ครั้งแรกที่ได้เจอ 1/2
เกี๊ยว…
“พี่ปอยเกี๊ยวจะทำได้จริง ๆ เหรอคะ”
ฉันถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงร้อนรนหลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว
“ทำได้สิเชื่อพี่ แค่โพสต์ท่าถ่ายรูปตามที่ช่างภาพบอก แล้วก็ใส่จริตจะก้านเข้าไปตอนนายแบบโพสต์ท่า เกี๊ยวไหวพริบดีจะตายทำได้แน่นอนไม่ต้องกลัว”
พี่รหัสคนสวยบอกกับฉันก่อนจะดันแผ่นหลังฉันให้เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด
วันนี้อยู่ดี ๆ ช่วงเลิกเรียนพี่เขาก็มาขอร้องให้ฉันมาถ่ายแบบแทนนางแบบอีกคนที่ป่วยกะทันหัน ครั้งแรกฉันคิดว่าเป็นงานถ่ายแบบรีวิวเครื่องสำอางเพราะส่วนมากฉันเห็นพี่เขารับงานแบบนั้นให้รุ่นน้องในมหาลัยหรือนางแบบคนอื่น ๆ แต่ไม่คิดว่างานที่ฉันตกลงช่วยพี่เขาครั้งนี้จะเป็นงานถ่ายแบบเซ็กซี่ แถมยังต้องรีวิวเครื่องดื่มตัวใหม่ที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งนำเข้ามาอีก
“พี่ปอยคะ เครื่องดื่มที่ว่ามันเป็นแอลกอฮอล์นี่คะ แบบนี้ถ่ายไปโฆษณาจะไม่ผิดกฏหมายเหรอคะพี่”
พอเปลี่ยนชุดเสร็จฉันก็สงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา หรือว่าฉันเข้าใจผิด
“อ๋อ เครื่องดื่มตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์หรอกเกี๊ยว แต่มันเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตัวอื่น ๆ ของผับน่ะ ได้ข่าวว่าแพงมากเลยนะ เขาว่ามันเป็นสมุนไพรชูกำลังน่ะ”
อ่องั้นก็โล่งใจหน่อย คิดว่าจะซวยตั้งแต่งานแรกข้อหาโฆษณาแอลกอฮอล์ซะแล้ว
“ปอยน้องเสร็จยังอะ ถึงคิวแล้วนะ ถ้าเสร็จแล้วก็ออกมาเลยช่างภาพรอแล้ว”
เสียงทีมงานคนหนึ่งตะโกนเข้ามา พี่ปอยพยักหน้าให้ฉันก่อนจะตบไหล่เบา ๆ แล้วดันตัวฉันออกมาจากห้องแต่งตัว
“เสร็จแล้วค่ะพี่”
ฉันพยักหน้าให้พี่เขาก่อนจะหันไปมองพี่ปอยที่ชูสองนิ้วเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ก่อนมาที่นี่พี่ปอยให้ฉันซ้อมโพสต์ท่ามาแล้วบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้มั้ยแล้วอีกอย่างช่างภาพต้องการภาพแบบไหน แล้วนายแบบที่ต้องถ่ายคู่กันจะจัดท่าทางยังไง ฉันไม่รู้เลยว่าต้องรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นยังไงดี
“เดี๋ยวน้องนั่งตรงนั้นเลยครับ ทีมงานไปปลดกระดุมเสื้อน้องออกด้วย แหวกกลางเลยจะได้เข้ากับฉาก”
หา! ฉันมองพี่ช่างภาพที่สั่งหนึ่งในทีมงานนั้นด้วยแววตาตกใจ ไหนพี่ปอยบอกว่าแค่สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้นแล้วก็ไม่สวมบราไว้ข้างในก็ดูเซ็กซี่แล้ว แล้วทำไมพี่เขาถึงต้องให้ปลดกระดุม
“เอ่อพี่คะ ถ้าปลดกระดุมมันจะไม่โป๊เหรอคะ”
ฉันถามพี่ทีมงานที่เดินเข้ามาขณะที่มือพี่เขากำลังเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อที่ฉันสวมอยู่
“ก็ลูกค้าขอมาแบบนี้อะน้อง ตกลงจะถ่ายมั้ยเนี่ย”
“อ่อ ถะถ่ายค่ะ”
ฉันพยักหน้าหงึกหงักให้พี่เขาก่อนจะหันไปมองฉากรอบ ๆ ที่ถูกจัดขึ้นให้เหมือนห้องนอน ข้างเตียงที่ฉันนั่งอยู่มีขวดเครื่องดื่มสีสวยคล้ายขวดไวน์และแก้วไวน์วางอยู่ คาดว่าเป็นสินค้าที่ต้องถ่ายด้วย แต่แล้วสายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับคนคนหนึ่งที่ยืนมองฉันอยู่กับทีมงาน ภาพตรงหน้าเป็นผู้ชายผมสีทองสลวยรูปร่างสูงโปร่งหุ่นดีราวกับสวรรค์ปั้น เขาสวมชุดสีดำประหนึ่งเป็นเจ้าชายยืนนิ่งไม่ไหวติง ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ราวกับภาพวาดกำลังจ้องมองมาที่ฉัน ทว่าดวงตาสีแดงก่ำของเขาที่น่าจะใส่คอนแทคเลนส์นั้นน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ฉันรีบละสายตาออกจากเขาก่อนจะหันมาจัดท่าทางตามที่ซ้อมไว้ก่อนหน้า
“ทีนี้นายแบบเข้าไปเลยครับ”
หนึ่งในทีมงานพูดขึ้น ฉันหันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีนายแบบที่ไหน จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉันบนเตียงถึงได้รู้ว่าเขาคือนายแบบที่มาถ่ายงานคู่ฉัน
“เดี๋ยวทีมงานไปเติมหน้าให้นางแบบแล้วก็ทำรอยแผลตรงซอกคอให้นางแบบเลยครับ”
