17.บังเอิญพบคู่หมั้นเก่า

1063 Words
บทที่ 15 เสียงขลุ่ยแผ่วเบาแทรกกับกลิ่นอบเชยและดอกบ๊วยที่ลอยลมมาในบรรยากาศของตลาดยามใกล้ค่ำ เจียวลี่ถือถุงเครื่องสำอางในมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกมือยังถือกล่องชาสมุนไพรจากร้านประจำ แพรไหมบางคลุมไหล่พริ้วไหวตามแรงลม ชายกระโปรงยาวกระทบแสงตะวันคล้อยต่ำราวแสงจันทร์ในยามพลบค่ำ นางกำลังจะหันกลับไปทางหอคณิกา ทว่าทันใดนั้นเอง... เสียงเรียบทุ้มหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงที่... คุ้นเคยในอดีต และฝังลึกในใจยากลืมเลือน “หากรู้ว่าเจ้าจะงามถึงเพียงนี้ ข้าคงไม่ปล่อยเจ้าจากมา” เจียวลี่หันขวับ สายตาของนางประสานเข้ากับดวงตาสีดำลุ่มลึกของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขาสูงขึ้นมากกว่าครั้งสุดท้ายที่พบเจอ ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยบารมีของผู้ครอบครองกิจการนับไม่ถ้วนในเมืองหลวง แต่สิ่งที่เปลี่ยนที่สุดไม่ใช่ทรงผมหรืออาภรณ์ แต่เป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่เขาใช้มองนาง “คุณชายใหญ่!” นางแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง “เหตุใดท่านจึง อยู่ที่นี่” เขาเดินเข้ามาใกล้ ฝูงชนพลุกพล่านพลันเหมือนเบลอหายไปจากสายตา นางได้ยินเพียงเสียงหัวใจตนเอง... และเสียงเท้าของเขาที่หยุดลงเบื้องหน้า “เพราะตลาดวันนี้คงไม่งาม หากไม่มีเจ้าอยู่ในนั้น” เขาพูดเรียบง่าย ก่อนเอื้อมมือจับชายแขนเสื้อนางเบา ๆ “เจียวลี่... เจ้ารู้หรือไม่ ข้าตามหาเจ้ามานานแค่ไหน” “หา ข้า” นางขมวดคิ้ว น้ำเสียงขื่น ๆ พลันไหลออก “ท่านหาข้างั้นหรือ หลังจากวันที่ข้าถูกถอนหมั้น ไม่มีแม้แต่เงาท่านปรากฏ” “ข้า... ไม่มีโอกาสได้เลือก” เขาเอ่ยอย่างจริงจัง แววตาแน่วแน่ “วันนั้นบิดาข้าขายหุ้นส่วนทั้งหมดในมือให้ขุนนางผู้หนึ่ง แลกกับการล้มเลิกการและแต่งกับตระกูลเจ้า เขาต้องการให้ข้าแต่งกับธิดาของเขาแทน...” เจียวลี่สะอึก หัวใจราวมีใครบีบ ทว่าน้ำเสียงนางยังคงไว้ความสง่างามที่สร้างมากับกาลเวลา “แต่ท่านก็เลือกที่จะไม่กลับมาหาแม้สักครั้ง” เขาไม่เถียง กลับยื่นมือออกมาช้า ๆ “แล้วตอนนี้. ข้าขอถามอีกครั้งหนึ่งแม้ช้าไปมาก แต่หากเจ้ายังมีเยื่อใยกับชื่อของข้าในหัวใจ เจ้าจะยอมให้ข้าชดใช้หรือไม่” คุณชายใหญ่ตระกูลพ่อค้าเอื้อมมือมาหยิบกล่องผ้าไหมสีดำสนิทจากชายเสื้อตน เขายื่นมันให้ตรงหน้าหญิงสาว “นี่เป็นหนังสือไถ่ถอนของเจ้าจากหอคณิกา ข้าจ่ายไปแล้ว” เจียวลี่เบิกตากว้าง หัวใจพลันเต้นรัว “ท่าน... กล้าทำอะไรโดยไม่ถามข้าเลยหรือ?” นางสบตาเขา ตรง เสียงนิ่ง... แต่แฝงประกายเจ็บลึก “ตอนครอบครัวข้าล้มละลาย ข้าต้องสวมเสื้อผ้าเก่าของบ่าว กินข้าวเหลือจากครัว ท่านอยู่ที่ไหน” “ตอนข้าร้องไห้เพราะถูกถอนหมั้น ท่านยังอยู่ในเมืองหลวง แต่ไม่แม้แต่จะเขียนจดหมายสักฉบับ ท่านยังจำได้หรือไม่” เขานิ่งงันไป ริมฝีปากแน่นราวกลืนถ้อยคำขอโทษทั้งหมดไว้ “เจียวลี่ ข้ารู้ว่าข้ามาช้า แต่นี่ไม่ใช่การซื้อใจเจ้า ข้าเพียงอยากคืนอิสระให้ผู้หญิงที่ข้ารัก” เจียวลี่หัวเราะน้อย ๆ แต่ไม่ใช่ด้วยความขบขัน หากเต็มไปด้วยน้ำตาในรอยยิ้ม “อิสระของข้าหรือ” “ตอนนี้ข้าเลือกจะอยู่ที่นี่เอง ท่านไม่มีสิทธิ์คืนอะไรให้ข้า” นางหมุนกายจะจากไป แต่เสียงของเขากลับตามมากระซิบข้างหลัง “ข้ารักเจ้า... ตั้งแต่วันแรกที่ข้าเห็นเจ้าเล่นพิณใต้ต้นเหมยหน้าบ้านเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนเดียวในชีวิตข้า” เจียวลี่ชะงัก หัวใจพลันสั่น แต่ไม่หันกลับไป “รักหรือ ถ้าเป็นรักจริง ท่านคงไม่ยอมให้ถอนหมั้นง่าย ๆ เช่นนั้น” “และข้าก็ไม่ต้องมาเล่นพิณในหอคณิกาให้บุรุษนับร้อยหลงใหลอย่างทุกวันนี้” เสียงฝีเท้านางค่อย ๆ ห่างออกไป คุณชายใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางโคมไฟร้อยพัน... แต่กลับรู้สึกเย็นเยียบกว่าทุกฤดูในชีวิตที่ผ่านมา @.ยามค่ำในงานเทศกาลโคมไฟ ฟ้ายามค่ำคลุมด้วยม่านสีคราม รอยแสงจากโคมนับร้อยพันส่องทอระยิบราวดวงดาราจากสรวงฟ้า เสียงขลุ่ยไผ่ลอยมากับสายลมเบา ผู้คนหัวเราะหยอกล้อใต้แสงโคม เจียวลี่กลับไปเปลีายนชุดที่หอ แล้วออกมาทีครั้งในชุดสีชมพูอ่อนปักลายบุปผา เดินเนิบช้าในตรอกโคมที่ประดับประดาแสงสีราวแดนฝัน นางหยุดหน้าร้านขายโคมร้านหนึ่ง โคมกระดาษทรงกลมลายกระเรียนบินประดับด้วยคำปริศนาพันไว้ที่หาง "แปดขาเดินเร้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่มีเสียง คือสิ่งใด" เจียวลี่ขมวดคิ้วนิ่ง หัวคำนวณคำใบ้อยู่หลายนาที แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ขณะนั้นเอง เสียงนุ่มลึกพลันดังขึ้นข้างหลัง พร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากชาสมุนไพร "คำตอบคือ พัด" นางหันขวับด้วยความตกใจเล็กน้อย สายตาเผชิญเข้ากับดวงหน้าของบุรุษผู้หนึ่งผิวขาวจัด คิ้วเข้มดั่งหมึก เส้นผมยาวถูกรวบเรียบไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาเปล่งประกายปัญญา ทว่าลุ่มลึกจนชวนให้นางหลบตา เจียวลี่เอียงหน้าหลบเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยเสียงนุ่ม "ขอบคุณเจ้าคะคุณชาย ข้าใช้เวลานานนักกับปริศนาเดียว" "โคมมีไว้เล่นปริศนา ส่วนความงามของแม่นาง คงเป็นปริศนาที่บุรุษทั้งหลายไขไม่ได้แม้ตลอดชีวิต" เขายิ้มบาง ไม่ใช่ยิ้มหว่านล้อม แต่เป็นยิ้มที่มีประกายจริงใจ เจียวลี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะเบา "บัณฑิตช่างปากหวานนัก" เขายกมือประสาน "ข้าแซ่ซู ชื่อหมิงเจี๋ย เป็นเพียงบัณฑิตเดินทาง ขอโอกาสแม่นางร่วมเดินชมโคมสักครา จะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง" นางมองเขาอย่างพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ "ก็ได้... แต่ท่านห้ามทายคำปริศนาแทนข้าอีกนะ" ซูหมิงเจี๋ยหัวเราะ "ข้าสาบานว่า จะไม่แย่งแม่นางสนุกในเทศกาลอีก"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD