เกี๊ยว…
เป็นวันดี ๆ อีกหนึ่งวันที่ทำให้ฉันยิ้มได้ วันนี้ฉันตั้งใจซื้อของไปทำอะไรกินกับครอบครัว ถือเป็นการฉลองรายได้ก้อนแรกในชีวิตเด็กปีหนึ่งอย่างฉัน
วี๊ว่อ วี๊ว่อ วี๊ว่อ
“อย่ามุงครับ อย่ามุง ตรงนี้ห้ามเข้านะครับ”
เสียงไซเรนท์รถตำรวจและรถสายตรวจที่แล่นผ่านหน้าฉันไปทำให้รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ขึ้นมา ด้านหน้าเป็นหอพักเก่า ๆ เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาเช่าพัก รถตำรวจและผู้คนมากมายที่ยืนมุงอยู่พร้อมกับนักข่าวหลายสำนักทำให้ฉันต้องรีบวิ่งฝ่ากลุ่มคนเข้าไปด้านใน
หอพักนี้ไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่ของฉัน แต่ทุกคนในบ้านฉันอยู่ที่นี่ นี่เป็นธุรกิจเดียวที่ตกทอดต่อมาถึงรุ่นลุงกับป้าฉัน ที่นี่เป็นบ้านฉัน
“กะเกิดอะไรขึ้นคะคุณตำรวจ”
ฉันถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความร้อนใจ เพราะเห็นคนหลายคนที่มีสภาพไม่ค่อยดีนักถูกพยุงตัวและหามออกมาจากด้านใน ส่วนมาเป็นผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าพวกเขาเช่าพักที่นี่
“ป้าคะ ลุงคะเกิดอะไรขึ้น”
ตรงทางเดินไม่ไกลนักป้ากับลุงของฉันกำลังถูกเจ้าหน้าที่เดินคุมตัวมาจากชั้นบน ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านไม่ได้ตอบอะไร และไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันด้วยซ้ำ ทำเพียงแค่เดินผ่านไปอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“พี่! พี่นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
พอเห็นพี่ชายตัวเองเดินลงมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องรีบวิ่งไปถาม ด้านหลังกันนั้นมีพวกเพื่อน ๆ ของพี่เขาถูกคุมตัวเดินลงมาด้วย
“เกี๊ยวไปลาออกจากมหาลัยแล้วไปให้ไกลจากที่นี่ซะ อย่าไปเยี่ยมพวกพี่ รีบไปเลยนะเกี๊ยว เข้าใจมั้ย”
“ไป ๆ รีบ ๆ เดินครับ!”
ทันทีที่พี่ชายฉันพูดจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุมตัวอยู่ก็ตะโกนขึ้นก่อนจะพาพี่ชายฉันเดินออกไป แต่ก็ยังมีเสียงของพี่ชายฉันตะโกนออกมาจากรถด้วยประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
“ไปจากที่นี่เกี๊ยว! อย่ากลับมาที่นี่อีกรีบไป!”
“คุณเป็นญาติกับผู้ต้องหาใช่มั้ยครับ ยังไงขอเบอร์ติดต่อด้วยนะครับ ผมต้องสอบปากคำคุณด้วย”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาบอกฉันก่อนจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของฉันลงในกระดาษสีขาวที่เขาถืออยู่ ฉันพูดอะไรไม่ออกแต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมดจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ้าวนี่ลูกสาวพวกนั้นเหรอ ไม่โดนจับไปด้วยกันเหรอ”
เสียงผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่คุยกัน
“ขายยาเหมือนกันแหละมั้ง หน้าตาแบบนี้เอาไว้ไปส่งยาก็ได้นะทำไมตำรวจไม่จับไป”
“หลอกคนอื่นมาขายตัว แบบนี้มีลูกสาวก็น่าจะขายตัวเหมือนกันล่ะมั้ง”
“จะเหลือเหรอ ทั้งขายยาทั้งขายตัวแหละ คงเป็นเหมือนกันทั้งบ้าน”
หลากหลายประโยคที่ดังเข้ามาในหูทำให้ฉันพอจะประติดประต่อได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าลุงกับป้าแล้วก็พี่ชายฉันทำอะไรแบบนั้น ไม่มีอะไรให้สงสัยแล้วก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตเลยสักนิด
“อย่าเพิ่งกล่าวหาใครนะครับทุกคน แยกย้ายครับแยกย้าย”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ด้านนอกร้องบอกผู้คนรอบ ๆ
“ทุกคนแยกย้ายนะครับ เราจะปิดตึกนี้ก่อนเพื่อตรวจค้น เพราะของกลางซ่อนอยู่ทั่วตึกเลยห้ามเข้านะครับ ส่วนใครที่เป็นลูกบ้านแสดงเอกสารกับเจ้าหน้าที่ได้เลยนะครับ”