ทีมงานคนเดิมพูดต่อ ถึงจะรู้มาว่าคอนเซปต์ของงานนี้คือแวมไพร์ขย้ำเหยื่อ เพราะเครื่องดื่มที่เป็นตัวชูคอนเซปต์นั้นเป็นสมุนไพรชูกำลัง แต่พอเห็นหน้านายแบบที่มาถ่ายงานด้วยแล้วก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที มันไม่ใช่แค่การเปิดประสบการณ์ถ่ายแบบเซ็กซี่ครั้งแรก แต่เปิดประสบการณ์สัมผัสตัวเพศตรงข้ามในระยะประชิดครั้งแรกของฉันด้วย
“เอาล่ะ จัดท่าทางเตรียมถ่ายได้เลยครับ”
ทีมงานที่ถือกล้องอยู่พูดขึ้น ทันทีที่แสงสปอร์ตไลท์ส่องสว่างไปทั่วสตูอีกครั้ง คนข้าง ๆ ก็ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะดันร่างฉันในนอนราบกับเตียง อาการตื่นตกใจทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อยและเผลอมองหน้าเขาด้วยแววตาสั่นไหวเพราะอยู่ ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ถ้าดิ้น จะถ่ายไม่เสร็จสักทีนะ”
น้ำเสียงราบเรียบพอ ๆ กับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขาทำให้ฉันต้องทำตามอย่างว่าง่าย เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นรัว ๆ ก่อนที่ร่างฉันจะถูกเขาฉุดให้ลุกนั่งอีกครั้งแล้วทำท่าโอบกอดเอาไว้ แววตาเย็นยะเยือกของคนตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คน หากตอนนี้ไม่ใช่การถ่ายแบบฉันอาจคิดว่าเขาเป็นแวมไพร์จริง ๆ แล้วก็ได้
หลากหลายท่วงท่าที่ช่างภาพให้เราโพสต์ในคอนเซปต์ไวมไพร์ขย้ำเยื่อทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกเขาขย้ำจริง ๆ หรือเพราะเขาเป็นนายแบบมืออาชีพเหรอถึงได้ทำทุกอย่างแนบเนียนขนาดนี้
“เสร็จแล้วครับ ขอบคุณมาก”
ทันทีที่พี่ทีมงานพูดขึ้นฉันก็รีบดีดตัวออกจากเขา ก่อนจะเข้าไปไหว้ขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานแล้วบอกลาเป็นการด่วน ก่อนเดินออกมาจากสตูถ่ายภาพ เผลอหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งก็พบว่านายแบบคนนั้นยืนมองฉันอยู่
“น่ากลัวจัง…”
“พี่ขอบใจเกี๊ยวมากเลยนะวันนี้ที่มาช่วยพี่ ถ้าไม่ได้เกี๊ยวพี่ต้องจ่ายค่าปรับบานเลยอะ”
พี่ปอยพูดกับฉันก่อนจะยื่นซองสีขาวให้ ในนั้นเป็นค่าแรงวันนี้ของฉัน เงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรกในชีวิต
“เกี๊ยวเต็มใจช่วยพี่ปอยค่ะ ขอบคุณพี่ปอยมากนะคะที่ชวนเกี๊ยวมา”
ฉันส่งยิ้มให้พี่ปอยก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุด ส่วนพี่ปอยขอตัวกลับก่อนเพราะต้องพานางแบบอีกคนที่มารออยู่ก่อนแล้วไปถ่ายแบบอีกที่ ยังดีที่ขามาพี่เขาบอกทางกลับและรถเมล์ที่จะขึ้นก็เลยไม่มีปัญหาอะไร
กึก!
ร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องแต่งตัวทำให้ฉันต้องชะงัก เมื่อเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ในใจยังลังเลคิดว่าจะทักทายเขาดีมั้ยหรือจะปล่อยผ่านแล้วแยกกันตรงนี้เลย
“รับงานมั้ย”
หืม? ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เอ่ยทักอะไรไป คนตรงหน้าก็ชิงพูดขึ้นก่อนพร้อมกับกอดอกแล้วเอนตัวพิงประตูเอาไว้ หรือเขาจะมาชวนฉันไปถ่ายแบบด้วยเหรอ เอาสิก็น่าจะได้เงินดีนะถ่ายแค่แป๊บเดียวเอง
“เอ่อฉันไม่ได้ทำประจำค่ะ แต่ลองดูก็ได้ถ้า… / เท่าไหร่?”
หืม?
“เรทค่าตัวเหรอคะ?” ฉันรีบขมวดคิ้วถามเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมา “ให้ตามความเหมาะสมก็โอเคค่ะ” ฉันพูดต่อ
“คืนนึงคิดเท่าไหร่ ถ้าติดใจเดี๋ยวต่อยาว”
หาา! เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ!
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ที่คุณถามนี่ไม่ใช่งานถ่ายแบบใช่มั้ยแต่เป็นงาน…”
งานอย่าว่า?
“อ้าว? ก็คิดว่ารู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ”
ไอ้!…
“คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่รับงานแบบนั้นคุณไปหาคนอื่นเถอะ”
ฉันชักสีหน้าใส่ก่อนจะเดินแทรกตัวออกมาจากด้านใน แต่แล้วประโยคที่เขาพูดตามหลังมาก็ทำให้ฉันรู้สึกโมโหจนอยากเอากระเป๋าฟาดหน้าเขาสักครั้ง
“ไม่ลองหน่อยเหรอ”
“นี่! ฉันไม่ทำอาชีพนั้นแล้วก็ไม่มีวันทำด้วย!”