รถประจำทางสายภาคเหนือมุ่งเทียบชานชลาของสถานีเดินรถ บขส. เจ้าขาเด็กสาววัย 18 ปีเดินทางเข้าสู่จังหวัดเชียงรายเพื่อเข้าเข้าสอบมหาวิทยาลัยหลังจากสมัครเข้าในคณะสถาปัตย์การออกแบบภายใน การเดินทางมาก 11 โมงโดยประมาณจากกรุงเทพมหานครทำเอาเหนื่อยล้ากันเป็นแถว เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันนับสิบที่ตั้งใจเข้าสอบหมาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้แต่แตกต่างกันคนละสาขา โดยมีเพื่อนสนิทหนึ่งคนคือ เพียงอ้อย บ้านเกิดเธอเป็นคนพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายก่อนจะย้ายตัวเองไปอยู่กับคุณย่าในกรุงเทพและเรียนต่อตั้งแต่มัธยมต้นเพราะผู้เป็นแม่ทำงานเพียงคนเดียวจึงไม่มีเวลาดูแลเธอเท่าที่ควร ทั้งนี้อาสาเป็นเจ้าภาพในการหาที่พักให้กับเพื่อนนับสิบชีวิตในครั้งนี้
ครืด
"ฮัลโหลแม่ อ้อยกับเพื่อนๆมาถึงแล้ว"
[ ถึงแล้วเหรอลูก แม่จะให้ลุงสะอาดไปรับนะ ]
"แม่ ตกลงทางไร่ไม่ว่าอะไรจริงๆใช่ไหม หนูเกรงใจ"
เธอถามแม่ย้ำเพื่อความแน่ใจ การพาเพื่อนหลายคนไปขออาศัยพักผ่อนบ้านคนอื่นแม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตามเถอะ มันไม่ใช่บ้านของแม่เธอโดยตรง เป็นบ้านพักของคนงานในไร่ที่ใช้หลับนอนในการยามเก็บผลผลิตในช่วงเร่งด่วนก็เท่านั้น แต่การจะหาที่พักในงบประมาณเฉลี่ยกันออกกันคนละพันไม่รวมค่ารถค่าอาหารก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลอย่างมากสำหรับเด็กมัธยมปลายอย่างพวกเธอ
[ ไม่ว่า คุณๆในไร่เขาอนุญาต เพื่อนของอ้อยมาอาศัยขอหลับนอนและตื่นไปสอบเท่านั้น ไม่ได้ไปรบกวนอะไรมาก ]
"เกรงใจไงแม่มาตั้งหลายคน"
[ เพื่อความสบายใจ ว่างจากการสอบก็พาเพื่อนๆช่วยงานคุณเขาก็พอ ]
คนเป็นแม่ตอบกลับไปแบบนั้นเพื่อให้ลูกสาวได้สบายกัยการมาครั้งนี้ เด็กๆจะได้ตั้งใจอ่านหนังสือสอบในการเตรียมตัวลงสนามจริงในอีก 2 วันข้างหน้า
รถตู้สีดำจอดเทียบทางเข้าสถานีเดินรถ บขส หมายเลขทะเบียน ยก 72XX เชียงราย
"มาแล้วๆ แม่ส่งรถมารับแล้ว"
เพียงอ้อยตะโกนบอกเพื่อนที่กำลังยืนรุมกินลูกชิ้นให้ยกกระเป๋าขึ้นรถ ก่อนจะลากสายตามองหาเพื่อนสนิท เจ้าขา เธอหายไปไหน
"เจ้าขาไปไหน" ถามหาเพื่อนทั้งที่ก่อนหน้านี้ไมาถึงห้านาทีเจ้าขายังนั่งเล่นเกมส์ในมือถือยู่เลย
"เดินไปทางโน้น" เพื่อนชายหนึ่งคนชี้ไปมือทางฝั่งขวาและเป็นป้ายห้องน้ำหญิง เพียงอ้อยสาวเท้าเดินเข้าห้องน้ำทันทีเธอไม่อยากให้ลุงคนขับรถมารอนาน และรู้ดีว่ายัยเจ้าขาชอบนั่งเล่นเกมส์เวลาเข้าห้องน้ำ ดังนั้นต้องเข้ามาตามและเรียกออกมา
"เจ้าขา!!"
"......"
"เจ้าขา!!!!"
ตะโกนเรียกชื่อเพื่อนดังลั่นทั่วบริเวณอย่างไม่สนใจคนที่ยืนรอต่อแถวเข้าห้องน้ำหันกลับมามอง
"เสร็จแล้ว" ประตูห้องที่สามเปิดออก เจ้าขาออกมาจากห้องน้ำและเปิดก๊อกล้างมือ
"รีบหน่อย"
"เออ รีบอยู่"
จากนั้นทั้งสองก็วิ่งกันตาเหลือกขึ้นรถตู้ที่ถูกส่งมาจากไร่ของแม่ที่ทำงานอยู่
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ"
เด็กๆยกมือไหว้คนแก่กว่า ลุงสะอาดคนขับรับประจำไร่ภูมิดินอาสามารับเด็กๆในครั้งนี้
"ไม่เจอนานเลยยัยอ้อย โตเป็นสาวแล้ว"
แต่ตอนก่อนเพียงอ้อยเคยไปวิ่งเล่นที่ไร้ภูมิดินเป็นประจำ ลุงสะอาดเห็นมาตั้งแต่เด็กก่อนจะชะงักสายตาหยุดนิ่งมองเจ้าขา จนเจ้าตัวทำตัวไม่ถูกกลับการถูกลุงสะอาดมองไม่กระพริบตา
"หน้าหนูแปลกไปเหรอคะ" เจ้าขาเอ่ยถามกับสายตาที่โดนจ้องจนรู้สึกวูบวาบในกาย
"เหมือน"
"......"
"เหมือนมาก" ลุงสะอาดพึมพำในลำคอ สะดุดตากับใบหน้าของเจ้าขาช่างเหมือนกับผู้หญิงคนนึงราวกับฝาแฝดซ้ำยังคิดว่าอาจเป็นคนๆเดียวกัน แต่จะเป็นไปได้ยังไงเมื่อคนๆนั้นมีช่วงอายุที่ห่างกับเจ้าขาหลายปีมากและยังได้ลากจากโลกนี้ไปนับสิบปี
"เหมือนอะไรลุง" เพียงอ้อยถามขึ้นเธออยากรู้เช่นกัน
"เปล่า ไม่มีอะไร กลับกันเลยไหม"
"กลับเลยจ้ะ อ้อยกับเพื่อนๆเดินทางกันมาเหนื่อยมากได้นอนเตียงนุ่มๆคงจะดี"
"ไม่มีเตียงนุ่มให้แกหรอกนางอ้อย เสื่อผืนหมอนใบมีแค่นั้น"
"อ้าว" ไม่ได้คาดหวังว่าต้องได้นอนที่ดีๆแต่ก็ไม่คิดส่าจะมีให้แค่นี้ แต่ไม่เป็นไรดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน
รถตู้ขับเคลื่อนออกจากสถานีเดินรถไปตามถนนเส้นเดิมแต่มันไม่คุ้นตากับเด็กๆเป็นอย่างมาก ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด โดยเฉพาะเจ้าขาที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอไม่เคยมีจังหวัดนี้และยังใฝ่ฝันอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังตามฝันที่เคยวาดไว้ การมาครั้งนี้เธอจะต้องประสบความสำเร็จในการสอบเข้า
30 นาทีผ่านไป รถตู้เริ่มขับถนนคล้ายจะเป็นถนนตัดเข้าภูเขาลูกเล็กไม่ชันมาก สองข้างทางรายล้อมไปด้วยป่ารถทึบ มีไร่สวนเกษตรบ้างปะปรายในพื้นที่ขนาดหย่อม หลังจากนั้นก็เข้าสู่อาณาเขตของไร่ภูมิดินที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา
"โห้ ไร่จริงๆเหรอเนี่ย" เพื่อนชายตะลึงกับอาณาจักรของไร่ที่ดูอลังการอย่างมาก สวนผลไม้ขนาดใหญ่ แปลงผักเกษตรที่ปลูกเรียงกันเป็นแถวและยังฟาร์มวัวนมนับร้อยตัว
"เด็กๆถึงแล้ว" รถตู้จอดท้ายไร่ที่มีระยะทางมากกว่า 5 กิโลเมตรกว่าจะถึงประตูของไร่ คนในรถทะยอยลงสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ สายตาทอดมองความเขียวขจีช่างเป็นโอโซนที่บริสุทธิ์กับปอดและร่างกายอย่างมาก จากนั้นก็หอบหิ้วกระเป๋าเข้าที่พักที่ถูกจัดเตรียมไว้
ก๊อกๆ !!!
"เข้ามา"
ประตูห้องทำงานเปิดออก คนขับรถประตำไร่เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม
"รับเด็กๆมาแล้วครับ" รายงานปรเมศ หลังจากที่เป็นคนสั่งให้ไปรับเพียงอ้อยและพ้องเพื่อนมาพักที่ไร่ เพียงพรแม่ของเพียงอ้อยเป็นคนขออนุญาตและเห็นดีเห็นงามด้วย หากปฎิเสธก็จะดูใจร้ายเกินไปอีกทั้งสองแม่ลูกไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็เป็นคนงานและเป็นเด็กที่ปรเมศเคยซื้อขนมป้อนตั้งแต่เด็ก
บ้านใหญ่กับที่พักคนงานห่างไม่ไกลกันมาก เสียงเด็กดังลอดเข้ามาในบ้านใหญ่ ปรเมศที่นั่งทำงานอยู่ถึงกับเป็นอันทำอะไรไม่ลงเมื่อเสียงเด็กๆที่คุยหยอกล้อกันรบกวนสมาธิการคิดคำนวนตัวเลข กระจกใส่มุมระเบียงปรเมศส่องสายตามองหาเสียวต้นทาง มันมาจากที่พักคนงานท้ายไร่จริงๆไม่มีใครบอกเด็กพวกนี้กันเหรอว่าห้ามเสียงดังในช่วงกลางคืนเช่นนี้ ชักเริ่มอารมณ์เสียและคงต้องลงไปเตือนสักหน่อย
"อากาศที่นี่โคตรดีเลยว่ะอ้อย" เจ้าขาชอบอากาศที่นี่มาก มันบริสุทธิ์และเย็นสบายกว่ากรุงเทพเป็นไหนๆ อีกทั้งในตอนกลางคืนก็มองเห็นดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจากดวงจันทร์สาดส่องลงเบื้องล่างเป็นแสงสลัว แม้ไม่มีไฟก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
"ตรงนู้นมีศาลาด้วยนะเว้ย ไปนั่งเล่นกันไหม"
เด็กๆต่างตกลงย้ายไปนั่งดูดาวในศาลาขั้นเวลานอน เด็กกรุงเทพพอมาเจอบรรยากาศนอกเมือง ผู้คนเข้านอนแต่หัวค่ำกลับไม่ชินและข่มตาให้หลับตามคงไม่ได้
"ไปก่อนเลย ปวดฉี่เดี๋ยวตามไป" เจ้าขาขอตัวเข้าห้องน้ำและจะตามไปทีหลัง คนอื่นๆทะยอยเดินเกาะกลุ่มกันไปศาลาห่างจากที่พักในระยะไม่กี่เมตร หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเจ้าขายังคงนั่งบนแคร่ไม้หน้าที่พักมองดูดาวเพียงลำพัง เธอไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้
"สวยจัง" สาดสายตาขึ้นบนฟ้าพร้อมรอยยิ้มที่ตรึงจากความรู้สึก และยกมือน้อยชี้นับดาวที่ละดวง
" 1 2 3 4" จะนับยังไงหมดล่ะเจ้าขา ดาวมีเป็นล้านๆดวงก่อนจะวางมือน้อยๆลงนาบแคร่ไม้เป็นการยันค้ำร่างกายให้นั่งบนนั้น
ในขณะที่ปรเมศเดินลงจากชั้นบนของบ้านและออกมาทางด้านหลังก็ต้องชะงักนิ่ง สายตาคมเข้มเห็นร่างเหน่งน้อยตักแกว่งขาไปมา เพียงแค่มองเห็นด้านเขากลับยกมือตบหน้าตัวเองไปสองทีเพื่อเรียกสติว่าตอนนี้กำลังฝันเหมือนเมื่อคืนหรือเปล่า แต่เปล่าเลยเมื่อฝ่ามือหยาบกระแทกลงแก้มอย่างรุนแรงมันก็เจ็บแสบทันที เขาไม่ได้ฝัน ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนแคร่คือมินตรา มองด้านหลังเหมือนกันทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ต่อให้คนตรงหน้าเป็นวิญญาณเขาก็ไม่กลัว ภาวนาทุกวันภาวนาให้หญิงคนรักมาหา ในที่สุดเธอก็มา
ปรเมศกึ่งวิ่งเดินเข้าประชิดทางด้านหลัง จากนั้นก็ใช้แขนโตๆโอบเข้าลำตัวคนตัวบางในทันที คราวนี้เขากอดเธอได้เธอไม่หายไปอย่างครั้งก่อน
"มิน" รัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด เจ้าขาตกใจอย่างมากจู่ๆมีคนมากอดทางด้านหลังเธอ ยังไม่มันจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ก็ถูกจับหันประชันกับใบหน้าของอีกคนที่เธอไม่รู้จัก ปรเมศจุมพิตลงข้างแก้มและริมฝีปากเจ้าขาทันที เขาไม่ทันมองและสังเกตุว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หญิงคนรัก ความคิดถึงมันทำให้ปรเมศอยากกอดอยากหอมผู้หญิงที่จากเขาไปตั้งสิบปี
"คิดถึง" ริมฝีปากหยาบขมเม้มบดเบียนลงจนเจ้าขาไม่สามารถเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้ มีเพียงฝ่ามือน้อยตบตีเข้าที่หัวไหล่ปรเมศ
"อือ"
"พ่อเลี้ยง" เพียงอ้อยตะโกนเรียกชายเจ้าของไร่ เขากำลังทำท่าทางคล้ายปลุกปล้ำเพื่อนสาวคนสนิทแต่มันไม่ใช่ ปรเมศไม่ได้จงใจทำแบบนั้น
เมื่อมีเสียงเรียกปรเมศก็ชะงักและผละตัวออกจากร่างเหน่งน้อยที่ถูกบีบขยำจนหายใจไม่ทัน
"อ้อย ช่วยด้วย" เพียงอ้อยเข้ารับเจ้าขาเธออ้าปากหายใจพะงาบๆเอาออกซิเจนเข้าปอด เมื่อกี้เธอแทบหมดลม
"....." เมื่อเพ่งมองดีๆคนตรงหน้ากลับไม่ใช่หญิงคนรักอย่างที่เข้าใจ แต่เจ้าขากลับมาใบหน้าคล้ายมินตราราวกับฝาแฝดเพียงแต่เธอมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนมินตราในช่วงอายุไล่เรี่ยกัน
"ฉัน...." พูดไม่ออกกับการกระทำเมื่อสักครู่ จากนั้นก็พาเพียงอ้อยและเจ้าขาไปนั่งในบ้าน
"เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่ตั้งใจแต่" เพียงอ้อยสะกิดเพื่อนสาวให้หยุดพูด
"นี่พ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ที่นี้" ชิงแนะนำก่อนเจ้าขาจะโวยวาย เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
"พ่อเลี้ยง" มองหน้าเพียงอ้อยและเธอก็พยักหน้าตอบเจ้าขาว่าใช่ คนนี้คือพ่อเลี้ยงคือคนที่อนุญาตให้พวกเธอมาพักในไร่
จากที่ตั้งใจจะต่อว่ากับการกระทำที่ไม่ให้เกียรติก็ชะงักปิดปากเม้มมันไว้แน่น แม้ในใจอยากจะด่าพ่อเลี้ยงปรเมศให้เสียหมาก็ตาม การเจอเจ้าของไร่ช่างไม่ประทับเอาเสียเลย อีกทั้งพ่อเลี้ยงปรเมศก็ดูไม่สะทกสะท้านกับการกระทำเช่นนั้น ซ้ำยังนั่งจ้องตาไม่กะพริบ