เจ้าทัพ…
“ไม่มีเรียนหรือไง ทำไมมีเวลามาทำงาน”
ผมหันไปถามคนข้าง ๆ ขณะกำลังขับรถอยู่ ที่จริงผมรู้อยู่แล้วแหละว่าเธอทำเรื่องดรอปเรียนไว้ เพราะข่าวลือของครอบครัวเธอนั้นดังไปทั่วมหาลัย ผมมีทั้งเพื่อนและรุ่นน้องรวมถึงคนรู้จักเรียนที่เดียวกันกับเธอ ก็เลยได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมาบ้างเพราะฝากพวกนั้นช่วยตามข่าวเธอให้
“ทำเรื่องดรอปไว้ค่ะ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม”
เธอตอบทั้ง ๆ ที่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตากับผม ไม่รู้เพราะกลัวผมหรือโกรธที่ผมไม่ยอมให้เธอทำงานด้วยตั้งแต่วันนั้นกันแน่
เด็กนี่ผมเห็นเธอครั้งแรกตอนถ่ายแบบด้วยกันแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทางของเธอที่เหมือนกลัวผมวันนั้นหรือเปล่าเลยทำให้ผมสนใจในตัวเธอและอยากได้เธอมาประดับเตียง ยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนในครอบครัวของคนที่ผมเพิ่งจะส่งคนไปสั่งสอนแล้ว ก็รู้สึกว่าต้องดูแลเธอระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียวโดยไร้ครอบครัว เธอยังเด็กเกินไปที่จะอยู่คนเดียวเพราะงั้นอยู่กับผมน่าจะปลอดภัยกว่า หึหึ
“พรุ่งนี้กลับไปเรียนซะ”
ผมบอกเธอทั้ง ๆ ที่สายตายังจับจ้องไปที่ถนน นี่คงเป็นเหตุผลที่เธอไปหาผมที่ผับแล้วคุยเรื่องนั้นสินะ ครั้งแรกก็คิดว่าเป็นแผน ที่ไหนได้ก็หาค่าเทอมจริง ๆ แต่มันเป็นการหาที่ผิดวิธีไปหน่อย
“แต่ว่าค่าเทอม…”
คนข้าง ๆ หันมามองด้วยสีหน้าลังเลก่อนจะเงียบไปเมื่อผมหันไปสบตาเข้า
“เดี๋ยวไปจ่ายให้”
“แล้วของที่อยู่ห้องนั้นล่ะคะ เกี๊ยวต้องกลับไปเอานะ”
“เดี๋ยวให้คนไปเอามาให้”
“อ่อ ขอบคุณค่ะ”
เราสองคนเดินทางมาถึงที่พักของผม ซึ่งก็คือผับที่ผมเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนสนิทพ่อ แต่ตอนนี้ทุกคนวางมือไปหมดแล้ว มีแค่ผมเท่านั้นที่ดูแลอยู่คนเดียวระหว่างรอลูกชายของหุ้นส่วนบรรลุนิติภาวะและเข้าออกผับได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เกี๊ยวต้องอยู่ที่นี่กับพี่เหรอคะ”
คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังผมมาหลังจากลงรถถามเสียงเบา ทีตอนนี้ล่ะทำท่าเหมือนกลัวแต่วันนั้นล่ะใจกล้าเดินเข้ามาคนเดียว
“บอกไปแล้ว”
ผมตอบเธอแบบไม่หันไปมองก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมไม่ค่อยชอบพูดอะไรเยอะหรือพูดอะไรหลายครั้งกับคนที่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ มีคนที่ทำให้ผมพูดมากได้แค่ไม่กี่คนหรอกแต่คงไม่ใช่เด็กนี่
หลังจากที่ผมพาเธอมาส่งถึงที่พักแล้ว ผมก็รีบไปจัดการธุระของตัวเองต่อ แต่กว่าจะกลับถึงผับก็ดึกพอสมควร พอเดินเข้ามาในห้องก็นึกบางอย่างได้ว่ามีใครบางคนรออยู่และเด็กนั่นอาจจะยังไม่ได้กินอะไร แต่แล้วกลิ่นหอมของอาหารที่โชยออกมาจากในครัวก็ทำให้ผมต้องถอยกลับเข้าไปดู
“พี่กลับมาแล้วเหรอคะ”
เสียงหวาน ๆ ของใครบางคนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเงยหน้ามาถาม ขณะที่เจ้าตัวกำลังปรุงบางอย่างในถ้วยใบใหญ่ตรงหน้า เดินเข้าไปถึงได้รู้ว่าเป็นเกี๊ยวน้ำ
“เกี๊ยวลงไปซื้อของกินหน้าผับมาค่ะ แต่ไม่ได้ซท้อมาเผื่อพี่นะตังไม่พอ”
คนตรงหน้าพูดต่อขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ชามใบโต
“ก็คิดว่าจะอดตายซะแล้ว”
ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอพร้อมกับมองใบหน้าขาวเนียนไร้เครื่องสำอางอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเหลือบมองของกินตรงหน้าที่มือเล็กเรียวกำลังคนให้เครื่องปรุงเข้ากัน
“พี่กินมั้ยคะ”
คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ก่อนจะนั่งลงอย่างรอคอยคำตอบ
“ไม่อะ ไม่ชอบกินเก๊ยว”
“อ่อค่ะ งั้นเกี๊ยวกินเลยนะคะ”
“แต่ถ้าเกี๊ยวที่เป็นคนก็อยากลองอยู่เหมือนกัน”
“…”
คนที่กำลัวตักเกี๊ยวเข้าปากชะงักเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงแล้วก้มหน้าก้มตาสนใจของกินอย่างเงียบ ๆ ผมไม่ได้ชวนเธอคุยอะไรต่อแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องนั่งตรงนั้น
“จะไม่เสียใจหรือไงที่เลือกเดินทางนี้”
อยู่ ๆ ผมก็ถามในสิ่งที่ไม่ควรจะถามขึ้น แต่ก็อดไม่ได้เพราะเธอยังเด็กมาก
“ก็มีบ้างค่ะ แต่เลือกแล้วก็ต้องยอมรับ เพื่อนของเกี๊ยวแนะนำให้ปลอบใจตัวเองไปว่าเหมือนมีแฟน ถ้าพี่ไม่ต่องานก็คิดซะว่าแฟนบอกเลิก”
“…”
ผมไม่ได้ถามอะไรต่อแต่นั่งมองคนตรงหน้าเขี่ยเกี๊ยวคำสุดท้ายในถ้วยไปมาราวกับเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าคิดดี ๆ เด็กนี่เพิ่งขึ้นปีหนึ่งก็อารมณ์ประมาณเด็กเพิ่งจบมอปลาย อายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ ผมยกเลิกตอนนี้ทันมั้ยวะไม่ค่อยสบายใจเลย
“แต่เกี๊ยวจะทำงานกับพี่แค่คนเดียวนะคะ เกี๊ยวตั้งใจไว้แล้ว”
เหมือนเธอจะคิดอะไรออกจึงพูดต่อพร้อมกับเงยหน้ามาสบตาผมที่กำลังนั่งฟังอยู่
“เกี๊ยวจะพยามเก็บเงินตอนที่อยู่กับพี่ไว้เยอะ ๆ เผื่อว่าวันไหนพี่เบื่อเกี๊ยวแล้วไม่ต่องาน เกี๊ยวจะได้มีเงินตั้งตัวจนกว่าจะเรียนจบ ตอนนั้นคงทำงานพิเศษเพิ่มบ้างแต่เกี๊ยวจะไม่กลับมาทำแบบนี้อีก”
เธอสบตากับผมด้วยแววตาที่ทำให้ผมนั้นรู้สึกวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงสนใจของกินของตัวเองต่อ
“พี่ให้เกี๊ยวเริ่มงานเลยมั้ยคะ เดี๋ยวเกี๊ยวล้างจานเสร็จแล้วจะตามเข้าไป”
คนตรงหน้าตักเกี๊ยวคำสุดท้ายเข้าปากพร้อมกับลุกขึ้น แต่แล้วอยู่ ๆ ผมก็โน้มใบหน้าลงไปทาบจูบบนริมฝีปากเนียนนุ่มของเธอ ก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปฉกเกี๊ยวในปากเธอออกมาเคี้ยวต่อ
คนถูกกระทำไม่ได้พูดอะไรแต่มองผมด้วยแววตาวูบไหวราวกับตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว เนื้อตัวเธอสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ตอนนี้ผมอยากบอกให้เธอออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากให้เธอเดินทางผิด แต่คิดอีกมุมผมก็กลัวว่าเธอจะไปทำแบบนี้กับคนอื่น ซึ่งผมที่มองเธอไว้ก่อนคงยอมไม่ได้ และที่สำคัญผมทำให้เธอต้องโดดเดี่ยวไร้ครอบครัว ผมต้องรับผิดชอบเธอ
“ฉันชอบเกี๊ยวร้านนี้นะ อร่อยดี”
ผมพูดกับเธอเสียงแผ่วทั้งที่มือทั้งสองข้างยังประคองใบหน้าสดสวยเอาไว้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมอยากดูแลใครสักคนขึ้นมา แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรืออารมณ์แปรปรวนเพราะเพิ่งเคยเล่นกับเด็กครั้งแรก มันคงแปลกใหม่จนทำให้สมหวั่นไหวและคิดอะไรไร้สาระขึ้นมา
“วันนี้ฉันมีงานต้องทำ เอาไว้วันหลังเราค่อยมาเริ่มกัน”
ผมบอกเธอก่อนจะปล่อยใบหน้าสวยหวานให้เป็นอิสระแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ทั้งที่ความรู้สึกต้องการนั้นยังคงอยู่ และก็เหมือนกับว่ามันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกทรมาน