ผลกระทบที่ตามมา 1/2

1516 Words
เกี๊ยว… “แต่หนูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นข่าวอยู่นะคะอาจารย์” ฉันพูดประโยคนี้กับอาจารย์เป็นสิบครั้งได้ เมื่ออยู่ ๆ ทุนการศึกษาของมหาลัยที่ฉันได้ถูกเรียกคืนทั้งหมด ฉันเพิ่งใช้ทุนนั้นไปเมื่อเทอมแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ และเทอมนี้ก็เป็นเทอมที่สองที่เรียนได้แค่เดือนกว่า ๆ เอง “ตอนนั้นที่มหาลัยตัดสินใจให้ทุนนักศึกษาก็เพราะว่านอกจากนักศึกษาเองจะมีการเรียนดีแล้ว ยังเป็นนักกิจกรรมและมีความประพฤติดีแต่ตอนนี้… ไม่ใช่” “แต่อาจารย์คะ ตอนนี้หนู…” “นักศึกษาชดใช้ทุนที่คืนไปให้มหาลัยเถอะนะ มีเวลาหนึ่งเดือนในการคืนทุกการศึกษาทั้งหมด คนอื่นที่เขาเหมาะสมกับทุนนี้ยังมีอีกเยอะ ส่วนค่าเทอมของนักศึกษาก็ทำเรื่องผ่อนจ่ายก็ได้ อาจารย์คงไม่ขอมากไปใช้มั้ย” นี่ไม่ใช่แค่ผลกระทบแรกที่ฉันได้รับตั้งแต่มีข่าวเรื่องลุงกับป้า เพราะพี่ปอยเองก็บอกว่าลูกค้าปฏิเสธฉัน ฉันต้องไปหางานอื่นทำแทน แม้แต่งานที่เพิ่งถ่ายไปก็ยังยกเลิกใช้ภาพฉันในการโฆษณา แต่จะให้หางานอะไรที่ทำแล้วได้เงินเร็ว ๆ ล่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวสักบาท “เป็นไงบ้างเกี๊ยว อาจารย์แม่ว่าไงบ้าง” ลูกปลาเพื่อนรักถามขึ้นเมื่อเห็นฉันเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ต้องคืนทุนอะปลา ดีนะแค่สองเทอมไม่งั้นแย่แน่เลยเงินก็ไม่มี” ฉันเดินไปทิ้งตัวนั่งลงกับม้าหินอ่อนด้วยอาการเหนื่อยใจ ตอนนี้ทั้งมหาลัยนอกจากพี่ปอยแล้วก็มีแค่ลูกปลานี่แหละที่ยังคบฉันอยู่ ส่วนคนอื่นถอยห่างหมดเพราะไม่อยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวกับคดี เพื่อนผู้หญิงหลายคนที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันตอนนี้ก็กลัวจะถูกมองว่าทำอาชีพค้าบริการก็เลยแยกตัวออกจากฉันด้วย “สองเทอมก็หลายหมื่นอยู่นะ แล้วตอนนี้เกี๊ยวมีเงินเท่าไหร่อะพอป่าว” เพื่อนรักถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง “มีแค่แปดสิบบาทเอง เหลือเศษจากค่าตัวตอนไปถ่ายแบบอะ ที่เหลือก็มัดจำห้องไปหมดแล้ว” ฉันบอกเพื่อนรักด้วยความท้อใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับม้าหินอ่อนเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ “ปลาก็ช่วยอะไรไม่ได้ด้วยสิถ้าเป็นเรื่องเงินน่ะ ขอโทษนะเกี๊ยว” เพื่อนรักพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ฉันไม่ได้โทษลูกปลาอยู่แล้วที่ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะลูกปลาก็ต้องรอค่าขนมที่พ่อกับแม่ทำงานส่งมาให้เหมือนกัน บางเดือนก็แทบไม่พอใช้ ฉันยังจำได้ว่าลูกปลาเคยอดข้าวกลางวันเพื่อจะได้มีเงินไปใช้ในกิจกรรมของมหาลัย บางครั้งเพื่อนรักก็ต้องรับจ๊อบเป็นเด็กแจกใบปลิวที่นาน ๆ ครั้งจะมีด้วย “จะทำงานเสริมอะไรดีนะปลามีแนะนำมั้ย” ฉันถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ “ทุนต้องใช้คืนทั้งหมดภายในหนึ่งเดือนด้วยสิ” ฉันพูดต่อก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ “แล้วแบบนี้เกี๊ยวจะเอาเงินที่ไหนไปคืนล่ะ” เพื่อนรักถามต่อ “ไม่รู้เลยปลา คิดไม่ออกจริง ๆ” “ถ้าปลาแนะนำงานหนึ่งให้เกี๊ยว เกี๊ยวจะว่าอะไรมั้ยอะ แต่ปลาคิดว่าเงินต้องดีแน่ ๆ โดยเฉพาะหน้าตาแบบเกี๊ยว” งาน? “งานอะไรเหรอปลา ว่ามาเลยเดี๋ยวเกี๊ยวตัดสินใจเองว่าจะทำหรือไม่ทำ” ฉันบอกเพื่อนรักเมื่อได้ยินคำว่างาน ตอนนี้ไม่มีอะไรจะรู้สึกดีไปกว่าการมีงานทำแล้วล่ะ ถ้ามีงานก็ต้องมีเงิน “งานผูกปิ่นโตอะ” หืม? ทำกับข้าวขายเหรอ? “ผูกปิ่นโต?” “คือมันเป็นงานที่สาว ๆ สวย ๆ ที่เขารักสบายแล้วก็รายจ่ายเยอะทำกันอะ ปลามีพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเขาทำงานแนวนี้อยู่แต่ตอนนี้ก็ได้ดิบได้ดีไปแล้วแหละเพราะลูกค้าชอบเขาจริง ๆ ก็เลยแต่งงานกัน” เดี๋ยวนะ! “ลูกปลาอย่าบอกนะว่ามันเป็นงานนั้นอะ งานแบบบนเตียงอะ” ฉันถามเพื่อนรักอย่างไม่แน่ใจนักเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะแนะนำงานนี้ให้ “อื้มนั่นแหละ แต่เกี๊ยวอย่างเพิ่งตีโพยตีพายไปนะ ปลาแค่จะบอกว่างานนี้น่ะถ้าเราทำดี ๆ ก็อยู่ยาวอยู่สบายแน่นอน” เพื่อนรักอธิบายด้วยท่าทางลังเล ถึงฉันจะไม่เห็นด้วยกับงานที่ลูกปลาเสนอแต่ฟังไว้ก็ไม่เสียหายอะไร “มันจะดีเหรอปลา” “ดีสิแต่ถ้าเกี๊ยวจะทำจริง ๆ น่ะ เกี๊ยวต้องเลือกลูกค้าที่เขาไม่มีลูกไม่มีเมีย ไม่มีครอบครัวนะ แบบลูกค้าโสด ๆ ไรงี้” “แล้วถ้าโสดจะมาทำแบบนี้ทำไมอะ หาคืนละคนจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันถามต่อ “ก็ลูกค้าบางประเภทเขาก็ไม่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อยไง ออกแนวเลี้ยงไว้ไรงี้ พอเบื่อหรืออยากได้ใหม่เขาก็ไม่ต่องานเราอะ” อ่อแบบนี้นี่เอง “บางทีถ้าลูกค้าติดใจหรือชอบเราขึ้นมาจริง ๆ เราอาจได้เป็นตัวจริงของเขาก็ได้นะเกี๊ยว” เพื่อนรักพูดต่อ “ปลาก็ไม่อยากแนะนำอะไรแบบนี้ให้เกี๊ยวหรอกนะ ก็รู้แหละว่ามันไม่เวิร์ค แต่ถ้าจะทำจริง ๆ เกี๊ยวก็แค่คิดว่าลูกค้าเป็นแฟนเรา ยังไงคนส่วนมากที่เป็นแฟนกันก็ต้องมีอะไรอยู่แล้วใช่ปะ กับลูกค้าเกี๊ยวก็ลองคิดแบบนั้นดู ถ้าลูกค้าไม่ต่องานก็คิดซะว่าเลิกกับแฟนก็ได้ มีตังใช้ด้วย” ถึงสิ่งที่ลูกปลาพูดมามันจะไม่โอเคเท่าไหร่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกเลย มันก็จริงอย่างที่ลูกปลาว่า แต่ฉันจะกล้าทำเหรอ “ทำแค่ครั้งเดียวพอตั้งตัวได้ก็เลิก แต่ถ้าไม่เดี๋ยวเย็นนี้เลิกเรียนเราไปสมัครงานตามร้านอาหารแล้วก็ร้านสะดวกซื้อกัน ระหว่างนี้ปลาจะแบ่งเงินให้เกี๊ยวใช้ไปก่อน ถ้าช่วยกันทำงานสองคนคงพอใช้ทุนคืนได้ทันมั้ง” เพื่อนรักส่งยิ้มให้ฉันพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือฉันที่วางบนโต๊ะม้าหินอ่อนเอาไว้ ถึงข้อเสนอเรื่องสุดท้ายที่เกี๊ยวบอกมามันจะไม่เข้าท่า แต่ว่าเวลาในการหาเงินของฉันมันจำกัดมาก แล้วต้องมาใช้เงินกับลูกปลาอีก แบบนี้ก็อดด้วยกันทั้งคู่เลยน่ะสิ เพราะแต่ละเดือนที่บ้านส่งเงินให้ลูกปลาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ จ่ายค่าหอพักก็เหลือใช้แค่นิดเดียวเอง “เกี๊ยวจะลองดู แต่ลูกปลาต้องหาลูกค้าช่วยเกี๊ยวนะ” อยู่ ๆ ฉันก็นึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมา ผู้ชายผมทองคนนั้นเคยถามค่าตัวฉันว่าคืนละเท่าไหร่ เขาบอกว่าถ้าติดใจจะต่อยาว ๆ งั้นก็หมายความว่าเขากำลังหาคนผูกปิ่นโตด้วย “เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าเกี๊ยวเอาจริงน่ะ” เพื่อนรักทำท่าทางตกใจเมื่อฉันพูดจบ “จริงสิ แค่ครั้งเดียวเองไม่เป็นไรหรอก หาเงินมาจ่ายทุนคืนแล้วก็จ่ายค่าเทอม” “มะไม่ดีกว่าเกี๊ยว ปลาว่าปลาไม่แนะนำแล้วแหละ ตอนนั้นปลาคิดอะไรไม่ออกก็เลยแนะนำเกี๊ยวไปแบบนั้นน่ะ” เพื่อนรักพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะส่ายหัวรัว ๆ ไม่เห็นด้วย “ก็คิดว่าเป็นแฟนกันแล้วมีอะไรกันไง ปลาอย่าคิดมากสิ” “ไม่อะ ปลาทะนุถนอมเกี๊ยวมาเป็นอย่างดี ไม่ให้ผีห่าซาตานที่ไหนมาจีบได้ อยู่ดี ๆ จะไปทำแบบนั้นปลายอมไม่ได้หรอก” อ้าว? “แต่เมื่อกี้ปลาเป็นคน… / ไม่เอา ๆ ปลาขอโทษนะ นะ นะไม่ทำ ๆ” “โธ่ลูกปลา” ฉันกับลูกปลานั่งคุยกันต่อสักพักก็แยกย้ายกันกลับ ฉันบอกลูกปลาว่าถ้าลูกค้าที่ฉันจะไปคุยด้วยเขาไม่ตกลง ฉันจะรับข้อเสนอที่ลูกปลาจะพาไปหางานและแบ่งเงินให้ใช้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำตามที่พูดหรอกนะ ฉันรู้ว่าลูกค้าคนนี้ต้องรับข้อเสนอของฉันแน่ ๆ เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไป ดีไม่ดีฉันอาจจะมีเงินมากพอที่จะพาพี่ชายฉันออกมาจากที่นั่นแล้วก็กลับมาเรียนต่อก็ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD