บทที่ 3.2 – ติดกับซาตาน (ทุกข์ระทม)

1103 Words
“พี่เอาบ้านไปจำนองกับเจ้าของบ่อน” “ว่าไงนะคะ!” ปิ่นมุกส่งเสียงดัง ผู้คนในบริเวณนั้นต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เธอเลยต้องพยายามสงบสติอารมณ์แล้วควบคุมน้ำเสียงให้อยู่ในโทนที่ได้ยินกันแค่สองคน “พี่ปรกเอาบ้านไปจำนองได้ยังไง นั่นมันบ้านของพ่อแม่ปิ่นนะ” บ้านแสนอบอุ่นที่เธออยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด บ้านที่อบอวลไปด้วยความรักของพ่อและแม่ บ้านที่เธอรักและผูกพันเท่าชีวิต “พี่ติดหนี้มันอยู่สามหมื่น มันขู่จะฆ่าพี่หากไม่นำเงินไปใช้มัน พี่หมดหนทางแล้วปิ่น พี่…” แสร้งก้มหน้ารู้สึกผิด “เงินแค่สามหมื่นพี่ถึงกับต้องเอาบ้านไปแลกเลยหรือ นี่พี่บ้าหรือเปล่า” ปิ่นมุกกุมขมับ ความเครียดผุดปรายบนหัวคิ้วสวย ปกเกล้ายอมถูกด่าเพื่อเล่นละครตบตาให้อีกฝ่ายหลงเชื่อ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่นำประเด็นเรื่องบ้านมาพูด ปิ่นมุกบูชาบ้านหลังนั้นอย่างกับอะไรดี คอยห้ามปรามเวลาที่ปราณีแม่ของเขาจะเอาบ้านไปจำนอง ยอมตรากตรำทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาปรนเปรอสองแม่ลูก พยายามรักษาบ้านอันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของวงศ์ตระกูล “มันไม่ใช่แค่เงินสามหมื่นนะปิ่น พวกมันขู่จะฆ่าพี่ด้วย” ปกเกล้ากลัวลนลาน ปิ่นมุกมองสารรูปพี่ชายแล้วได้แต่คิดในใจว่าน่าจะถูกฆ่าตายซะให้รู้แล้วรู้รอด คนพรรณนี้อยู่ไปก็รกโลก ไม่เคยทำประโยชน์อันใดนอกจากสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ เวรกรรมอะไรของเธอถึงต้องมีพี่ชายไม่เอาไหนแบบนี้ “ถ้าปิ่นหาเงินไปใช้หนี้พวกมันสามหมื่น บ้านก็จะกลับมาเป็นของเราเหมือนเดิมใช่ไหม” ปิ่นมุกถามอย่างมีความหวัง “ต้นน่ะสามหมื่น แต่ดอก…” ปกเกล้าเว้นช่วงก่อนเอ่ยต่อ “เจ็ดหมื่น” จำนวนเงินที่มากโขทำเอาปิ่นมุกอึ้ง “เจ็ดหมื่น!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง อากาศสดชื่นช่วงเย็นกลายเป็นร้อนวูบวาบขึ้นมาดื้อๆ “ทำไมดอกถึงแพงนัก” “พวกมันคิดโหด เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงต้องเอาบ้านไปจำนอง” ปกเกล้าทำทีโมโห ไม่หลุดพิรุธให้ถูกจับได้ “รวมกันเป็นหนึ่งแสนบาท เงินตั้งมากมายขนาดนั้นจะไปหาจากไหน” ปิ่นมุกครุ่นคิดหาทางออก “ถ้าพี่หาเงินไปใช้หนี้ไม่ได้ภายในสามวันนับจากนี้ มันจะยึดบ้านของเรา” ปกเกล้าเดินหน้าขยี้ปมดราม่าต่อเนื่อง “ไม่มีทาง เงินแสนกับระยะเวลาแค่สามวันมันไม่มีทางเป็นไปได้” ปิ่นมุกส่ายหน้าระรัว “เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงต้องมาหาปิ่น” ปกเกล้ารีบเข้าแผนการต่อไปทันที “ถ้าปิ่นอยากได้บ้านกลับคืนปิ่นต้องช่วยพี่” “พี่ปรก ปิ่นไม่มีเงินไปใช้หนี้มันหรอกนะ” ถึงจะอยากได้บ้านกลับคืนแค่ไหน ทว่าจำนวนเงินหลักแสนเธอก็จนปัญญาจริงๆ “เอางี้ ปิ่นลองไปคุยกับพวกมันดูไหม ไปต่อรองขอยืดเวลาดู บางทีพวกมันอาจจะเชื่อปิ่นมากกว่าพี่” “แต่ว่า…” “ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างพวกมันก็จะยึดบ้านของเรานะปิ่น” ปกเกล้าเห็นแววตาลังเลของน้องสาวก็รีบกดดันทางอ้อม “หรือว่าปิ่นอยากเห็นบ้านตกไปเป็นของคนอื่น” งัดอาวุธเด็ดขึ้นมาใช้ซึ่งมันก็ได้ผล ปิ่นมุกไม่มีทางยอมให้บ้านหลังนั้นตกไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด “ปิ่นจะลองดู” ร่างบางบนเตียงหลับพริ้มท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดกระทบผ้าม่านพลิ้วไสว ใบหน้าสวยอ่อนเยาว์ไร้เครื่องประทินโฉมแต่งแต้ม ผิวขาวดุจน้ำนมสะอาดหมดจด เนียนละเอียดราวกับหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้า เฟอเดอริกทิ้งตัวนั่งลงเคียงข้างคนป่วย กอบกุมมือเรียวออกแรงบีบเล็กน้อย เปลือกตาคู่งามค่อยๆ ปรือขึ้นตามลำดับ “มา แล้ว เหรอ” น้ำเสียงเหนื่อยล้าเอื้อนเอ่ย กว่าจะเปล่งออกมาได้แต่ละคำนั้นช่างยากลำบาก หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย เธอไม่สามารถทำตามความต้องการของใจได้ “ไม่ต้องหรอกครับ” เฟอเดอริกส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มบางเบา เอื้อมมือลูบพวงแก้มไร้สีเลือด “ทำไมไม่ยอมกินข้าว” พยาบาลพิเศษที่เขาจ้างมาดูแลดุจดาวรายงานว่าเธอไม่ยอมทานข้าว เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง “แด เนียล” เรียกหาชายอีกคน เฟอเดอริกถอนหายใจยาวเหยียด เขาทราบดีว่าดุจดาวต้องการให้แดเนียลมาดูแล พี่สาวของเขาหลงรักชายหนุ่มมาเนิ่นนาน “มันติดงานครับ” อีกครั้งที่ต้องโกหก เขาไม่กล้าพอที่จะบอกความจริงกับดุจดาวว่าตอนนี้แดเนียลกำลังจะแต่งงาน ไม่อยากทำให้คนบนเตียงต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ “พี่” ดุจดาวไม่เชื่อคำพูดของน้องชาย เฟอเดอริกไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องของแดเนียลหมดแล้ว ตอนที่เขามาคอยดูแลเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเธอได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ท่าทางมีความสุขและยิ้มแย้ม สัญชาตญาณบอกว่าปลายสายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ คงมีความสำคัญต่อชายหนุ่มไม่น้อย “อย่า โก หก พี่” ดุจดาวจ้องตาน้องชายเขม็ง “รู้แล้วสินะ” ลองถ้าเอ่ยเช่นนี้คงแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ “มันกำลังจะแต่งงาน” ไม่มีทางหลีกเลี่ยงอีกต่อไป ไม่วันนี้ก็วันหน้าพี่สาวของเขาต้องรู้ความจริง “พี่โอเคใช่ไหม?” อดเป็นห่วงไม่ได้ ดุจดาวพยักหน้าทั้งน้ำตา กลั้นเสียงสะอื้นเหมือนเด็กๆ “อย่าร้องสิครับ” มือหนาเช็ดน้ำตาที่ไหลริน “ความรักไม่จำเป็นต้องครอบครองเสมอไป แค่เห็นคนที่เรารักมีความสุขเราก็ควรแสดงความยินดีกับเขา พี่เป็นคนสอนผมเอง จำได้ไหม” ดุจดาวพยักหน้าพลางสะอื้น “ตอนนี้ไอ้แดเนียลมันมีความสุขกับคนที่มันรักแล้ว พี่ต้องยินดีกับมันนะ” มือหนายังคงทำหน้าที่เช็ดคราบความเสียใจอย่างต่อเนื่อง ดุจดาวเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว “พี่ ยิน ดี” เธอยิ้มขณะที่ริมฝีปากเบ้ร้อง ช่างเป็นการแสดงความยินดีที่เจ็บปวดเหลือเกิน “พี่ ไม่ มี ค่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD