เกี๊ยว…
ในที่สุดวันที่ฉันต้องกลายเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อก็มาถึง ดีหน่อยที่คนในร้านเคยเห็นหน้าฉันอยู่บ้างเพราะฉันเป็นนักศึกษาในมหาลัยข้างหน้านี้ และมักจะแวะมาซื้อของที่นี่บ่อย ๆ ทุกคนก็เลยช่วยสอนงานฉันเป็นอย่างดีและไม่มีทีท่าว่ารังเกียจฉันจากเรื่องที่เป็นข่าวอยู่
“เดี๋ยวเกี๊ยวไปดูไอศกรีมในตู้ให้พี่หน่อยว่ามีอะไรต้องสั่งบ้าง เย็นนี้พี่จะสั่งของ ถึงรอบสั่งไอศกรีมแล้ว”
พี่ผู้จัดการร้านหันมาบอกฉันขณะกำลังนับเงินในลิ้นชักอยู่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็คิดเงินให้ลูกค้าและช่วยกันเติมของในชั้นวาง
“ได้ค่ะ”
ฉันรับคำก่อนจะเดินตรงไปยังอีกมุมของร้านเพื่อทำการเช็กไอศกรีมในตู้แช่แข็งตามที่พี่ผู้จัดการบอก
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ / สวัสดีครับ เชิญครับ”
เสียงพวกพี่ ๆ ที่ประจำอยู่หน้าเคาท์เตอร์ทักทายลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน ฉันไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะมัวแต่จดบันทึกของที่จะต้องสั่ง จนกระทั่งร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินเข้ามาในจุดที่ฉันยืนอยู่
“อะไรอร่อยอะ”
เสียงนี่คุ้นจัง?
“ลูกค้าชอบ… ”
จากที่คิดว่าเป็นลูกค้าแต่พอหันไปหาคนข้าง ๆ แล้วไม่ใช่ ฉันขมวดคิ้วมองเขาด้วยความงุนงงที่เจอเขาที่นี่ วันนี้เขามาในชุดนักศึกษาจึงดูแปลกตากว่าวันถ่ายแบบและเข็มตรามหาลัยของเขาก็เป็นคนละที่กับฉัน
“ถามก็ไม่ตอบ อยากโดนคอมเพลนเหรอ”
อ้าว?
พูดจบคนข้าง ๆ ก็เดินไปหยิบตระกร้าใส่ของที่วางอยู่ก่อนจะเดินไปยังชั้นขนม ฉันได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจว่าเขาเรียนอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งไกลจากมหาลัยฉันมาก ๆ แล้วมาซื้อของที่นี่ทำไม
“หรือเขาจะพักแถวนี้?”
“เกี๊ยวมานี่ก่อน พี่จะสอนคิดเงินลูกค้า”
เสียงพี่ผู้จัดการร้านเรียกฉันพร้อมกวักมือให้เดินเข้าไปหา
“สอนน้องใหม่ตั้งแต่วันแรกเลยเหรอพี่”
พี่เคาเตอร์ข้าง ๆ ถามแซว ๆ
“เออวันนี้แหละลูกค้าไม่เยอะ อีกอย่างน้องมันไหวพริบดี สอนอะไรก็จำได้หมดแล้ว เผื่อลูกค้าเยอะ ๆ จะได้ช่วยกันได้”
พี่ผู้จัดการตอบก่อนจะหันมาสนใจฉัน ลูกค้าที่ฉันประเดิมคิดเงินเป็นคนแรกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้าของผมสีทองหน้านิ่งที่เคยปฏิเสธฉันวันนั้น…
“เอานี่เพิ่มด้วยครับ”
คนตรงหน้าหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บนชั้นวางหน้าเคาท์เตอร์ลงตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองฉันแล้วหันไปสนใจกระเป๋าตังแทน นี่เขาซื้อขนมช็อกโกแลตเต็มตะกร้าแล้วก็ซื้อถุงยางอนามัยไปพร้อมกัน? หรือเอาไว้กินตอนทำเรื่องบนเตียงเหรอแปลกจัง?
จากวันนั้นมาอีตาผมทองนั่นก็มาซื้อของที่นี่เกือบทุกวัน ทันทีที่เขาเข้ามาในร้านถ้าเห็นฉันอยู่จุดไหนเขาก็จะเดินไปหยิบของใกล้ ๆ ฉันแล้วเดินเลือกซื้อขนมที่เป็นช็อกโกแลตต่อ ตามด้วยถุงยางอนามัยเหมือนกับทุกครั้งที่เขาแวะมา
“ลูกค้าคนนี้เขาซื้อถุงยางบ่อยมากเลยนะเจ้ ใช้วันละกล่องเลยหรือไง”
พี่คนหนึ่งที่ยืนเฝ้าเคาท์เตอร์อยู่ข้างฉันหันไปถามผู้จัดการที่กำลังนับเงินอยู่ข้าง ๆ
“เขาป้องกันก็ดีแล้ว แกไปยุ่งอะไรกับเขาอีกล่ะ”
พี่ผู้จัดการว่า
“บ่อยไปมั้ยเจ้ คนอะไรจะอึ๊บกันทุกวัน วันละสามครั้งเลย”
พอได้ยินพี่ข้าง ๆ พูดแบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมา คนบ้าอะไรจะทำบ่อยขนาดนั้น แบบนี้ผู้หญิงของเขาจะไม่ตายเลยหรือไง
“แกก็สนใจของอย่างอื่นที่เขาซื้อบ้างสิ ไม่ใช่สนใจแต่อย่างเดียว”
“ขนมเด็กกินน่ะเหรอ แต่เขาก็ซื้อไปเยอะจริง ๆ นั่นแหละ”
การทำงานในสัปดาห์แรกของฉันผ่านไปด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ ลูกปลากับพี่ปอยยังคงติดต่อมาหาฉันบ่อย ๆ และนัดเจอกันบ้างถ้าฉันเลิกงานตอนเย็น ฉันลองถามถึงนายแบบหัวทองคนนั้นกับพี่ปอยก็รู้มาว่าเขามีเพื่อนที่เรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกันกับฉัน คนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอดีตเดือนแพทย์ปีสี่ที่เป็นสามีมโนของใครหลาย ๆ คน ก็เลยทำให้ฉันคลายความสงสัยเรื่องที่เขามาซื้อของแถวนี้
“สวัสดีค่ะเชิญค่ะ / สวัสดีครับ เชิญครับ”
เสียงพวกพี่ ๆ ที่ประจำหน้าเคาท์เตอร์ทักทายลูกค้าเหมือนกับทุกครั้งที่มีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ส่วนฉันก็เติมของตามชั้นวางต่าง ๆ ช่วยพี่อีกคน
“เฮ้ย ทำไมวันนี้เงินไม่ครบอะ หายไปหลายพันเลยนะเนี่ย”
เสียงพี่ผู้จัดการที่นับเงินอยู่หน้าเคาท์เตอร์ร้องขึ้นด้วยความตกใจ พวกเราที่ยืนอยู่คนละทิศทางก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ
“มันจะหายได้ไงเจ้ นับดูดี ๆ ดิ๊ ร้อยวันพันปีไม่เคยหาย”
หนึ่งในพี่ที่สนิทกันกับผู้จัดการร้านพูดขึ้น
“เออจะหายได้ไง เราอยู่กันมาตั้งนานเงินไม่เคยหาย”
พี่อีกคนหนึ่งพูดขึ้นบ้าง
“อ้าวแกพูดแบบนี้เดี๋ยวน้องใหม่ก็ตกใจหรอก พอน้องมาแล้วเงินหายไรงี้”
“แต่เกี๊ยวไม่ได้เอาไปจริง ๆ นะคะ พี่ดูกล้องได้เลย”
ฉันรีบปฏิเสธ เพราะไม่เคยคิดจะขโมยเงินร้าน ถึงจะร้อนเงินแต่ก็ใช่ว่าจะคิดทำลายอนาคตตัวเองสักหน่อย อีกอย่างในร้านมีกล้องหลายจุดถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็น่าจะตรวจดูให้แน่ใจก่อน
“ทอนผิดหรือเปล่าลองดูดี ๆ”
พี่อีกคนหนึ่งพูดบ้าง
“บอกแล้วว่าให้น้องใหม่เข้าเครื่องเร็วมันจะทอนเงินผิด หายเยอะขนาดนี้ค่าแรงเดือนแรกคงหมดแล้วมั้ง ทำงานไม่เต็มเดือนด้วยเนี่ย เดี๋ยวพรุ่งนี้เงินก็ออกแล้ว”
พี่ที่สนิทกับผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะช่วยกันนับเงินในลิ้นชักอื่น ใช่แล้วล่ะ ฉันเพิ่งทำงานได้หนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ แล้วพรุ่งนี้เป็นวันเงินเดือนออก ก็หมายความว่าค่าแรงเจ็ดวันของฉันอาจจะโดนหักเพราะทำเงินหาย แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้สักหน่อยว่าเงินหายเพราะฉัน
หมับ!
“อ๊ะ”
มือใหญ่ที่เดินมาคว้าข้อมือฉันให้เดินตามเขาไปที่หน้าเคาท์เตอร์ทำให้ฉันและคนในร้านตกใจ คนหน้านิ่งไม่ได้พูดอะไรกับฉัน แต่วางตะกร้าใสของลงหน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะวางธนบัตรสีเทาหลายสิบใบไว้ตรงหน้า
“วันนี้เด็กนี่จะมาทำงานที่นี่เป็นวันสุดท้าย เดี๋ยวส่งใบลาออกทางไลน์มาให้ แล้วก็เงินนี่เอาไปแทนเงินที่หายไปซะ”
พูดจบเขาก็รับของที่คิดเงินเสร็จมาถือไว้จะพาฉันเดินออกมาจากด้านในทั้ง ๆ ที่ยังไม่ยอมปล่อยมือฉัน
“นี่คุณคิดจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
ฉันชักมือกลับก่อนจะถามคนตรงหน้าที่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับจ้องมองฉันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์อย่างที่เคยทำ
“ฉันไม่ได้เป็นคนเอาเงินไปนะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเงินนั่นหายไปได้ยังไง”
ฉันพูดต่อ
“พี่”
เขาเน้นคำชัด ๆ พร้อมกับมองมาที่ฉันด้วยแววตาดุ ๆ
“อะไร?”
นั่นน่ะสิ อยู่ ๆ พูดอะไรน่ะฉันไม่เข้าใจ
“ฉันอยู่ปีสี่ อายุมากกว่าเธอเพราะงั้นเธอต้องเรียกฉันพี่”
อ่อ
“ไม่อะไม่สนิทกันสักหน่อย”
“เดี๋ยวได้สนิท”
อะไรของเขา
"สองแสนใช่มั้ย"
คนตรงหน้าพูดต่อ
"คะ?"
"ค่าตัวเธอน่ะ สองแสนใช่มั้ย"
"ค่าตัว…"
ไม่ใช่ว่าเขาเปลี่ยนใจแล้วนะ เรื่องที่ฉันไปหาเขาวันนั้นน่ะ
"ไปอยู่กับฉันแล้วฉันจะให้เงินเธอ"
"พี่หมายถึง..."
ตอนนี้ฉันเรียกเขาพี่ก็ได้ถ้ามันทำให้เขาพอใจแล้วดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ฉัน
"ค่าเทอมฉันจะจ่ายให้ เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า เงินทำสวย ไปเที่ยว ช้อปปิ้ง ฉันจะดูแลให้เอง"
"หมายถึงให้ฉัน เอ้ยให้เกี๊ยวไปอยู่กับพี่น่ะเหรอคะ แล้วจะได้..."
"ไปอยู่กับฉันจนกว่าฉันจะเบื่อเธอ"
"แต่พี่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายเกี๊ยว โอเคมั้ยคะ"
"ถ้าเธอเป็นเด็กดี ก็จะไม่เจ็บตัว"
"ถ้างั้นวันพรุ่งนี้… / วันนี้"
หืม? อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันไปอยู่กับเขาตอนนี้เลยน่ะ
"เดี๋ยวนี้"
"คะ?"
"ขึ้นรถ"
"แต่ว่า..."
"อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ"