'หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ทางเราพยายามทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถรักษาเด็กในครรภ์ของคนไข้เอาไว้ได้"
ปึง
"ทำไมไม่ตายทั้งแม่ทั้งลูกวะ"ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับปล่อยกำปั้นหนัก ๆ ทุบลงบนกำแพงห้องพักคนไข้เพื่อต้องการปลดปล่อยความอัดอั้นภายในใจที่มีอยู่เต็มอกในตอนนี้
ดวงตาที่เคยอ่อนโยนตวัดหันไปมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของภรรยาสาวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผล และเธอกำลังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงคนไข้ยังไม่ได้สติฟื้นขึ้นมาจากการเกิดอุบัติเหตุที่'เขาเป็นฝ่ายตั้งใจสร้างมันขึ้นมา'เพื่อทำให้เธอจากโลกนี้ไป
"แล้วทีนี้พวกเราสามคนจะทำยังไงเพราะคนที่ตายคือลูกในท้อง ไม่ใช่หนูผ้าแพร คนพวกนั้นเอาเราสามคนตายแน่ถ้าพวกเราไม่มีเงินไปใช้หนี้คืน"
"นั่นสิ นังเด็กคนนี้ดวงมันก็แข็งเหลือเกิน แกจะทำอะไรก็รีบทำ ไม่อย่างนั้นพวกเราสามคนได้ตายกันทั้งหมดแน่"
"พ่อกับแม่ช่วยอยู่เงียบ ๆ ก่อนได้ไหม ผมกำลังคิดหาวิธีอยู่เนี่ย"ชายหนุ่มที่ไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของพ่อและแม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาจนทั้งสองคนต้องรีบปิดปากเงียบทันที
ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มยืนคิดด้วยสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมา เพราะการวางแผน(ฆ่า)เพื่อเอาทรัพย์สมบัติของอีกฝ่ายนั้นมันจะต้องเป็นวิธีที่แนบเนียนไม่ทิ้งหลักฐานให้ตำรวจตามจับตัวได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเขาจะหาวิธีลงมือจัดการภรรยาสาวในตอนนี้อีกครั้ง
"โถ่เว้ย แล้วทีนี้เราสามคนจะมีโอกาสอีกไหม กว่าผมจะคิดหาวิธีลงมือได้โอกาสมันไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ นะ ถ้าหากพ่อตัดสินใจเร็วกว่านี้ ขับรถพุ่งชนรถของผ้าแพรตั้งแต่ทีแรก เธอก็ไม่รอดมานอนเป็นผักอยู่แบบนี้หรอก"ดนัยโวยวายใส่พ่อตัวเองที่ทำงานพลาด จนอีกฝ่ายหน้าเจื่อนไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้
"ถ้าพ่อตัดสินใจเร็วกว่านี้อีกสักนิด ไม่ใช่แค่เด็กนั่นหรอกที่ตาย ผ้าแพรก็ไม่รอด"ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อแผนที่เขาวางไว้พังลงเพราะความไม่เด็ดขาดของพ่อตัวเอง
"ใช่ เพราะคุณคนเดียว อะไรที่ทำให้คุณลังเลใจไม่จัดการทำตามแผนให้เร็วกว่านี้ ครั้งนั้นตอนที่คุณจัดการคุณเสกสรรกับคุณน้ำทิพย์ คุณยังทำมันได้"ผู้เป็นภรรยาหันไปโวยวายใส่สามีอีกครั้งด้วยความขัดใจ และคนที่เธอพูดถึงเมื่อครู่นั้นก็คือบิดาและมารดาของคนที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้
"ถ้าเราไม่ได้สมบัติของหนูผ้าแพรเอาไปใช้หนี้ รับรองพวกเราทั้งสามคนได้ตายกันหมดทุกคนแน่"
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ฆ่ามันตอนนี้เลยสิ"
"พ่อจะบ้าเหรอ อยากติดคุกหรือไง"ลูกชายหันไปตวาดใส่พ่อตัวเองอีกครั้งกับความคิดที่ไม่เข้าท่าที่อีกฝ่ายเสนอมา
"นี่โรงพยาบาลนะพ่อ เดี๋ยวตำรวจก็ได้แห่กันมา และถ้าผ้าแพรฟื้นคงหนีไม่พ้นที่ตำรวจจะมาสอบปากคำ"
"แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อแผนทุกอย่างมันพัง นังผ้าแพรมันก็ไม่ตายตามพ่อแม่ของมันไป"
"ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก เดี๋ยวผมจะลองไปเจรจากับคุณ'ขุนพล'ดูก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหม ในระหว่างนี้พ่อกับแม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรไปก่อน มีเวลาเมื่อไหร่ เราค่อยจัดการลงมืออีกครั้ง"ดนัยพูดขึ้นมาอย่างมีความหวังแม้ว่ามันจะช่างริบหรี่เลยก็ตาม
"ถ้าตำรวจมาสอบปากคำตอนผ้าแพรฟื้น พ่อกับแม่ก็อย่าทำตัวให้มีพิรุธล่ะ เดี๋ยวจะพากันซวยไปทั้งหมด"ความพยายามในครั้งนี้ของเขานั้นสูญเปล่า เขาต้องการสมบัติของหญิงสาวมาใช้หนี้ที่ครอบครัวของตัวเองที่ก่อเอาไว้
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าของชายหนุ่มมีเสียงเรียกเข้า ทันทีเมื่อเขาล้วงหยิบออกมาจากกระเป๋า แววตาแข็งกร้าวก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
"ครับ มีนา"
"นอนแล้วเหรอคะ"
"ยังครับ"เสียงทุ้มฟังดูอ่อนโยนเอ่ยพูดกับปลายสายไม่ได้ทำให้ผู้เป็นบิดาและมารดารู้สึกสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ของลูกชายและผู้หญิงที่ต่อสายเข้ามา
"แล้วเมียของคุณล่ะคะ นอนแล้วหรือยัง มีนาคุยกับคุณได้ไหม"เสียงหวานฟังดูออดอ้อนจากปลายสายทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา
"ผ้าแพรเธอหลับไปแล้วครับ ว่าแต่ทำไมตอนนี้มีนาของผมยังไม่นอนอีกล่ะครับ"
"จะให้มีนาหลับลงได้ยังไงล่ะคะ ก็คนที่มีนารักกำลังไปจัดเซอร์ไพรส์ให้กับภรรยาของเขาอยู่ มีนาหลับไม่ลงหรอกค่ะ"เสียงออดอ้อนที่ดังมาจากปลายสายทำให้ชายหนุ่มเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อถึงเขาได้
"ผมจัดเซอร์ไพรส์ให้ผ้าแพรเสร็จแล้ว มีนาอย่าพึ่งนอนนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบขับไปจัดหนักให้"
"จริงเหรอคะรีบมานะคะ มีนาอยากจัดหนักกับคุณ"
"ครับ รอผมนะครับที่รัก"ชายหนุ่มรีบวางโทรศัพท์ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถคันหรูมาถือเอาไว้เตรียมพร้อมที่จะไปหา มีนา ผู้หญิงที่เขาแอบเลี้ยงดูเธอไว้อย่างลับ ๆ มาตลอดสองปีเต็ม
"แกจะไปหาผู้หญิงคนนั้นเหรอ"ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังจะเดินออกไปจากห้องพักคนไข้
"ใช่ พ่อกับแม่มีอะไรหรือเปล่า"
"แล้วแกไม่คิดจะเฝ้าเมียของแกหรือไง"ผู้เป็นมารดาพยักหน้าไปทางร่างนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ทำให้ดนัยต้องหันมองตามไปยังร่างของภรรยาด้วยสายตาเย็นชาไร้เยื่อใยราวกับคนไม่ได้รักกันแล้ว
"ไม่ล่ะ ผมจะไปหามีนา ถ้าพ่อกับแม่อยากจะอยู่เฝ้า ก็เฝ้ากันไปเองสองคน ผมไปล่ะ"ดนัยพูดจบก็รีบเดินออกไปราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องราวอะไรที่มันร้ายแรงเกิดขึ้น ปล่อยให้สองสามีภรรยานั่งมองหน้ากันอยู่ท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องพักคนไข้ระดับVIP
"จะเอาไง จะอยู่หรือจะไป"ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เต็มใจที่จะอยู่เฝ้าลูกสะใภ้สักเท่าไหร่
"จะไปก็ไป ผมเองก็ไม่อยากจะอยู่เฝ้า ไปกาสิโนของคุณขุนพลดีกว่า เผื่อว่าวันนี้จะมีโชค"
"ฉันไปด้วย"สองสามีภรรยาที่ถูกปีพนันเข้าสิงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยท่าทีไม่ต่างอะไรกับลูกชาย
ปล่อยให้ร่างปวดร้าวของผ้าแพรได้แต่นอนนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ หลังจากทุกคนเปิดประตูเดินออกไปเธอก็เปิดเปลือกตาขึ้นมา
เธอฟื้นได้สติมาสักพักใหญ่ และทันทีที่รู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจากสามีที่เธอทั้งรักและไว้ใจเขามาตลอดหลายปี
ผู้ชายที่เธอรักและคิดจะฝากชีวิตกับเขาไปจนถึงยามแก่เฒ่า บัดนี้เขาได้หมดรักเธอไม่เหลือแม้แต่เยื่อใย คิดที่จะทำร้ายถึงขั้นฆ่ากันให้ตายเพียงเพราะต้องการเอาทรัพย์สมบัติของเธอไปใช้หนี้ และตอนนี้สามีก็ยังไปมีผู้หญิงคนอื่นไม่คิดจะสนใจหันมาดูดำดูดีเธอเลยสักนิด
ลูกน้อยที่เธอรู้ว่าพึ่งมีเขาได้ไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็มาด่วนจากไปด้วยฝีมือของปู่ย่าที่ได้ร่วมมือกับบิดาทำให้เธอต้องสูญเสียลูกน้อยไปตลอดกาล
น้ำตาของผ้าแพรไหลอาบน้ำตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่คิดเลยว่าพวกเขาทั้งสามคนจะกล้าทำกับเธอถึงขนาดนี้ และเธอที่พึ่งจะได้รู้ว่าการตายของบิดาและมารมามันก็มาจากฝีมือของคนพวกนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียใจไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่ได้สิ ถ้าเธอตายไปแล้วใครจะสอนบทเรียกให้คนทั้งสามคนได้หลาบจำ
เธอจะทำให้ทั้งสามคนได้ลิ้มรสความเจ็บปวด เหมือนกับที่พวกมันเคยทำไว้กับเธอ