ขลุกที่ไหน พี่จำได้ว่าเพิ่งเจอไอริสไปนะ”
“ไอริสก็พูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ”
“…”
“แล้วตกลงพี่เคนจะบอกเลิกยัยนั่นตอนไหนคะ ไอจะไม่ไหวแล้วนะ” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเอ่ยจนคนฟังอดเบ้ปากไม่ได้ “ไอมาหลังมันก็จริง แต่ก็มาหลังไม่กี่วันเองนะ”
“มาหลังไม่กี่วัน…” ลลิตาทวนประโยคดังกล่าว สมองเริ่มคำนวณคิดว่าตัวเธอนั้นคบกับคชานนท์นานเท่าไหร่แล้ว ซึ่งคำตอบที่ได้คือเดือนกว่า ๆ งั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้สวมเขาให้เธอเกือบเดือนเลยสินะ เป็นผู้หญิงหน้าโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปล่อยให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะลับหลังนานเป็นเดือน
“รอหน่อยนะ ถ้าพี่ได้นอนกับลี่เมื่อไหร่จะเลิกทันทีเลย”
“…”
“พี่ก็รำคาญเต็มทนแล้ว ผู้หญิงอะไรไม่รู้น่าเบื่อเป็นบ้า”
“คิก! ยัยนั่นคงจะน่าเบื่อจริง ๆ นั่นแหละ ไอบอกแล้วว่านางมีดีแค่สวยแต่สมองไม่มี”
“เหอะ!” ลลิตาหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบเงินแบงก์พันออกมาเมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟอาหารกำลังเดินผ่านมาทางนี้ ร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังพนักงานพร้อมมือคว้าแก้วไวน์มาถือไว้พลางวางเงินลงบนถาดอาหาร ส่วนอีกมือหยิบถ้วยต้มยำอะไรสักอย่างขึ้นมาถือ กระดกไวน์เข้าปากอึกใหญ่ก่อนจะทำการสาดที่เหลือใส่หน้าคชานนท์อย่างแรง
ฉ่า!!!!!!
“เห้ยอะไรวะ!”
“กรี๊ด!!!!! อีบ้ามันเปื้อนฉันหมดแล้ว!”
“เปื้อนแค่นั้นมันยังน้อยไปต่างหาก” ว่าจบถ้วยต้มยำก็ถูกเทราดรดใส่ศีรษะของไอริสจนเจ้าของร่างร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น เรียกสายตาของคนในร้านให้หันมามองได้เป็นอย่างดี ส่วนพนักงานก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้เพราะกลัวจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน
“ทำบ้าอะไรของเธอห๊ะลี่!”
“ใช่! ลี่กำลังทำอะไรบ้า ๆ อยู่” ลลิตาเหยียดยิ้ม มองผู้ชายที่เอาแต่เช็ดเนื้อตัวตัวเองไม่ได้สนใจผู้หญิงที่พามาด้วยเลยสักนิด “แต่มันเหมาะกับคนเหี้ย ๆ อย่างพวกแกแล้วนี่!”
“…”
“เลวทั้งคู่!”
“อีลี่!”
“ทำไมอีไอริส เรียกกูทำซากอะไร”
“ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงพี่เคนเลยเบื่อมึง! หัดเจียมกะลาหัวไว้ซะบ้าง!” คราวนี้ไอริสระบายยิ้มท่ามกลางสภาพเละเทะของตัวเอง “จะโดนผู้ชายทิ้งยังโง่!”
“โอ๊ย! สภาพมั่วแบบนี้ไม่ต้องมาทิ้งกูหรอกจ้า กูขอทิ้งก่อนเลย”
“…”
“หล่อแต่มั่วก็ไม่เอานะ สกปรก!” ลลิตาว่าแล้วยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพร้อมทำหน้าตกใจ “อุ๊ย! อย่าลืมไปตรวจโรคด้วยนะ สภาพนี้คิดว่าไม่น่ารอด”
“ลี่!” คชานนท์เอ่ยเรียกเสียงดังและทำเหมือนจะเดินเข้าหาลลิตาราวคนขาดสติ แต่ก็โดนการ์ดของทางไนต์คลับแทรกกลางเอาไว้เสียก่อน
“หลบไปสิวะ! กูจะไปสั่งสอนมัน!”
“กูกลัวตายแหละ!” ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้กลัวเลยสักนิด ดวงตากลมโตกวาดมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสมเพช “ผู้ชายอะไรน่าตัวเมียฉิบหาย!”
“…”
“น่าสมเพช!” พูดจบร่างบางก็เดินแหวกกลุ่มคนออกจากตัวไนต์คลับท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของคชานนท์กับไอริสเสียงดัง แต่เธอไม่ได้สนใจมันกระทั่งเดินออกมาข้างนอกร้าน ความอัดอั้นตันใจที่โดนสวมเขาเป็นเดือนไม่ทุเลาลงง่าย ความไม่รู้จะลงกับอะไรจึงเตะป๊าบเข้าให้กับล้อรถยนต์คันหรูจนเกิดเสียงดัง
ตุ๊บ!!!!!!
“โอ๊ย! นิ้วหักแล้วมั้งลิลลี่!” ร่างเล็กกระโดดโหยง ๆ เพราะเจ็บนิ้วเท้าเป็นอย่างมาก ไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของรถกำลังยืนสูบบุหรี่สบายใจอยู่ใกล้ ๆ
“เป็นไรไหม” และแน่นอนว่าเสียงเอ่ยถามทำให้ดวงตากลมโตเหลือบมอง แต่มองเห็นเพียงเลือนรางเพราะเขาอยู่ในมุมมืด มีเพียงแสงจากบุหรี่ที่ถูกสูบเท่านั้นที่ชัดเจนต่อสายตา
“ถามฉันเหรอ?”
“เปล่า” เขาปล่อยควันออกแล้วดับบุหรี่ ก่อนจะเดินออกมาจากมุมมืดและพยักพเยิดไปยังล้อรถของตน “ถามรถว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ถามรถ?”
“อือ”
“…”
“เธอเตะล้อรถฉัน”
“…”
“ฉันเป็นห่วงล้อรถตัวเอง ไม่ได้เป็นห่วงเธอ”
คำตอบที่ได้รับทำให้ดวงตากลมโตกลอกไปมาคล้ายกำลังเหนื่อยใจ เจอคนเฮงซวยพวกนั้นแล้วยังมาเจอผู้ชายทำหน้าเบื่อโลกอีก แถมคำพูดคำจาไม่ใช่สุภาพบุรุษเลยสักนิด!
“จะไม่ขอโทษ?”
“ล้อรถไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย” ความอยากเอาชนะทำให้ใบหน้าสวยเชิดขึ้นตามนิสัยของตน มือไม่วายหยิบนามบัตรออกมาส่งให้คนที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ใกล้ ๆ “ถ้าเสียหายก็โทรมา เดี๋ยวเคลียร์ให้”
“ขอโทษไม่เป็น?”
“เอ๊ะ!”
“เข้าใจแล้ว” ไม่รอฟังคำพูดใด ๆ เขาก็เดินอ้อมไปอีกฝั่งพร้อมเปิดประตูเข้ารถท่ามกลางความงุนงงของลลิตา ไม่พูดพร่ำทำเพลงเสียงสตาร์ทรถก็ดังกระหึ่มขึ้นก่อนที่ตัวรถจะขับออกไปด้วยความเร็ว
“สงสัยจะเมา”