บทที่1
'หมอขอแสดงความยินดีกับคุณผ้าแพรด้วยนะคะ คุณตั้งท้องได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ'
คำพูดของหมอด้วยน้ำเสียงแห่งความปลาบปลื้มและยินดีพร้อมทั้งภาพอัลตราซาวด์ทำเอา'ผ้าแพร'ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
'ลูกแม่'ฝ่ามือสั่นเทาบรรจงลูบหน้าท้องแบบราบของตัวเองซึ่งตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเกิดขึ้นมาจากความรักของเธอและสามี
'เย็นนี้เราไปดินเนอร์ด้วยกันนะคะ แพรมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกคุณค่ะ ดนัย'
หญิงสาวในวัยยี่สิบเจ็ดปีวางโทรศัพท์เครื่องหรูลงบนโต๊ะทำงานหลังจากที่เธอส่งข้อความบอกสามีรักอย่าง'ดนัย'เสร็จ
ริมฝีปากสวยเคลือบด้วยลิปสติกสีหวานคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขหลังจากได้รับข่าวดีจากหมอที่เธอไปหาเมื่อเช้า
หญิงสาวหยิบเอกสารการตั้งครรภ์ขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้งพลางยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะเธอและสามีต่างก็ต้องการสิ่งนี้มานานหลังจากคบหาและแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาตลอดห้าปีเต็ม
"แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดนะคะ พ่อจะต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่รู้ว่ากำลังจะมีหนู"หัวใจของเธออิ่มฟูจนไม่สามารถหุบยิ้มได้
เสียงข้อความที่ดังขึ้น ทำให้หัวใจของเธอยิ่งพอโตเมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีตอบข้อความกลับมา
'ได้สิครับ เจอกันเย็นนี้ที่ร้านอาหารประจำของเราสองคนนะครับ ผมเองก็มีเซอร์ไพรส์ที่อยากจะมอบมันให้กับคุณ'
ข้อความจากสีมีที่ผ้าแพรได้อ่านยิ่งทำให้หัวใจของเธอนั้นดูอิ่มน้ำ ความรักที่เธอและเขาต่างมีให้กันมันช่างเป็นความรักที่ดูหอมหวานและยาวนาน
การแต่งงานครองคู่ด้วยความรักและความเข้าใจกันนั้นเป็นเรื่องที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แม้จะมีบางเรื่องที่เธอและสามีจะไม่เข้าใจตรงกันแต่ทั้งสองก็สามารถปรับความเข้าใจและผ่านมาได้
แม้'ผ้าแพร'จะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อแม่มีทรัพย์สินที่มากมายใช้ทั้งชาติก็ไม่มีทางหมด แต่โชคชะตาก็พรากพวกเขาทั้งสองให้จากเธอไปอย่างไม่มีทางหวนกลับมา
นักศึกษาปีสองไร้ซึ่งที่พึ่งพาในตอนนั้นหลังจากสูญเสียบิดาและมารดาไปอย่างไม่มีทางหวนคืนมันช่างเปล่าเปลี่ยวมองไปทางไหนก็ไม่เห็นความสว่างสดใส แต่ในความโชคร้ายก็ยังเหลือความโชคดี ที่มี'ดนัย'คนรักที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งคอยปลอบใจและคอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ไปไหน
เขาและครอบครัวคอยอยู่ให้กำลังใจ พาเธอก้าวข้ามความมืดมิดในชีวิตออกมาเจอโลกแห่งความสดใส คอยอยู่เคียงข้างไม่เคยทิ้งไปไหนในช่วงตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผ้าแพรเลือกที่จะรักและทุ่มเทฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้อย่างไม่มีข้อแม้แต่อย่างใด
เธอวาดฝันชีวิตหลังแต่งงานเอาไว้อย่างสวยหรู คู่ชีวิตที่แสนจะนิสัยดีและเพียบพร้อม มีลูกน้อยที่แสนจะน่ารักเป็นโซ่ทองคล้องใจ ขอแค่นี้ชีวิตของผ้าแพรก็ไม่ต้องการอะไรอีก
บรรยากาศในยามเย็นภายในร้านอาหารอยู่ติดใกล้กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถมองเห็นแสงสีจากตึกสูงใหญ่และเรือน้อยใหญ่ที่กำลังสัญจรผ่านไปมา
ผ้าแพรอยู่ในชุดเดรสสีขาวสะอาดตา ผิวพรรณขาวนวลผ่องเด่นสง่า กลิ่นการที่หอมคล้ายกับดอกไม้ทำให้เธอเป็นที่สนใจของแขกคนอื่น ๆ ภายในร้าน
"รอนานไหมครับที่รัก"เสียงทักทายอันแสนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่หญิงสาวจะสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดจากท่อนแขนอันแสนอบอุ่นภายในวินาทีต่อมา น้ำหอมกลิ่นคุณเคยลอยแตะเข้าจมูกยิ่งเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของผ้าแพรให้กว้างมากขึ้น
"คิดถึงจังเลยครับ"
"คิดถึงเหมือนกันค่ะ"เธอเอียงใบหน้าหวานหันมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใบหน้าของดนัยโน้มก้มต่ำลงไปหา
จุ๊บ
"แก้มของที่รักทั้งนุ่มทั้งหอม"
"ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงคะ"
"อายทำไมครับ มันเป็นเรื่องปกติที่เราสองคนจะแสดงความรักต่อกัน ผมรักคุณครับ"
"ฉันก็รักคุณค่ะ"แม้จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง แต่ผ้าแพรก็ไม่คิดจะปฏิเสธว่าสิ่งที่สามีกำลังทำอยู่นั้นมันช่วยทำให้หัวใจของเธอผลิบานราวกับดอกไม้ในยามรุ่งเช้า
"เรามาทานอาหารกันดีกว่าครับ วันนี้ผมมีเซอร์ไพรส์ให้คุณด้วย"
"เซอร์ไพรส์อะไรคะ"
"ไม่บอก เดี๋ยวทานอาหารเสร็จแล้วผมจะพาคุณไปในที่ที่หนึ่ง"ทั้งสายตาและน้ำเสียงรวมไปถึงใบหน้าของคนรักที่แสดงออกมาล้วนเต็มไปด้วยความสุข ทำให้ผ้าแพรลอบยิ้มตาม หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นรัวราวกับมีใครเข้าไปตีกลองอยู่ด้านใน ความรู้สึกตื่นเต้นทำให้มือไม้ทั้งสองข้างเย็นเฉียบไม่เว้นแม้แต่ปลายเท้า
หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ที่สามีเป็นคนเลื่อนให้ เขาดูเอาใจใส่และให้เกียรติเธอทุกครั้งเหมือนอย่างที่ผ่านมา แสงเทียนที่ส่องสว่างถูกวางลงตรงกลางโต๊ะทานอาหาร พนักงานต่างทยอยนำอาหารที่ชายหนุ่มได้โทรมาสั่งจองออกมาเสิร์ฟ
"เอ่อ ขอเปลี่ยนจากไวน์เป็นน้ำส้มแทนได้ไหมคะ"ยังไม่ทันที่ไวน์แดงราคาแพงจะได้เทลงแก้วทรงสวย ผ้าแพรก็เอ่ยทักขึ้นมาด้วยความกังวลใจ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ได้
"เปลี่ยนเป็นน้ำส้มคั้นพิเศษมาให้คุณผ้าแพรนะครับ"
"ได้ครับคุณดนัย"เพราะทั้งสองคือลูกค้าประจำของทางร้าน พนักงานจึงรู้จักและให้ความต้อนรับมาเป็นพิเศษ
"คุณเคยบอกผมว่าชอบไวน์แดงที่ร้านนี้ วันนี้เป็นอะไรไปครับ"
"เอ่อ วันนี้แพรรู้สึกเวียนหัวค่ะ อยากดื่มอะไรที่มันเบา ๆ "หญิงสาวพยายามเก็บรวบรวมอาการเอาไว้ เธอคิดจะบอกชายหนุ่มหลังจากที่เขาเซอร์ไพรส์เธอเสร็จ
"วันนี้ประชุมที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยไหม"
"ไม่เหนื่อยเลยครับ เพราะผมมีที่รักคอยเป็นกำลังใจ"คำพูดจากปากของผู้เป็นสามีทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอายหัวใจเต้นแรงกับคำพูดหวาน ๆ เพียงไม่นานพนักงานก็นำน้ำส้มเดินมาเสิร์ฟให้หญิงสาว
"ดื่มน้ำส้มสิครับ ผมสั่งพนักงานให้คั้นแบบพิเศษไว้สำหรับที่รักเลย"
"ค่ะ"ผ้าแพรตอบรับ ดื่มน้ำส้มภายในแก้วก่อนทั้งสองจะลงมือทานอาหารตรงหน้าท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รักที่คบหาแต่งงานกันมานาน
จึงถึงเวลาที่ทั้งคู่ทานอาหารจนเสร็จ หลังจากเช็กบิลทั้งสองก็เดินคล้องแขนออกมายังหน้าร้าน
"เดี๋ยวผมจะขับรถนำไปก่อน แล้วคุณค่อยขับตามนะครับที่รัก"
"ได้ค่ะ"ผ้าแพรตอบรับพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะเธอเองก็ไม่อยากจะทิ้งรถไว้ที่ร้านอาหารจึงเลือกที่จะทำตามคนรักอย่างว่าง่าย
คราแรก บรรยากาศสองข้างทางยังคงมีแสงไฟส่องสว่าง มีรถวิ่งสวนไปมาหากมองไปยังเบื้องหน้าก็จะเห็นรถคันหรูของสามีขับนำอยู่
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
แต่แล้วผ้าแพรก็มีความรู้สึกว่า มีความร้อนรุ่มเกิดขึ้นภายในร่างกายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สมองของเธอเริ่มประมวลสถานการณ์ในขณะนี้ทันทีเมื่อเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
ปี๊น
"ดนัยคะ"ฝ่ามือเรียวกดบีบแตรเพื่อส่งเสียงสัญญาณให้กับสามีที่ขับรถอยู่เบื้องหน้า แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นสามีจะมองไม่เห็นความช่วยเหลือนั้นเมื่อรถของเขาขับออกห่างเธอไปไกล สายตาของผ้าแพรเริ่มพร่ามัวจนเธอแทบจะมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า เธอเริ่มหอบหายใจหนักขึ้นมาพยายามควานโทรศัพท์เพื่อจะต่อสายหาสามี ซึ่งตอนนี้ได้ขับรถนำเธอห่างออกไปไกล
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังพยายามตั้งสติยื่นมือไปควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูอยู่นั้น แสงสว่างวาบจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังขับพุ่งเข้ามาหาส่องผ่านเข้ามาถึงภายในตัวรถทำให้ผ้าแพรเกิดอาการตกใจเบิกตาค้างหมุนพวงมาลัยหักหลบทำให้รถของเธอพุ่งเข้าชนต้นไม้ในเวลาต่อมา
โครม
ฝ่ามือสั่นเทาของเธอประคองหน้าท้องของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ใบหน้าสวยและเรียวขาอาบไปด้วยหยาดเลือดสีแดงสดมากมาย สภาพรถด้านหน้าพังยับ มีกลุ่มควันกลุ่มใหญ่พุ่งลอยออกมา หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ถูกอัดแน่นเข้ากับพวงมาลัยรถยนต์ฟุบหน้าหอบหายใจอย่างโรยริน สิ่งสุดท้ายที่เธอเฝ้านึกถึงก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องของเธอ
"ละ...ลูก"