เกี๊ยว…
“แต่หนูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เป็นข่าวอยู่นะคะอาจารย์”
ฉันพูดประโยคนี้กับอาจารย์เป็นสิบครั้งได้ เมื่ออยู่ ๆ ทุนการศึกษาของมหาลัยที่ฉันได้ถูกเรียกคืนทั้งหมด ฉันเพิ่งใช้ทุนนั้นไปเมื่อเทอมแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ และเทอมนี้ก็เป็นเทอมที่สองที่เรียนได้แค่เดือนกว่า ๆ เอง
“ตอนนั้นที่มหาลัยตัดสินใจให้ทุนนักศึกษาก็เพราะว่านอกจากนักศึกษาเองจะมีการเรียนดีแล้ว ยังเป็นนักกิจกรรมและมีความประพฤติดีแต่ตอนนี้… ไม่ใช่”
“แต่อาจารย์คะ ตอนนี้หนู…”
“นักศึกษาชดใช้ทุนที่คืนไปให้มหาลัยเถอะนะ มีเวลาหนึ่งเดือนในการคืนทุกการศึกษาทั้งหมด คนอื่นที่เขาเหมาะสมกับทุนนี้ยังมีอีกเยอะ ส่วนค่าเทอมของนักศึกษาก็ทำเรื่องผ่อนจ่ายก็ได้ อาจารย์คงไม่ขอมากไปใช้มั้ย”
นี่ไม่ใช่แค่ผลกระทบแรกที่ฉันได้รับตั้งแต่มีข่าวเรื่องลุงกับป้า เพราะพี่ปอยเองก็บอกว่าลูกค้าปฏิเสธฉัน ฉันต้องไปหางานอื่นทำแทน แม้แต่งานที่เพิ่งถ่ายไปก็ยังยกเลิกใช้ภาพฉันในการโฆษณา แต่จะให้หางานอะไรที่ทำแล้วได้เงินเร็ว ๆ ล่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวสักบาท
“เป็นไงบ้างเกี๊ยว อาจารย์แม่ว่าไงบ้าง”
ลูกปลาเพื่อนรักถามขึ้นเมื่อเห็นฉันเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ต้องคืนทุนอะปลา ดีนะแค่สองเทอมไม่งั้นแย่แน่เลยเงินก็ไม่มี”
ฉันเดินไปทิ้งตัวนั่งลงกับม้าหินอ่อนด้วยอาการเหนื่อยใจ ตอนนี้ทั้งมหาลัยนอกจากพี่ปอยแล้วก็มีแค่ลูกปลานี่แหละที่ยังคบฉันอยู่ ส่วนคนอื่นถอยห่างหมดเพราะไม่อยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวกับคดี เพื่อนผู้หญิงหลายคนที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันตอนนี้ก็กลัวจะถูกมองว่าทำอาชีพค้าบริการก็เลยแยกตัวออกจากฉันด้วย
“สองเทอมก็หลายหมื่นอยู่นะ แล้วตอนนี้เกี๊ยวมีเงินเท่าไหร่อะพอป่าว”
เพื่อนรักถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“มีแค่แปดสิบบาทเอง เหลือเศษจากค่าตัวตอนไปถ่ายแบบอะ ที่เหลือก็มัดจำห้องไปหมดแล้ว”
ฉันบอกเพื่อนรักด้วยความท้อใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับม้าหินอ่อนเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ
“ปลาก็ช่วยอะไรไม่ได้ด้วยสิถ้าเป็นเรื่องเงินน่ะ ขอโทษนะเกี๊ยว”
เพื่อนรักพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ฉันไม่ได้โทษลูกปลาอยู่แล้วที่ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะลูกปลาก็ต้องรอค่าขนมที่พ่อกับแม่ทำงานส่งมาให้เหมือนกัน บางเดือนก็แทบไม่พอใช้ ฉันยังจำได้ว่าลูกปลาเคยอดข้าวกลางวันเพื่อจะได้มีเงินไปใช้ในกิจกรรมของมหาลัย บางครั้งเพื่อนรักก็ต้องรับจ๊อบเป็นเด็กแจกใบปลิวที่นาน ๆ ครั้งจะมีด้วย
“จะทำงานเสริมอะไรดีนะปลามีแนะนำมั้ย”
ฉันถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่
“ทุนต้องใช้คืนทั้งหมดภายในหนึ่งเดือนด้วยสิ”
ฉันพูดต่อก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“แล้วแบบนี้เกี๊ยวจะเอาเงินที่ไหนไปคืนล่ะ”
เพื่อนรักถามต่อ
“ไม่รู้เลยปลา คิดไม่ออกจริง ๆ”
“ถ้าปลาแนะนำงานหนึ่งให้เกี๊ยว เกี๊ยวจะว่าอะไรมั้ยอะ แต่ปลาคิดว่าเงินต้องดีแน่ ๆ โดยเฉพาะหน้าตาแบบเกี๊ยว”
งาน?
“งานอะไรเหรอปลา ว่ามาเลยเดี๋ยวเกี๊ยวตัดสินใจเองว่าจะทำหรือไม่ทำ”
ฉันบอกเพื่อนรักเมื่อได้ยินคำว่างาน ตอนนี้ไม่มีอะไรจะรู้สึกดีไปกว่าการมีงานทำแล้วล่ะ ถ้ามีงานก็ต้องมีเงิน
“งานผูกปิ่นโตอะ”
หืม? ทำกับข้าวขายเหรอ?
“ผูกปิ่นโต?”
“คือมันเป็นงานที่สาว ๆ สวย ๆ ที่เขารักสบายแล้วก็รายจ่ายเยอะทำกันอะ ปลามีพี่ที่รู้จักคนหนึ่งเขาทำงานแนวนี้อยู่แต่ตอนนี้ก็ได้ดิบได้ดีไปแล้วแหละเพราะลูกค้าชอบเขาจริง ๆ ก็เลยแต่งงานกัน”
เดี๋ยวนะ!
“ลูกปลาอย่าบอกนะว่ามันเป็นงานนั้นอะ งานแบบบนเตียงอะ”
ฉันถามเพื่อนรักอย่างไม่แน่ใจนักเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะแนะนำงานนี้ให้
“อื้มนั่นแหละ แต่เกี๊ยวอย่างเพิ่งตีโพยตีพายไปนะ ปลาแค่จะบอกว่างานนี้น่ะถ้าเราทำดี ๆ ก็อยู่ยาวอยู่สบายแน่นอน”
เพื่อนรักอธิบายด้วยท่าทางลังเล ถึงฉันจะไม่เห็นด้วยกับงานที่ลูกปลาเสนอแต่ฟังไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
“มันจะดีเหรอปลา”
“ดีสิแต่ถ้าเกี๊ยวจะทำจริง ๆ น่ะ เกี๊ยวต้องเลือกลูกค้าที่เขาไม่มีลูกไม่มีเมีย ไม่มีครอบครัวนะ แบบลูกค้าโสด ๆ ไรงี้”
“แล้วถ้าโสดจะมาทำแบบนี้ทำไมอะ หาคืนละคนจะไม่ดีกว่าเหรอ”
ฉันถามต่อ
“ก็ลูกค้าบางประเภทเขาก็ไม่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อยไง ออกแนวเลี้ยงไว้ไรงี้ พอเบื่อหรืออยากได้ใหม่เขาก็ไม่ต่องานเราอะ”
อ่อแบบนี้นี่เอง
“บางทีถ้าลูกค้าติดใจหรือชอบเราขึ้นมาจริง ๆ เราอาจได้เป็นตัวจริงของเขาก็ได้นะเกี๊ยว”
เพื่อนรักพูดต่อ
“ปลาก็ไม่อยากแนะนำอะไรแบบนี้ให้เกี๊ยวหรอกนะ ก็รู้แหละว่ามันไม่เวิร์ค แต่ถ้าจะทำจริง ๆ เกี๊ยวก็แค่คิดว่าลูกค้าเป็นแฟนเรา ยังไงคนส่วนมากที่เป็นแฟนกันก็ต้องมีอะไรอยู่แล้วใช่ปะ กับลูกค้าเกี๊ยวก็ลองคิดแบบนั้นดู ถ้าลูกค้าไม่ต่องานก็คิดซะว่าเลิกกับแฟนก็ได้ มีตังใช้ด้วย”
ถึงสิ่งที่ลูกปลาพูดมามันจะไม่โอเคเท่าไหร่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกเลย มันก็จริงอย่างที่ลูกปลาว่า แต่ฉันจะกล้าทำเหรอ
“ทำแค่ครั้งเดียวพอตั้งตัวได้ก็เลิก แต่ถ้าไม่เดี๋ยวเย็นนี้เลิกเรียนเราไปสมัครงานตามร้านอาหารแล้วก็ร้านสะดวกซื้อกัน ระหว่างนี้ปลาจะแบ่งเงินให้เกี๊ยวใช้ไปก่อน ถ้าช่วยกันทำงานสองคนคงพอใช้ทุนคืนได้ทันมั้ง”
เพื่อนรักส่งยิ้มให้ฉันพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือฉันที่วางบนโต๊ะม้าหินอ่อนเอาไว้ ถึงข้อเสนอเรื่องสุดท้ายที่เกี๊ยวบอกมามันจะไม่เข้าท่า แต่ว่าเวลาในการหาเงินของฉันมันจำกัดมาก แล้วต้องมาใช้เงินกับลูกปลาอีก แบบนี้ก็อดด้วยกันทั้งคู่เลยน่ะสิ เพราะแต่ละเดือนที่บ้านส่งเงินให้ลูกปลาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ จ่ายค่าหอพักก็เหลือใช้แค่นิดเดียวเอง
“เกี๊ยวจะลองดู แต่ลูกปลาต้องหาลูกค้าช่วยเกี๊ยวนะ”
อยู่ ๆ ฉันก็นึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมา ผู้ชายผมทองคนนั้นเคยถามค่าตัวฉันว่าคืนละเท่าไหร่ เขาบอกว่าถ้าติดใจจะต่อยาว ๆ งั้นก็หมายความว่าเขากำลังหาคนผูกปิ่นโตด้วย
“เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าเกี๊ยวเอาจริงน่ะ”
เพื่อนรักทำท่าทางตกใจเมื่อฉันพูดจบ
“จริงสิ แค่ครั้งเดียวเองไม่เป็นไรหรอก หาเงินมาจ่ายทุนคืนแล้วก็จ่ายค่าเทอม”
“มะไม่ดีกว่าเกี๊ยว ปลาว่าปลาไม่แนะนำแล้วแหละ ตอนนั้นปลาคิดอะไรไม่ออกก็เลยแนะนำเกี๊ยวไปแบบนั้นน่ะ”
เพื่อนรักพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะส่ายหัวรัว ๆ ไม่เห็นด้วย
“ก็คิดว่าเป็นแฟนกันแล้วมีอะไรกันไง ปลาอย่าคิดมากสิ”
“ไม่อะ ปลาทะนุถนอมเกี๊ยวมาเป็นอย่างดี ไม่ให้ผีห่าซาตานที่ไหนมาจีบได้ อยู่ดี ๆ จะไปทำแบบนั้นปลายอมไม่ได้หรอก”
อ้าว?
“แต่เมื่อกี้ปลาเป็นคน… / ไม่เอา ๆ ปลาขอโทษนะ นะ นะไม่ทำ ๆ”
“โธ่ลูกปลา”
ฉันกับลูกปลานั่งคุยกันต่อสักพักก็แยกย้ายกันกลับ ฉันบอกลูกปลาว่าถ้าลูกค้าที่ฉันจะไปคุยด้วยเขาไม่ตกลง ฉันจะรับข้อเสนอที่ลูกปลาจะพาไปหางานและแบ่งเงินให้ใช้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำตามที่พูดหรอกนะ ฉันรู้ว่าลูกค้าคนนี้ต้องรับข้อเสนอของฉันแน่ ๆ เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไป ดีไม่ดีฉันอาจจะมีเงินมากพอที่จะพาพี่ชายฉันออกมาจากที่นั่นแล้วก็กลับมาเรียนต่อก็ได้