"ครับเสี่ย ผมกำลังเร่งครับ"
[ มึงพูดแบบนี้มากี่รอบแล้วไอ้นิธิ พลัดกูมาสามเดือนแล้ว ]
"โธ่เสี่ย เสี่ยก็รู้..."
[ กูไม่รู้ กูรู้แต่ว่าอีกหนึ่งอาทิตย์มึงไม่คืนทั้งต้นทั้งดอก แม้แต่บ้านมึงก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน ]
ปลายทางตัดสายทิ้งทันที มืดแปดด้านกับการเป็นหนี้นอกระบบรวมทั้งต้นทั้งดอกเกือบห้าแสน จรูงขอยืมเสี่ยชัชและยินดีจ่ายร้อยละยี่ หลังจากที่นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารที่มีโต๊ะเพียง 10 โต๊ะ แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้กิจการเจ้งไม่เป็นท่า ไหนจะบ้านที่เคยกู้ซื้อกับภรรยา จันทร์เจ้า ตอนนี้มันขาดส่งมาหลายเดือนแล้ว นิธิมีปัญหาเรื่องการเงิน ไม่ได้เกิดจากการเล่นพนันหรือใช้ในทางที่ไม่ดี ทุกอย่างเกิดจากการลงทุนทำธุรกิจบ้างหรือไม่ก็โดนนักลงทุนด้วยกันโกงบ้าง
"จันทร์ ช่วยผมหน่อยผมตันหมดแล้ว"
จุดธูปปักในกระถางคุยกับภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ก่อนทั้งสองเป็นคนมีฐานะแต่เหตุการณ์ต่างๆประเดประดังเข้าจนทำให้ล้มลุกคุกคลานมาหลายปี อีกทั้งในปีนี้เป็นปีที่เจ้าขา ลูกสาวคนเดียวจะเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย คิดไม่ตกหาทางออกไม่เจอ ไหนจะค่าใช้จ่ายค่าชุดค่าหนังสือค่าเทอมค่าอยู่ค่ากิน ยังไม่รู้ว่าหามาจากไหน ซ้ำปัญหาหนี้สินรุงรังรัดตัวจนบางทีอยากจะตามจันทร์เจ้าไปอยู่ด้วยกันให้มันสิ้นเรื่อง แต่พอนึกถึงหน้าเจ้าขา ลูกสาวในวัยแรกแย้มวัยกำลังสดใสก็ต้องฉุกคิดการแก้ปัญหาที่เห็นแก่ตัวที่จะทิ้งลูกสาวให้เผชิญเพียงคนเดียว
นามบัตรหนุ่มใหญ่ใจดีพ่อเลี้ยงทินกรที่เคยให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนควักออกจากกระเป๋าสตางค์ นิธิได้รู้จักกับทินกรโดยบังเอิญจากการรับวัตถุจากไร่มาใช้ประกอบอาหารในร้านในครั้งที่ยังมีธุรกิจ แต่พอทุกอย่างมันไปไม่ได้ก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย
พ่อเลี้ยงทินกรหนุ่มใหญ่วัยไล่เรี่ยกับนิธิ เป็นพ่อหม้ายเมียตายจากอุบัติเหตุ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน พอได้กลับมามีชีวิตโสดก็ดันชอบกลับชีวิตที่ไม่ต้องผูกพันธ์ หนุ่มโสดมีเงินมหาศาลก็เป็นธรรมดาที่จะมีสาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนกันมาแบบหัวกะไดไม่แห้ง ด้วยนิสัยเจ้าชู้เป็นทุนเดิมเลยไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าก็มักจะรับเด็กๆไปดูแลหรือบางทีก็ซื้อตัวผู้หญิงไปอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา
ในสถานะการแบบนี้ หากจะยัดเหยียดลูกสาวให้พ่อเลี้ยงทินกรมันก็ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากจะได้เงินมาจัดการภาระหนี้สิน ลูกสาวจะได้เรียนต่อแม้มันต้องแลกกับความสาวความสวยของลูกก็ตาม
ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวดีๆนี่เอง แต่หากยังอยู่แบบนี้ลูกสาวต้องลำบากไปเรื่อย หากส่งไปอยู่พ่อเลี้ยงน่าจะทำให้ลูกสบายขึ้น และเป็นความคิดของคนเป็นพ่อโดยไม่ถามความคิดของเห็นของลูกเลย
ทิรกรต่อสายหาเจ้าของนามบัตรทันที โชคดีที่มันโทรติด
[ สวัสดีครับ ผมพ่อเลี้ยงทินกร ]
"พ่อเลี้ยงเหรอครับ ผมนิธิ"
[ นิธิ ] ครุ่นคิดไปสักพัก เขารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้เหมือนได้ยินที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออก
"นิธิ เจ้าของร้านอาหารที่เคยสั่งวัตถุจากพ่อเลี้ยงไงครับ"
[ อ่อ นิธิ ]
"......."