ฉันเห็นลูกบ้านหลายคนที่พักอยู่ที่นี่เริ่มทยอยขนของออก บางคนก็มองฉันด้วยสีหน้าแปลก ๆ แล้วเดินผ่านไป
ฉันรีบเดินกลับเข้ามาในห้องพักเมื่อแจ้งเรื่องย้ายที่อยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้ข้อมูลสำหรับการติดต่อไป ข้าวของในห้องพักของฉันกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางเพราะถูกตรวจค้น ยังดีที่อุปกรณ์การเรียนและชุดนักศึกษาของฉันยังอยู่ ฉันทำตามที่พี่ชายฉันบอกคือเก็บเสื้อผ้ากับพวกอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ ยังดีที่ตอนนี้มีเงินในบัญชีที่ลุงกับป้าเพิ่งโอนมาให้เมื่อวานนี้ และตอนนี้ฉันก็มีเงินที่ได้มาจากการถ่ายแบบอีก คงพอที่จะหาที่อยู่ใหม่และใช้เป็นค่าเดินทางไปหาลุงกับป้าที่สำนักงานตำรวจ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันจะไม่ทำตามที่พี่บอกก็คือลาออกจากมหาลัย ฉันจะไปเรียนให้จบ…
ขณะที่ฉันกำลังถือกระเป๋าเดินออกมาจากหอพัก ฉันก็สะดุดตาเข้ากับใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ผมสีทองสว่างไสวของเขาทำให้ฉันอดนึกนึกนายแบบวันนี้ไม่ได้ และเมื่อเขาหันหน้ามาก็พบว่าเป็นเขาจริง ๆ หรือว่าเขาจะพักแถวนี้พอเห็นข่าวก็เลยมาดูเหตุการณ์งั้นเหรอ ยุ่งเรื่องชาวบ้านเก่งเหมือนกันนะเนี่ย
“จะไปไหน”
คนตรงหน้าถามฉันเมื่อหันมาสบตากันเข้าพอดี ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขาแต่รีบเดินออกจากที่นั่นเพราะใกล้มืดมากแล้ว
กว่าจะหาที่พักได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ฉันไม่คิดเลยว่าการหาหอพักมันจะยุ่งยากและต้องใช้เงินมากขนาดนี้ ฉันเลือกหอพักที่ใกล้มหาลัยที่สุดแต่ราคาก็สูงลิบ รวมค่ามัดจำแล้วเงินที่ได้จากการถ่ายแบบวันนี้เหลือแค่เศษหลักสิบติดตัวฉันเท่านั้น ส่วนเงินในบัญชีที่ลุงกับป้าให้เป็นค่าขนมนั้นถูกอายัดไว้ทั้งหมด อยากจะไปขอพักกับเพื่อนแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพาอะไรไม่ดีไปทำให้เพื่อนเดือดร้อนหรือเปล่า ฉันรู้ว่าพอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกคนคงไม่อยากมาพัวพันกับฉันเพราะอาจเป็นผู้ต้องสงสัยได้
“สวัสดีค่ะพี่ปอย พอดีเกี๊ยวมีเรื่องอยากให้พี่ช่วยค่ะ”
ฉันต่อสายหาพี่รหัสคนสวยทันทีที่นึกได้ว่าต่อไปคงต้องทำงานหาเงินเองแล้ว
“อ้าว? เกี๊ยวเหรอมีอะไรหรือเปล่า พี่เห็นในข่าวน่ะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่บ้านเกี๊ยวเหรอ พี่ตกใจมากเลย”
ข่าวคงดังมากเลยสินะ ทั้งไลฟ์สดทั้งอะไรก็เต็มโซเชียลไปหมดแล้วสิตอนนี้
“ก็เป็นอย่างที่พี่ปอยเห็นในข่าวเลยค่ะ แต่พรุ่งนี้ถ้าเจอพี่ปอยที่มาหาลัยเดี๋ยวเกี๊ยวจะเล่าให้ฟังนะคะเพราะเกี๊ยวเองก็ไม่รู้อะไรมาก รอเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปให้ปากคำด้วยค่ะ”
“อ่อ ว่าแต่ตอนนี้เกี๊ยวเป็นไงบ้างโอเคมั้ย”
“ไม่โอเคเลยค่ะพี่ปอย ตอนนี้เกี๊ยวย้ายที่พักแล้วนะคะ เพิ่งย้ายมาถึงเมื่อตะกี้เลยค่ะอยู่หลังมอเราเลย”
ฉันบอกพี่รหัส เผื่อว่าพี่เขาจะตามไปที่บ้านแล้วไม่เจอฉัน
“ว่าแต่เกี๊ยวมีอะไรให้พี่ช่วยเหรอ”
ใช่สิฉันลืมเรื่องนี้ไปเลยถ้าพี่เขาไม่ท้วงขึ้น
“ตอนนี้เกี๊ยวลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ เงินของลุงกับป้าถูกอายัดไว้หมดเลย เกี๊ยวเลยคิดว่าระหว่างนี้ต้องหาเงินใช้เองไปก่อน”
“อ๋อ จะให้พี่หางานถ่ายแบบให้อีกใช่มั้ย เอาสิวันนี้หลายคนก็บอกว่าเกี๊ยวงานดี เดี๋ยวพี่หาให้ไม่ยากหรอก”
“ขอบคุณพี่ปอยมากนะคะ”
ฉันบอกคนในสายด้วยความดีใจ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเงินที่จะหามาได้มันใช้เกี่ยวกับคดีของลุงกับป้าแล้วก็พี่ชายฉันไม่ได้ แต่ก็คงพอที่ฉันจะใช้ในชีวิตประจำวันและซื้อของไปเยี่ยมลุงกับป้าแล้วก็พี่ชายฉันระหว่าที่พวกเขายังอยู่ในนั้น