ปิ่นมุกยืนทำสมาธิอยู่หน้าห้องก่อนตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไปยังด้านใน หญิงสาวในชุดสูทช่างสง่าผ่าเผย โครงหน้าสวยหมดจดสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ผมยาวสลวยมัดเกล้าเป็นหางม้ารวบตึงไปยังด้านหลัง หล่อนดูเหมือนนางแบบที่เตรียมมาเดินแฟชั่นโชว์มากกว่าจะเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ
“ผมเพิ่งรู้ว่าผมต้องสละเวลาอันมีค่าเพื่อพูดคุยกับพนักงานนอกเวลางาน” เฟอเดอริกยกมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนหรู
“ดิฉันกราบขอประทานโทษค่ะ” มือเรียวยกไหว้อย่างนอบน้อม ร่างสูงใหญ่หมุนเก้าอี้โยกไปมาพลางพยักหน้าแบบไม่ยี่หระ ก่อนผายมือเชิญให้เธอพูดธุระของตัวเอง
“มีอะไรก็ว่ามา” น้ำเสียงเข้มเสริมให้บุคลิกดิบเถื่อนในมาดนักธุรกิจของเขาดูน่าเกรงขาม
“ตามที่เราตกลงกันไว้ทางบริษัทฯ จะหักเงินเดือนของดิฉันเดือนละหกสิบเปอร์เซ็นต์ทุกเดือนจนกว่าหนี้สินจะหมดไป”
“แล้ว?” เฟอเดอริกยักไหล่ อมยิ้มนิดๆ ที่เห็นริ้วรอยแห่งความกรุ่นโกรธบนใบหน้าหวาน
“แต่เดือนนี้ดิฉันถูกหักเงินมากถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยกัน”
ปิ่นมุกพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ดูแข็งกร้าวแม้จะไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าว เพราะถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านาย เป็นผู้บังคับบัญชาที่เธอต้องให้ความเคารพยำเกรง
“งั้นเหรอ” เฟอเดอริกยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางนั่งไขว่ห้างแล้วฮัมเพลงมีความสุข
“ผมผิดหรือที่อยากให้หนี้สินมันหมดไวๆ”
“แต่เราตกลงกันแล้วว่าแค่หกสิบเปอร์เซ็นต์นะคะท่าน”
ปิ่นมุกไม่เห็นด้วย
“ดิฉันเป็นเพียงพนักงานระดับล่าง เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร ถูกหักถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์มันไม่มากไปหน่อยหรือคะ”
ถูกหักเงินเดือนทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้โกงมันก็แย่พอทนแล้ว ใจคอเขาจะไม่ให้เธอเหลือเงินซื้อข้าวกินประทังชีวิตเลยหรือไร
“คุณจะคิดมากทำไม ถ้าเงินไม่พอใช้ก็ขอเสี่ยสิ” น้ำเสียงเหยียดหยันแกมดูถูก
“หมายความว่ายังไงคะ”
ปิ่นมุกไม่เข้าใจ เสี่ยหรือ? เธอน่ะหรือมีเสี่ยเลี้ยง นี่ท่านประธานไปเอาเรื่องบ้าๆ แบบนี้มาจากไหนเนี่ย
“สวยๆ อย่างคุณคงไม่ตรากตรำทำงานอยู่ด้านเดียวหรอกจริงไหม” หนุ่มใหญ่พูดไปยิ้มไป สีหน้าท่าทางกวนประสาทสุดๆ
“หรือว่าที่มาดิ้นเร่าอยู่ตอนนี้ก็แค่ต้องการทำตัวให้ดูน่าสงสาร แต่แท้จริงแล้วมีเงินใช้มือเปิบจากการขาย…”
เคลื่อนสายตามองต่ำไปยังจุดอ่อนไหวแห่งสตรี แก้มนวลร้อนผ่าวราวถูกไฟแผดเผา เกิดมาไม่เคยถูกใครดูถูกคุณค่าความเป็นคนเท่านี้มาก่อน
“ท่านประธาน!”
ปิ่นมุกถลันเข้าไปตบสั่งสอนคนปากไม่รู้กาลเทศะ เฟอเดอริกหน้าหันเพราะไม่ทันตั้งตัว ตวัดสายตาดุดันจ้องมองร่างบางที่กล้าลงไม้ลงมือกับคนระดับเขา หนุ่มใหญ่กระชากแขนเรียวรั้งแม่คนอวดเก่งเข้าหาตัว อกแกร่งดุจหินผาเบียดชิดอกนุ่มจนสาวเจ้าวูบวาบไปทั้งกาย พยายามดันคนตัวโตออกห่างแต่ไม่เป็นผล เขาแรงเยอะจนเธอหมดกำลังจะต่อสู้
“ปล่อยนะ”
“คิดดีแล้วใช่ไหมที่กล้าตบฉัน!”
สรรพนามเปลี่ยนไป แววตาเสือร้ายสร้างความหวาดหวั่นต่อลูกแกะน้อย ปิ่นมุกกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านประธานแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้
“ท่านดูถูกดิฉันก่อน”
ปิ่นมุกให้เหตุผล แต่ดูเหมือนความโกรธที่สุมอกอยู่ในตัวของเฟอเดอริกจะไม่รับรู้อะไรนอกจากขยี้เหยื่อสาวให้สาสมกับความผิดฐานทำร้ายเขาให้ต้องเจ็บตัว
“ปล่อยนะคะ” มือน้อยๆ ทุบตีไปทั่ว เขากอดกระชับร่างบางแนบชิดยิ่งกว่าเก่า “ท่านจะทำอะไรดิฉัน ยะ อย่านะ โอ๊ย!”
เฟอเดอริกดันร่างบางติดกำแพงแล้วล็อกต้นคอตรึงใบหน้าหวานอยู่กับที่ ประกบเรียวปากบดขยี้กลีบปากนุ่มสุดแรง จูบดุเดือดราวกับตายอดตายยาก ไม่เว้นช่วงให้หญิงสาวได้พักหายใจหายคอเลยสักนิด ปิ่นมุกจำต้องรับสภาพถูกรังแกอย่างโหดร้าย เขากระแทกกระทั้นรอยจูบเพื่อต้องการสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าอย่าริอ่านทำร้ายผู้ชายอย่างเขาอีกเด็ดขาด
“แค่กๆ ปะ ปล่อย อื้อ!”
ลิ้นสากร้อนสอดแทรกเข้าไปอีกครั้ง เกี่ยวตวัดลิ้นเล็กดูดดึงจนผู้เป็นเจ้าของแทบสิ้นสติ มือน้อยๆ ถูกรวบไว้ที่ด้านหลัง ไม่มีช่องทางให้ปัดป้องนอกจากยอมรับชะตากรรมที่เขาเป็นผู้ก่อ
ทางด้านของหนุ่มใหญ่เริ่มมัวเมาในรสชาติหวานละมุน คราแรกต้องการมอบบทลงโทษแก่เหยื่อสาว ทำไปทำมาหัวใจของเขากลับไม่รักดี ชิมรสชาตินุ่มลิ้นเข้าไปก็เริ่มเกิดความต้องการอันมากล้น มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่สอดเข้าไปใต้เสื้อสูทได้รูป กอบกุมทรวงอกกลมกลึงผ่านเนื้อผ้าบางเบาที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน ออกแรงบีบขยำให้คนตัวเล็กได้สะท้านนิดๆ ฝ่ามือร้อนระอุไม่ต่างอะไรกับไฟฟ้าแรงสูงที่ปลุกจิตใต้สำนึกของเธอให้หลุดจากภวังค์หวามอีกครั้ง
“อื้อ! อย่า ปล่อยนะ”
ปิ่นมุกรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายผลักคนตัวโตกระเด็นไปไกล ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต น้ำตารินไหลอาบแก้ม เฟอเดอริกตกใจไม่น้อยที่เห็นเธอร้องไห้ แต่คนเหย่อหยิ่งอย่างเขาไม่มีวันแสดงอาการด้านลบออกไปเด็ดขาด
“สิ่งที่ท่านกระทำต่อดิฉันในวันนี้มันน่ารังเกียจ!”
เสียงหวานด่าทอปากคอสั่น มือเรียวเช็ดรอยจูบซ้ำๆ แสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอขยะแขยงสัมผัสของเขาเพียงใด เฟอเดอริกกัดฟันกรอด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนรังเกียจรสจูบของเขา
แล้วแม่นี่เป็นใคร ช่างกล้านัก
“ดิฉันขอลาออก!”