[ เป็นยังไงบ้างกิจการคงจะขยายเติบโตไปมาก ]
"ช่างมันเถอะครับ ผมมีเรื่องอยากให้พ่อเลี้ยงช่วย"
จากนั้นนิธิการเล่าเรื่องราวและปัญหาทั้งหมดให้พ่อเลี้ยงฟังอย่างไว้ใจ โดยไม่มันระเคะระคายหรือสืบให้แน่ใจดูก่อน ว่าการให้พ่อเลี้ยงช่วยในครั้งนี้จะมีผลดีแก่ลูกสาวอย่างเจ้าขา
[ 555 นึกว่าเรื่องอะไร ฉันเห็นเจ้าขามาตั้งแต่เด็ก สมัยนายยังซื้อขายกับฉัน อย่าพูดมาให้ฉันช่วยซื้อตัวเจ้าขา เอาเป็นว่าเอาแลกเปลี่ยนกันฉันจะรับเจ้าขามาดูแลให้เหมือนลูกคนนึง ]
"จริงหรอครับพ่อเลี้ยง" นึกว่าหูฝาด ในที่ตอนแรกคิดว่าพ่อเลี้ยงคงจะรับเจ้าขาไปอยู่เป็นเด็กอย่างว่าอย่างคนอื่นๆ แต่ทว่ากลับเป็นเอ็นดูราวกับลูกสาว
[ ฉันจะโกหกนายไปทำไมนิธิ เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ]
พ่อเลี้ยงทินกรวางสายทันที
"คุยกับใครคะพ่อเลี้ยง" เสียงหญิงสาวคนข้างกายเจ้าประจำ
"คนรู้จักจะขายลูกให้"
"ขาย?"
"กูไม่เอาหรอก ลูกสาวมันไม่ใช่ไทป์กู แต่เศรษฐีต่างชาติไม่แน่ หึๆ" แสยะยิ้มอย่างพอใจก่อนจะแก้วแชมเปญชนกับหญิงข้างกายในโต๊ะอาหารมื้อสุดโรแมนติก
มหาวิทยาลัย XXX
"เจ้าขา แกมานั่งทำอะไรตรงนี้" หมดเวลาสอบของนักเรียนที่สอบชิงเตรียมเข้า เจ้าขานั่งรอเพื่อนๆอยู่ชั้นล่างทั้งที่เป็นเวลาที่เธอยังต้องนั่งสอบ ใบหน้าหงอยขึ้นมา
"อาจารย์คุมสอบไม่สบาย การสอบก็เลยค้องเลื่อนไปอีก 3 วัน"
"อ้าว!! พรุ่งนี้เราต้องกลับกันแล้ว"
"......"
"จะทำยังไงล่ะที่นี้ ตั๋วรถทัวร์ก็จองกันหมดแล้วด้วย ถ้าจะทิ้งก็เสียดาย"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาห้องพักใกล้ๆมหา'ลัย ราคาๆถูกอยู่สักคืน"
"มันไม่ถูกอะสิ แถวนี้ที่ไหนมีถูก"
"ไม่มีเหรอ" เสียงแผ่วเบาพร้อมลมหายใจเป่าออกปล่ยจมูกโด่ง ไม่มีที่พักเธอจะไปนอนที่ไหน พรุ่งนี้เพื่อนๆต้องกลับก่อน
"เดี๋ยวคุยกับพ่อเลี้ยงให้"
เจ้าขาส่ายหัวเป็นการปฎิเสธทันที การเจอกันครั้งแรกไม่ได้ประทับใจอะไรเลย หากต้องอยู่ไร่ภูมิดินเพียงลำพังก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ ทั้งไม่อยากกับผู้ชายที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ตอนนี้พ่อเลี้ยงปรเมศในสายตาเจ้าขาก็ไม่ต่างจากเฒ่าหัวงู การกระทำในวันนั้นมันทำให้เธอคิดแบบนี้
"แกมีเงินเช้าห้องคืนแพงๆเหรอ ถ้ามีฉันก็ไม่ขัด"
เจ้าขาส่ายหัวอีกรอบทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่หลักพัน มันเป็นเงินที่เธอเจียดจากค่าขนมไปโรงเรียนเก็บเล็กผสมน้อยมานานหลายเดือนเพื่อการมาครั้งนี้
"ไม่มีก็ต้องอยู่ไร่"
"ไม่อยู่"
"แกกลัวอะไรเจ้าขา"
"....." จะบอกว่ากลัวพ่อเลี้ยงก็ไม่เชิง แต่จะอยู่ยังไงท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก แม่ของเพียงอ้อยก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
"พ่อเลี้ยงใจดี วันนั้นน่าจะเข้าใจอะไรผิด"
"เข้าใจผิด" ก็ยังคิดว่าเป็นคำแก้ตัวแทนเท่านั้น เข้าใจผิดเรื่องอะไรทำไมถึงโอบรัดฟัดเหวี่ยงเธอได้ขนาดนั้น และมันยังเป็นกอดแรกที่เธอเสียให้ผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อหรือเพื่อนสนิทกันจริงๆ ไหนจะริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ยังติดตรึงในโสตประสาทไม่หาย เคยเห็นแต่ในซีรี่ส์ที่ดูดดื่มกันอย่างหื่นกระหาย แต่พอถูกกระทำแบบนั้นก็หวั่นว่าพ่อเลี้ยงจะหน้ามืดตามัวมาอีก
"อยู่ไปเถอะเจ้าขาแค่ไม่กี่คืน ถ้าฉันไม่ติดธุระต้องพาคุณย่าไปหาหมอต่อ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแก"
"......"
"พ่อเลี้ยงไม่มายุ่งอะไรกับแกหรอก พ่อเลี้ยงมีเมียแล้ว"
"มีเมียแล้ว"
"อืม" ได้ยินแบบนั้นก็สบายใจ แต่เมื่อคิดไปคิดมาคงจะคิดมากไปเอง อายุพอเลี้ยงมองดูแล้วก็น่าจะมากพอตัวเพียงแต่หน้าตายังดูหล่อเหลาแบบฉบับคนมีอายุ
"ไปๆอย่าคิดมาก ไปหาอะไรรองท้องก่อน ตอนนี้หิวมาก"
ก็ไม่พ้นลูกชิ้นทอดเช่นเดิม สองคนจูงมือกันไปหามหาวิทลัยที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าร้านอาหารนับสิบๆร้าน
"ลูกชิ้น 50 บาทจ๊ะ" เพียงอ้อยบอกแม่ค้าตอนนี้หิวใจแสบไส้ไปหมด
"นั้นอ้อยกับเด็กที่ชื่อเจ้าขาใช่ไหม"
"ใช่ครับพ่อเลี้ยง" รถส่วนตัวขับผ่านมหาวิทยาลัย พ่อเลี้ยงกลับจากการทำธุระเจรจาการขอซื้อเมล็ดพืชเกรดดี ความบังเอิญขับมาเจอเด็กสองคนในชุดมัธยมปลาย
"จอดก่อน" สะอาดตบไฟเลี้ยวซ้ายและเทียบจอดริมฟุตบาท สายตาพ่อเลี้ยงจ้องไปยังเด็กสาวที่ชท่อเจ้าพลันนึกถึงเมื่อคืนที่เผลอเข้ากอดจากความเข้าใจ เธอเหมือนมากเหมือนมินตราทุกกระเบียดนิ้ว ความคิดเกิดขึ้นในหัวโดยไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไร
"มาสอบเข้าคณะอะไรกัน"
"เท่าที่ได้ยิน อ้อยบอกว่าสอบเข้าสถาปัตย์ครับ"
สะอาดรายงานตามที่ได้ยิน
"สถาปัตย์มันเข้ากันได้ง่ายที่ไหน"
"แต่อธิการที่นี้เป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงนี่ครับ"
ใช่แล้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เรียนต่างประเทศด้วยกัน พ่อเลี้ยปรเมศกระตุกมุมปากยิ้มหนึ่งที จากนั้นก็สั่งให้สะอาดขับรถกลับไปไร่ตามเดิม