สายลมอ่อนพัดเนินหญ้าสีเขียวจนมันแนบลู่ลงไป แต่เพราะปลายยอดอันพลิ้วไหวเป็นเอกลักษณ์ จึงคล้ายว่ายอดหญ้าอ่อนเหล่านั้นกำลังเริงระบำอยู่อย่างเริงร่า
ยามตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า เนินดินเล็กบนภูเขากลับได้มีโอกาสต้อนรับหญิงสาวในอาภรณ์สีเข้มเป็นครั้งสุดท้าย
ซือเซียนนั่งอยู่ตรงนี้ก็นานมากแล้ว ในใจคิดถึงแต่วันวาน จึงย้อนคิดกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ได้พบกับเจ้าหน้าขนนี่มา ตอนนั้นมันยังตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ
ในคืนหนึ่งที่ฝนตกฟ้าร้องคำราม..
สายฝนสีขาวกระหน่ำเทอย่างโหดร้าย ในเวลานั้นเจ้าแมวที่นอนใต้ผืนดินตัวนี้กำลังนอนสั่นอยู่ใต้หลังคา ในใจอดสมน้ำหน้าตัวเองมิได้ มันเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ตัดสินใจเช่นนั้น
นางเคยปฏิญาณตนมาตลอด ว่าจะไม่เอาตนเองไปพัวพันกับผู้ใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งแมว กลับแหกกฎตนเองเพียงเพราะสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่นั้นเข้า
ใครใช้ให้มันอยู่กับนางตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้นางได้โตเป็นสาวแล้วเล่า แต่พอนางโตเป็นสาวมาจนยี่สิบกว่าปี เจ้าหน้าขนก็ดันมาตายทิ้งนางไปเสียได้
มาให้นางรักแล้วก็ทิ้งนางไปหรอกหรือ ช่างไร้ปราณียิ่ง แล้วเช่นนี้นางจะคอยอุ้มผู้ใด ป้อนปลาที่แกะก้างแล้วให้ผู้ใด เวลานอนจะมีขนนุ่ม ๆ มาซุกนางอีกเมื่อใด
แล้วเช่นนี้นางจะนอนหลับอย่างอบอุ่น ได้เช่นไร...
ซือเซียนเป็นเด็กกำพร้าไร้ครอบครัว ในอดีตจึงเลือกเข้าเป็นทหารหญิง ไต่เต้าด้วยความสามารถจนได้ดำรงตำแหน่งราชองครักษ์หญิงของวังหลวง
แม้ในขณะนี้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า แต่จิตใจที่ว้าวุ่นก็ไม่อาจกระทำการอันใดอย่างมีสติได้ หัวหน้าองครักษ์จึงลงนามพักงานนางเอาไว้ แม้ไม่อยากจะยอมรับคำสั่ง แต่ตนเองก็ไม่พร้อมจริง ๆ
และในใจก็ตระหนักได้ว่ามันร้ายแรงกว่านั้น
จึงได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นองครักษ์หญิง ออกไปโบยบินข้างนอกโดยไม่รู้จุดหมาย คิดว่าตัวเองจะต้องเดินทาง รอนแรมไปเรื่อย ๆไม่รู้ว่าจะจบลงที่ใด
ถึงร่ำร้องอยากกลับบ้าน ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินทั้งสิ้น..
จึงคิดเพียงแต่อยากจะเดินทางไปเรื่อย ๆ แม้ในส่วนลึกของจิตใจมีความเชื่ออยู่บ้างว่า เมื่อสิ่งใดที่ตายไปแล้วก็จะได้เกิดขึ้นมาใหม่ ดั่งต้นไม้ใบหญ้าที่ผุดหน่อแตกยอดไม่สิ้นสุด
นางอาจตายจากที่นี่ไปเกิดใหม่ในยุคเดิม..ก็เป็นได้
" ... "
มันก็เป็นแค่ความคิดฟุ้งซ่านหนึ่งเท่านั้น มือเรียวลูบลงเนินหญ้าสีเขียวด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง นี่ก็ไม่เช้าแล้ว..
..ได้เวลาต้องไปเสียที
ตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่.. ต่อไปจะไม่เลี้ยงอันใดอีกเป็นอันขาด
หลับตาลงคราหนึ่งเพื่อตัดใจ แล้วจึงได้ดึงตัวเองขึ้นมา นางหันหลังให้กับเนินดินเล็ก ๆ นั่น บรรยากาศรอบกายคล้ายหยุดนิ่งไปแล้ว
ความสดใสเดียวที่เคยรอนางกลับเรือน คงไม่มีอีก..
ตอนแรกคิดจะเดินทางไปเรื่อย ๆ แต่ใครบางคนอยากให้เดินทางไปยังที่ที่หนึ่งแทน เพราะที่นั่นมีบ้านหลังหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นเป้าหมายจึงเป็นการเดินทางเพื่อไปหมู่บ้านเล็ก ๆ อันเงียบสงบ
นางก้าวขึ้นรถม้าด้วยท่วงท่าของหญิงสาวผู้เรียบร้อย สลัดภาพความองอาจขององครักษ์หญิงออกไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงภาพหญิงสาวนางหนึ่ง แลดูบอบบางน่าทะนุถนอมเท่านั้น "ไปเถอะ "
" ขอรับ " คนขับรถม้าขานรับ การงานดีเสียขนาดนั้นแต่กลับลาออก ต้องมีจิตใจหนักแน่นเพียงใดจึงเลือกที่จะกระทำเช่นนั้นได้ ทิ้งความเจริญก้าวหน้า และความสุขสบายไปหาที่ทุรกันดาร
ช่างเป็นสิ่งที่ยากเข้าใจโดยแท้...