ตอนที่ 3 คนสวยขา

2175 Words
ตอนที่ 3 คนสวยขา ช่วงเที่ยง โต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ ถูกจับจองจากสองสาวสวยในชุดนักศึกษากำลังนั่งรอหนุ่มรุ่นน้องขับรถมารับ หลังจากที่ได้ตกลงกันไปตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากไวท์ติดงานที่โชว์รูมด่วนกะทันหัน จึงไม่ว่างมารับประจวบเหมาะกับที่โดนัทและนิกซ์มีเรียนแค่ครึ่งวันเหมือนกัน จึงได้ขออาศัยรถน้องชายกลับ ทว่าไม่ได้มีแค่โดนัทเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนสนิทสาวสวยอีกคนที่สนใจจะสอบถามเรื่องบ้านในโครงการของนิกซ์ เมื่อได้โอกาสโดนัทจึงชวนเธอกลับด้วยกัน เพราะหากสอบถามกับเจ้าของโครงการโดยตรงคงจะได้ข้อมูลที่แน่นมากกว่าเธอแน่นอน “โดนัทแกได้บอกน้องหรือเปล่าว่าฉันจะกลับด้วย” “เปล่าอะ แฮ่ ๆ” “แล้วน้องแกจะไม่บ่นเอาใช่ไหม” “คิดมากน่าณิชา” หลังจากที่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างปิ่นได้ย้ายไปเรียนที่ต่างจังหวัดด้วยเหตุผลของทางบ้าน โดนัทจึงเริ่มทำความรู้จักกับ ณิชา ทั้งคู่จึงได้สนิทสนมกันไปโดยปริยาย ณิชา โรจน์เจริญศิลป์ อดีตดาวคณะบริหารธุรกิจเธอเป็นผู้หญิงที่สวยทุกระเบียดนิ้ว หากชายใดได้มองเป็นอันต้องหลงแทบทุกราย แถมเธอยังเป็นคนร่าเริงสดใสมองโลกในแง่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้หญิงอ่อนแอ เพราะถ้าหากโดนรังแกขึ้นมาเธอเองก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน แต่แปลกที่เธอทั้งสวยและมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีคนของใจเสียอย่างนั้น เพราะตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าคนล่าสุดไปเมื่อปีที่แล้ว ณิชาก็ไม่คิดจะเปิดใจให้ใครได้เข้ามาจับจองกันเลยสักคน ยอมรับเลยว่าตั้งแต่โสดจนมาถึงปัจจุบัน ชีวิตของเธอนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี เพราะไม่ต้องมาคอยหวาดระแวงหรือคอยทะเลาะกับใครให้ต้องเหนื่อยเปล่า ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องมาหวาดระแวงเรื่องน้องชายของเพื่อนสนิทเสียอย่างนั้น “ถ้าน้องแกบ่นขึ้นมาก็รับผิดชอบด้วยนะจ๊ะ” “ไม่บ่นหรอกน่าน้องชายฉันแพ้คนสวย ยิ่งเป็นแกแล้วด้วยนิกซ์ต้องหลงชัวร์ ๆ” “เกี่ยวกันไหมเนี่ย” “จะว่าไปแกก็โสดมานานแล้วนะ...” “หยุดความคิดแกไว้เลยโดนัท” เพราะณิชารู้ดีว่าเพื่อนสนิทจะพูดอะไรต่อจากนี้ เธอจึงโพล่งขึ้นจนโดนัทต้องพับเก็บความคิดแผลง ๆ เอาไว้ แต่ก็ยังมิวายอมยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้เพื่อนสนิทที่กลอกตามองบนเอือมระอากับแม่สื่อแม่ชักผู้นี้ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนัทพยายามหาคนรู้ใจให้กับณิชา เพราะตั้งแต่เพื่อนสนิทอยู่เป็นโสดโดนัทก็มักจะคอยแนะนำหนุ่ม ๆ ต่างคณะให้ได้รู้จัก แต่กลับกลายเป็นณิชาเองที่ยังไม่พร้อมเปิดใจให้กับรักครั้งใหม่ เธอจึงเอ่ยปฏิเสธอยู่เรื่อยมารวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน “แกก็รู้ว่าฉันยังไม่พร้อมมีใคร” “หยากไย่ขึ้นแล้วมั้ง” “ถึงจะไม่มีแฟนแต่ก็ไม่แห้งนะจ้ะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า” “ร้ายมากณิชา” ทั้งสองสาวพากันหัวเราะชอบอกชอบใจกันเสียยกใหญ่ แน่นอนว่าเธอเองก็เหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปมีความต้องการและมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกหากสาวสวยอย่างณิชาจะมีหนุ่ม ๆ มาคอยปรนเปรอความสุขให้บ้างในบางครา ขณะที่สาว ๆ กำลังหัวเราะร่วนกันอยู่นั้น รถหรูเฟอร์รารี่สีดำขลับก็แล่นเข้าจอดเทียบฟุตบาทอยู่ต่อหน้าพวกเธอ ด้วยเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมไปเสียสนิทว่ารถคันแคบ ๆ เช่นนี้จะนั่งสามคนได้อย่างไรกัน “โดนัทแล้วเราจะกลับกันยังไง” “ฉันลืมคิดไปเลยว่ะแก” กระจกบานใสฝั่งคนขับถูกลดลงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของหนุ่มวิศวะที่มองไปยังพี่สาวสลับกับณิชาที่ยืนข้าง ๆ กันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ถึงจะพอรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอดีตดาวคณะบริหารธุรกิจอยู่บ้าง แต่นิกซ์กลับไม่ได้สนิทสนมหรือรู้จักเธอเป็นการส่วนตัว เพราะช่วงหลัง ๆ ตั้งแต่โดนัทคบหาดูใจกับไวท์เขาก็เริ่มตีตัวออกห่าง ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างเมื่อก่อน จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่จะไม่ได้สนิทสนมกันอย่างที่ควรจะเป็น และเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าณิชาจะกลับบ้านด้วยกัน จึงเอ่ยชักชวนเพียงแค่พี่สาวตัวเองเท่านั้น “พี่นัทขึ้นรถสิครับ” “เอ่อนิกซ์....” “ครับ” “พอดียัยณิชาอยากถามเรื่องบ้านในโครงการนายน่ะ วันนี้พี่ก็เลยว่าจะชวนพวกเราทานข้าวเย็นด้วยกัน” สิ้นคำบอกเล่าจากพี่สาว สายตาคมกริบก็เหลือบมองไปยังคนตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่ดูจะรัดทรวดทรงส่วนเว้าโค้งเสียจนกระดุมเสื้อแทบกระเด็นใส่ตาคนมอง กระโปรงสั้นสีดำตัดกับผิวขาวผ่องยิ่งส่งผลให้เธอดูมีออร่าขึ้นอีกเป็นเท่าตัว นิกซ์เอาแต่มองณิชาด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่ยอมพูดจาสักคำ จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกอึดอัดอีกทั้งยังรู้สึกเกรงใจ “โดนัทแกกลับไปเถอะเดี๋ยวฉันนั่งวินกลับเองก็ได้” “ได้ไงกันเรานัดทานข้าวกันแล้วนะ งั้นแกก็กลับไปกับน้องฉัน เดี๋ยวฉันให้พี่ไวท์มารับเอง” “แฟนแกติดธุระไม่ใช่หรอ” “พี่ไวท์บอกเคลียร์งานเสร็จแล้ว นิกซ์พี่ฝากณิชาด้วยนะ ไว้เจอกันที่บ้านพี่ไวท์นะจ๊ะ” เพราะเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนไวท์ได้ส่งข้อความมาหาเธอว่าจัดการงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว บวกด้วยสีหน้าหนักใจของณิชาในตอนนี้ จึงทำให้โดนัทต้องตัดสินใจพูดเองเออเอง ก่อนจะถอยหลังกลับไปนั่งรอแฟนหนุ่มที่โต๊ะม้าหินอ่อนเช่นเดิม ทิ้งให้ร่างเล็กได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว จนในที่สุดก็กลายเป็นเจ้าของรถที่ยอมปริปากพูดกับเธอครั้งแรกตั้งแต่ยานพาหนะจอดตัวลงได้ราว ๆ สิบนาที “ขึ้นมาสิครับ” ซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่สีดำแล่นไปตามเส้นทางด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก บรรยากาศภายในห้องโดยสารตกอยู่ในความเงียบสงบ ตั้งแต่ล้อหมุนออกจากรั้วมหาวิทยาลัย จวบจนผ่านไปยี่สิบกว่านาทีก็ยังไม่มีวี่แววว่าทั้งคู่จะยอมขยับปากคุยกัน จู่ ๆ คนขับก็ยอมเอ่ยปากถามคนสวยที่เอาแต่นั่งเบือนหน้าเข้ากระจกบานใส ทอดมองไปยังตึกรามบ้านช่องราวกับมันน่าสนใจอย่างไรอย่างนั้น “ว่าไงครับ” “ฮะ” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ เรียกให้ใบหน้าสวยต้องหันมองคนขับด้วยสีหน้างุนงงพร้อมกับคิ้วบางที่เลิกขึ้นสูง ซึ่งเจ้าของคำถามก็ไม่ปล่อยให้เธอต้องสงสัยนานจึงเอ่ยต่อ “เรื่องบ้าน” “อ๋อ พอดีพี่อยากซื้อบ้านใหม่น่ะ นิกซ์มีบ้านหลังไหนที่อยู่ใกล้ ๆ กับมหา’ลัยเราไหม” “พอมีอยู่ครับ” เนื่องจากช่วงนี้หอพักที่เธออาศัยอยู่มาเกือบเจ็ดเดือนนั้น เริ่มมีข่าวคราวให้ได้ยินมาว่ามักมีชายแปลกหน้าเข้ามาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ภายในหอ ทว่าเจ้าของตึกกลับไม่สนใจปล่อยปละละเลยลูกบ้าน จนณิชาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเข้า และสาเหตุที่เธออยากซื้อบ้านแทนการเช่าห้องคับแคบก็เป็นเพราะณิชาเป็นสาวต่างจังหวัด ครอบครัวของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอีกไม่นานก็จะขยายสาขามาที่กรุงเทพ ฯ และแน่นอนว่าในอนาคตเธอต้องใช้ชีวิตที่นี่มากกว่าการกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเลือกซื้อบ้านตั้งแต่ตอนนี้ก็คงจะเป็นผลดีมากกว่า “ถ้างั้นพี่ขอเข้าดูบ้านตัวอย่างได้ไหม” “ครับ นี่นามบัตรผมถ้าสะดวกวันไหนพี่ก็โทรมา” “ขอบใจมากนะ” ขณะที่สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ มือหนาประคองพวงมาลัยส่วนอีกข้างก็จัดการล้วงนามบัตรออกมาจากช่องใส่ของที่อยู่ตรงกลางระหว่างเธอและเขา ก่อนจะยื่นนามบัตรใบเล็กสีดำให้กับณิชา และเธอเองก็รับมันไปถือไว้พลางเอ่ยขอบคุณหนุ่มรุ่นน้องพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้คนขับตามมารยาท ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับจากนิกซ์ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอย่างตั้งใจ ไม่แม้กระทั่งจะหันมายิ้มตอบให้กับคนสวยที่มีสีหน้าเจื่อน ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อครู่ค่อย ๆ หุบลง เมื่อเห็นว่าน้องชายของเพื่อนสนิทเย็นชาและสุขุมกว่าที่คิด เธอจึงพ่นลมหายใจยาวพร้อมกับเบือนหน้าเข้าประตู แล้วทอดมองไปยังวิวข้างถนนด้านนอกอีกครั้ง แต่ไม่ทันไรใบหน้าสวยใสต้องหันกลับเข้าหาคนขับอีกครา เมื่อเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามถึงเรื่องส่วนตัวแบบไม่มีปี่ขลุ่ย เหมือนคนผีเข้าผีออกเดาใจยากเสียเหลือเกิน “พี่ไม่มีแฟนหรอ” “ไม่อะ ทำไมหรอ” “ก็ว่าทำไมถึงติดรถมากับผม” น้ำเสียงเรียบนิ่งมาพร้อมกับสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ของหนุ่มรุ่นน้อง ส่งผลให้ณิชารู้สึกน้อยใจเผลอคิดไปว่าตัวเองคงเป็นภาระของทุกคน อีกทั้งยังนึกโทษไปถึงรถยนต์ไม่รักดีที่เข้าศูนย์มาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะซ่อมเสร็จเสียที ในเมื่อเจ้าของรถเอ่ยมาเช่นนี้แล้ว หากจะให้ผู้อาศัยอย่างเธอทำเมินต่อคำพูดเหน็บแนมแล้วทนนั่งรถกับเขาต่อไป ก็ดูจะเป็นคนหน้าหนาเกินควร “ขอโทษที่ต้องรบกวนนายนะ ความจริงนิกซ์จอดข้างหน้าก็ได้เดี๋ยวพี่นั่งวินกลับหอเอง” “ไร้สาระ” ประโยคสั้น ๆ แต่กลับมีผลต่อคนฟังที่ตอนนี้ชะงักนิ่งพูดไม่ออก เพราะตั้งแต่มีแฟนจวบจนตอนนี้ที่อยู่เป็นโสดยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าพูดกับเธอด้วยเสียงห้วน ๆ เช่นนี้เลยสักครั้ง และสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมเธอถึงต้องมารู้สึกจุกอกกับคำพูดของผู้ชายคนนี้กันด้วย ไวทันความคิดเมื่อปากไม่รักดีดันเอ่ยประชดประชันคนขับ ราวกับว่าตัวเองเป็นคนงี่เง่าทั้งที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน “จอดเถอะ พี่กลับเองได้” “ไม่ใช่เด็ก” “ไม่อยากเป็นภาระของใคร” “แล้วผมพูดหรือยัง” จริงอยู่ที่นิกซ์ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำให้คนฉลาดอย่างเธอเข้าใจได้ดี เพราะมันไม่ต่างจากการไล่ทางอ้อมเลยสักนิด “ถึงนายไม่พูดพี่ก็เข้าใจนิกซ์” เอี๊ยดดด! เมื่อหมดความอดทนมือหนาจึงตบไฟเลี้ยว พร้อมกับหักพวงมาลัยเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรงบ่งบอกว่ากำลังเบื่อหน่ายผู้หญิงงี่เง่าเต็มทน เรียวปากหยักขยับพูดด้วยเสียงเยือกเย็น ทั้งที่สายตาคมกริบยังคงมองไปยังเบื้องหน้าไม่คิดจะหันมาหาเธอเลยด้วยซ้ำ “อยากลงมากใช่ไหม” “ขอบใจมากนะที่ให้ติดรถมาด้วย” ปึก ปึก ณิชากล่าวขอบคุณอีกฝ่ายตามมารยาท ร่างเล็กเอี้ยวตัวกลับมาเตรียมจะเปิดประตูลงจากรถเพราะอึดอัด จนไม่สามารถฝืนนั่งต่อไปได้อีกแล้ว หากแต่พยายามเปิดเท่าไหร่กลับเปิดไม่ออก ทำเอาเธอชักเริ่มโมโหเผลอขึ้นเสียงใส่เจ้าของรถอย่างลืมตัว “ช่วยเปิดประตูด้วยนิกซ์!” “แน่ใจว่าอยากกลับเอง” “ใช่ ไม่อยากรบกวน...” ไม่ทันที่คนน้อยใจจะได้เอ่ยจนจบประโยคเสียงปลดล็อกประตูก็ดังขึ้น บ่งบอกว่านิกซ์ยอมปล่อยเธอลงจากรถตามคำร้องขอ ไม่รอช้าเธอจึงรีบพาตัวเองลงจากรถของคนใจดำ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปตามฟุตบาทอย่างไร้จุดหมายปลายทาง โดยมีนิกซ์คอยลอบมองอยู่ในรถอย่างไม่คาดสายตา คนตัวเล็กเดินห่างจากตัวรถออกไปไกลเรื่อย ๆ จนพาลให้เขารู้สึกโมโหที่เธอทำตัวอย่างกับเด็ก ไม่คิดว่าจะกล้าเดินไปคนเดียวในที่เปลี่ยว ๆ เช่นนี้ เสียงทุ้มต่ำสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมด้วยมือหนัก ๆ ทุบเข้าพวงมาลัยอย่างเหลืออด “แม่งเอ้ย!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD