“ดิน กูกลับห้องก่อนนะ” ฮันต์มองเพื่อนด้วยดวงตาอ่อนล้า ทว่าก็แค่แสร้งทำไปอย่างนั้น
“เพลียเหรอ” ดินก้มหน้ามองฮันต์ซึ่งเตี้ยกว่าพร้อมกับใช้มือที่พันด้วยผ้าสีขาวอิงหน้าผาก
“อืม วันนี้เรียนหนักมาก เจอกันที่ห้องนะ”
เมื่อฮันต์เก็บสัมภาระที่วางอยู่ข้างตัวภายในลานซ้อมมวยเสร็จ หมุนตัวก็แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์...เป็นอิสระแล้วโว้ย!
..
.
“หนูขอโทษนะพี่ฮันต์ ต่อไปนี้จะไม่ทำนิสัยแย่ๆ แบบนั้นกับพี่ ขอบคุณที่พี่ให้อภัยหนู” เชอร์รี่กะพริบตาปริบๆ ดูน่าสงสารใจจับ
ฮันต์นั่งอยู่บนเตียง ภายในห้องของเธอ รวบเชอร์รี่ที่นั่งข้างๆ มาโอบกอด
“พี่ให้อภัยหนูเสมอแหละค่ะ”
“ขอบคุณนะ” เชอร์รี่พูดอีกครั้ง ก่อนซุกหน้ากับแผงอกฮันต์ และยังซุกซนลูบไล้พุงน้อยๆ
“ผอมลงเปล่าคะเนี่ย?”
“นิดหนึ่ง” ฮันต์บอกตามจริง ก่อนหน้านี้แฟนสาวที่เขารักมากๆ คนนี้ ทิ้งเขาไปหาชายอื่น
แต่แล้วไม่รู้ยังไง เธอมาขอเขาคืนดี ฮันต์ที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน รีบดิ่งมาหาเธอ
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นครั้งที่สิบสอง ถ้าดินเพื่อนจอมโหดรู้ว่าต้องทานอาหารเม็ดอีกแล้ว มันเอาเขาตายแน่ เพราะงั้นให้ดินรู้ไม่ได้เด็ดขาด
..
.
“เฮ้ อย่ายุ่งกับมันนะเพื่อน กราบล่ะ”
“มึงก็บอกกูมาสิ ว่ามันอยู่ไหน?”
“มึงนอนด้วยกันทุกวัน ยังไม่รู้แล้ว อ๊ากก!” แทนร้องลั่น เพราะเพื่อนในแก๊ง มันยกเท้าจะถีบตุ๊กตาหมีพูห์ตัวใหญ่ที่แฟนของตนซื้อให้
“จะบอกกูได้ยังว่าฮันต์อยู่ที่ไหน?”
..
.
“พี่ฮันต์ไม่รับโทรศัพท์เหรอคะ”
“พ่อโทรมาน่ะ แต่ไม่มีไรหรอกเขาคงโทรมาถามว่ากินข้าวรึยัง” ฮันต์พูดโดยไม่แลมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็คไม่หยุด
ซึ่งเขารู้ดีว่าคนที่โทรมาไม่ใช่พ่อ เป็นเพื่อนเวร...พ่อนะพ่อ จะฝากเขาไว้กับมันทำไม?
ฮันต์ตอนนี้อายุ 20 แล้ว เรียนอยู่ปี 2 ดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นต้องให้ดินจับตาดูเขาเลย ฮันต์ไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนด้วย ไม่ยุ่งสิ่งเสพติด เหล้าไม่แตะบุหรี่ไม่สูบ เป็นเด็กดีขนาดนี้แท้ๆ
‘ก็แกมันซื่อ ไม่ทันใครเขาหรอก’ จู่ๆ คำพูดของพ่อก็ลอยเข้ามาในโซนประสาทที่ตึงเครียด
“คืนนี้นอนกับหนูนะคะ”
“...” ฮันต์อึ้ง ก่อนยิ้มปากแทบฉีก
“ได้เลยครับ...หนูกินข้าวยัง ให้พี่ทำอะไรให้ทานไหมคะ” ฮันต์ถามอย่างกระดี๊กระด๊า
“อยากกินพี่ฮันต์ ขอกัดคำหนึ่งได้ไหมคะ หิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แล้วค่ะ” เชอร์รี่ออดอ้อน
“ได้สิคะ”
ฮันต์โดนแม่สาวน้อย ที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปีผลักหงายลงไปนอนราบบนเตียง เชอร์รี่พลิกขึ้นคร่อม ขบลำคอ ไต่ความรุนแรงไปทีละระดับ
แผงอกฮันต์กระเพื่อมอย่างแรง ทางสวาทเธอเลื่อนรูดลำกายเขาผ่านกางเกง แต่...แม่งเอ๊ย ไอ้ฮันต์คนนี้ไม่เคยนอนกับใครมาก่อนจึง...แตก
- - ' ก่อนจะได้ร่วมรักกับสาวสวย
“เอ่อ...พี่ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ”
“...” เชอร์รี่นิ่วหน้า
ให้บอกเธอว่าเขาแตกแล้วก็ยังไงอยู่ จึงผลักร่างอรชรเบาๆ แล้วสาวเท้าฉับไวหายเข้าห้องน้ำ
“โธ่เว้ย!” ฮันต์ถอนหายใจ ล้วงโทรศัพท์ออกมาดู ในขณะล้างน้ำที่เหนียวเหนอะอยู่ในกางเกง
กูซ้อมเสร็จแล้ว จะให้ซื้อไรเข้าไปไหม
วันนี้ข้าวมันไก่ร้านเจ๊จอยเปิด
เอาน้ำใบบัวบกด้วยไหม?
ในช่วงต้นแชต เป็นคำถามที่ดินถามบ่อยๆ แต่พอเลื่อนมาด้านล่าง ฮันต์พลันหยุดหายใจ
มึงอยู่ที่ไหน?
ไม่รับสายกูหมายความว่าไงวะ?
กลับไปแล้วไม่เจอ เดี๋ยวมึงเจอกู
ฮันต์แทบกรีดร้อง “เพื่อนรึพ่อวะ ไอ้เชี่ย”
รีบเก็บลำกาย จัดเสื้อผ้าเข้าที่เข้าทางแล้วออกจากห้องน้ำ “หนูคะ พี่ขอโทษ คงนอนกับหนูไม่ได้แล้ว คือ...พ่อ เขามีธุระจะคุยกับพี่น่ะ”
ร่ำลาเชอร์รี่เสร็จ ฮันต์วิ่งลงบันไดสี่ชั้น มาถึงหน้าตึกลมเย็นยะเยือกก็ปะทะเข้ามา ทำให้ชาวาบไปทั้งตัว ดวงตาหดเล็ก ฟันขบกันไปมา
“ดะ ดิน”
“ขึ้นรถ”
“...” เขาไม่รู้ว่าดินมาอยู่ที่นี่ได้ไง แต่ไม่ต้องสืบให้เสียเวลา ที่เขาเตี๊ยมไว้กับแทนคงพังทลาย ไอ้แทนคงบอกดินแล้วว่าเขากลับมาหาแฟนเก่า
“เราตัดเพื่อนกันเถอะ”
“อยากบวม” ดินสวน เรือนผมสีทอง นัยน์ตาดำขับที่แข็งราวกับธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือขบให้โครงหน้าคม จมูกโด่งรับกับปากหนาหยักดุร้าย
“...” บวมอะไรวะ? ฮันต์คิดแต่ไม่กล้าถาม
“ฮันต์ขึ้นรถ”
แทนกูจะฆ่ามึง...ฮันต์ส่งข้อความหาแทนขณะนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ แต่แล้วคนขับก็เอื้อมมือมาดึงแขนทั้งสองให้ไปโอบเอว
“เกาะให้แน่นๆ สิวะ” ดินว่าเสียงเหี้ยม ฮันต์โดนลมราตรีกาลโอบล้อม หนาวสะท้าน รัดเพื่อนแน่น กระทั่งถึงหอพักที่อยู่ไม่ใกล้จากมหา'ลัย
“อย่ามองกูแบบนี้ได้ไหม” ฮันต์บอกดิน เมื่ออีกคนลงรถก็จ้องหน้าเขม็ง ดินทั้งสูงยาวเข่าดี
แถมยังเป็นถึงนักมวยอาชีพ จ้องกันเช่นนี้จะไม่ให้ฮันต์ที่ตัวเท่าลูกหมากลัวหัวหดได้อย่างไร
“เจ็บแล้วไม่จำ” ดินดุ
“ก็ต้องเจ็บแบบนี้แหละถึงจะได้รู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ใครจะไปตายด้านอย่างมึงวะ”
ฮันต์เถียงข้างๆ คูๆ “เวลากูคบใคร กูรักจริง เพ้อไปถึงแต่งงานอะ ไม่ใช่แบบมึง ที่แค่หวังฟัน”
ดินมุมปากกระตุก แต่ไม่โต้กลับ ลากคนตัวเล็กขึ้นบันได พอฮันต์ดิ้นขืนก็อุ้มพาดบ่าไปที่ห้อง
“ไปอาบน้ำ เน้นถูตรงคอเยอะๆ”
“...” ฮันต์เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจ แล้วจึงเห็นว่าซอกคอมีรอยจ้ำเลือดอยู่หนึ่งรอยผ่านกระจกตู้เสื้อผ้า
“เดี๋ยวกูลบให้”
ดินนั่งบนพื้นหน้าประตู ถอดถุงเท้าด้วยท่าทีสง่างาม จนคนมองรู้สึกอิจฉาตาร้อนในความเท่
“แค่ถอดถุงเท้าจะเก๊กไรขนาดนั้น” ฮันต์ทำเสียงสูง พาดผ้าขนหนูบนบ่าหายเข้าห้องน้ำ
...ว่าแต่รอยนี้ลบได้ด้วยเหรอ
ฮันต์มองตนเองในกระจกอ่างล้างหน้า ถึงจะไม่เคยมีอะไรกับใคร แต่เขาไม่ใช่เด็ก
ไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดนั้น เพื่อนๆ ของเขามีรอยดูดมาให้เห็นแทบทุกวันและพวกมันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...ต้องรอให้มันจางไปเอง
.
.
“พร้อมมานอนถ่างให้กูลบรึยัง?”