ลังเล

1312 Words
เจ้าทัพ… “ไม่มีเรียนหรือไง ทำไมมีเวลามาทำงาน” ผมหันไปถามคนข้าง ๆ ขณะกำลังขับรถอยู่ ที่จริงผมรู้อยู่แล้วแหละว่าเธอทำเรื่องดรอปเรียนไว้ เพราะข่าวลือของครอบครัวเธอนั้นดังไปทั่วมหาลัย ผมมีทั้งเพื่อนและรุ่นน้องรวมถึงคนรู้จักเรียนที่เดียวกันกับเธอ ก็เลยได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมาบ้างเพราะฝากพวกนั้นช่วยตามข่าวเธอให้ “ทำเรื่องดรอปไว้ค่ะ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม” เธอตอบทั้ง ๆ ที่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตากับผม ไม่รู้เพราะกลัวผมหรือโกรธที่ผมไม่ยอมให้เธอทำงานด้วยตั้งแต่วันนั้นกันแน่ เด็กนี่ผมเห็นเธอครั้งแรกตอนถ่ายแบบด้วยกันแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทางของเธอที่เหมือนกลัวผมวันนั้นหรือเปล่าเลยทำให้ผมสนใจในตัวเธอและอยากได้เธอมาประดับเตียง ยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนในครอบครัวของคนที่ผมเพิ่งจะส่งคนไปสั่งสอนแล้ว ก็รู้สึกว่าต้องดูแลเธอระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกคนเดียวโดยไร้ครอบครัว เธอยังเด็กเกินไปที่จะอยู่คนเดียวเพราะงั้นอยู่กับผมน่าจะปลอดภัยกว่า หึหึ “พรุ่งนี้กลับไปเรียนซะ” ผมบอกเธอทั้ง ๆ ที่สายตายังจับจ้องไปที่ถนน นี่คงเป็นเหตุผลที่เธอไปหาผมที่ผับแล้วคุยเรื่องนั้นสินะ ครั้งแรกก็คิดว่าเป็นแผน ที่ไหนได้ก็หาค่าเทอมจริง ๆ แต่มันเป็นการหาที่ผิดวิธีไปหน่อย “แต่ว่าค่าเทอม…” คนข้าง ๆ หันมามองด้วยสีหน้าลังเลก่อนจะเงียบไปเมื่อผมหันไปสบตาเข้า “เดี๋ยวไปจ่ายให้” “แล้วของที่อยู่ห้องนั้นล่ะคะ เกี๊ยวต้องกลับไปเอานะ” “เดี๋ยวให้คนไปเอามาให้” “อ่อ ขอบคุณค่ะ” เราสองคนเดินทางมาถึงที่พักของผม ซึ่งก็คือผับที่ผมเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนสนิทพ่อ แต่ตอนนี้ทุกคนวางมือไปหมดแล้ว มีแค่ผมเท่านั้นที่ดูแลอยู่คนเดียวระหว่างรอลูกชายของหุ้นส่วนบรรลุนิติภาวะและเข้าออกผับได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย “เกี๊ยวต้องอยู่ที่นี่กับพี่เหรอคะ” คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังผมมาหลังจากลงรถถามเสียงเบา ทีตอนนี้ล่ะทำท่าเหมือนกลัวแต่วันนั้นล่ะใจกล้าเดินเข้ามาคนเดียว “บอกไปแล้ว” ผมตอบเธอแบบไม่หันไปมองก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ผมไม่ค่อยชอบพูดอะไรเยอะหรือพูดอะไรหลายครั้งกับคนที่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ มีคนที่ทำให้ผมพูดมากได้แค่ไม่กี่คนหรอกแต่คงไม่ใช่เด็กนี่ หลังจากที่ผมพาเธอมาส่งถึงที่พักแล้ว ผมก็รีบไปจัดการธุระของตัวเองต่อ แต่กว่าจะกลับถึงผับก็ดึกพอสมควร พอเดินเข้ามาในห้องก็นึกบางอย่างได้ว่ามีใครบางคนรออยู่และเด็กนั่นอาจจะยังไม่ได้กินอะไร แต่แล้วกลิ่นหอมของอาหารที่โชยออกมาจากในครัวก็ทำให้ผมต้องถอยกลับเข้าไปดู “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ” เสียงหวาน ๆ ของใครบางคนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเงยหน้ามาถาม ขณะที่เจ้าตัวกำลังปรุงบางอย่างในถ้วยใบใหญ่ตรงหน้า เดินเข้าไปถึงได้รู้ว่าเป็นเกี๊ยวน้ำ “เกี๊ยวลงไปซื้อของกินหน้าผับมาค่ะ แต่ไม่ได้ซท้อมาเผื่อพี่นะตังไม่พอ” คนตรงหน้าพูดต่อขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ชามใบโต “ก็คิดว่าจะอดตายซะแล้ว” ผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอพร้อมกับมองใบหน้าขาวเนียนไร้เครื่องสำอางอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเหลือบมองของกินตรงหน้าที่มือเล็กเรียวกำลังคนให้เครื่องปรุงเข้ากัน “พี่กินมั้ยคะ” คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ก่อนจะนั่งลงอย่างรอคอยคำตอบ “ไม่อะ ไม่ชอบกินเก๊ยว” “อ่อค่ะ งั้นเกี๊ยวกินเลยนะคะ” “แต่ถ้าเกี๊ยวที่เป็นคนก็อยากลองอยู่เหมือนกัน” “…” คนที่กำลัวตักเกี๊ยวเข้าปากชะงักเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงแล้วก้มหน้าก้มตาสนใจของกินอย่างเงียบ ๆ ผมไม่ได้ชวนเธอคุยอะไรต่อแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องนั่งตรงนั้น “จะไม่เสียใจหรือไงที่เลือกเดินทางนี้” อยู่ ๆ ผมก็ถามในสิ่งที่ไม่ควรจะถามขึ้น แต่ก็อดไม่ได้เพราะเธอยังเด็กมาก “ก็มีบ้างค่ะ แต่เลือกแล้วก็ต้องยอมรับ เพื่อนของเกี๊ยวแนะนำให้ปลอบใจตัวเองไปว่าเหมือนมีแฟน ถ้าพี่ไม่ต่องานก็คิดซะว่าแฟนบอกเลิก” “…” ผมไม่ได้ถามอะไรต่อแต่นั่งมองคนตรงหน้าเขี่ยเกี๊ยวคำสุดท้ายในถ้วยไปมาราวกับเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าคิดดี ๆ เด็กนี่เพิ่งขึ้นปีหนึ่งก็อารมณ์ประมาณเด็กเพิ่งจบมอปลาย อายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ ผมยกเลิกตอนนี้ทันมั้ยวะไม่ค่อยสบายใจเลย “แต่เกี๊ยวจะทำงานกับพี่แค่คนเดียวนะคะ เกี๊ยวตั้งใจไว้แล้ว” เหมือนเธอจะคิดอะไรออกจึงพูดต่อพร้อมกับเงยหน้ามาสบตาผมที่กำลังนั่งฟังอยู่ “เกี๊ยวจะพยามเก็บเงินตอนที่อยู่กับพี่ไว้เยอะ ๆ เผื่อว่าวันไหนพี่เบื่อเกี๊ยวแล้วไม่ต่องาน เกี๊ยวจะได้มีเงินตั้งตัวจนกว่าจะเรียนจบ ตอนนั้นคงทำงานพิเศษเพิ่มบ้างแต่เกี๊ยวจะไม่กลับมาทำแบบนี้อีก” เธอสบตากับผมด้วยแววตาที่ทำให้ผมนั้นรู้สึกวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงสนใจของกินของตัวเองต่อ “พี่ให้เกี๊ยวเริ่มงานเลยมั้ยคะ เดี๋ยวเกี๊ยวล้างจานเสร็จแล้วจะตามเข้าไป” คนตรงหน้าตักเกี๊ยวคำสุดท้ายเข้าปากพร้อมกับลุกขึ้น แต่แล้วอยู่ ๆ ผมก็โน้มใบหน้าลงไปทาบจูบบนริมฝีปากเนียนนุ่มของเธอ ก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปฉกเกี๊ยวในปากเธอออกมาเคี้ยวต่อ คนถูกกระทำไม่ได้พูดอะไรแต่มองผมด้วยแววตาวูบไหวราวกับตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว เนื้อตัวเธอสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ตอนนี้ผมอยากบอกให้เธอออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากให้เธอเดินทางผิด แต่คิดอีกมุมผมก็กลัวว่าเธอจะไปทำแบบนี้กับคนอื่น ซึ่งผมที่มองเธอไว้ก่อนคงยอมไม่ได้ และที่สำคัญผมทำให้เธอต้องโดดเดี่ยวไร้ครอบครัว ผมต้องรับผิดชอบเธอ “ฉันชอบเกี๊ยวร้านนี้นะ อร่อยดี” ผมพูดกับเธอเสียงแผ่วทั้งที่มือทั้งสองข้างยังประคองใบหน้าสดสวยเอาไว้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมอยากดูแลใครสักคนขึ้นมา แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรืออารมณ์แปรปรวนเพราะเพิ่งเคยเล่นกับเด็กครั้งแรก มันคงแปลกใหม่จนทำให้สมหวั่นไหวและคิดอะไรไร้สาระขึ้นมา “วันนี้ฉันมีงานต้องทำ เอาไว้วันหลังเราค่อยมาเริ่มกัน” ผมบอกเธอก่อนจะปล่อยใบหน้าสวยหวานให้เป็นอิสระแล้วเดินกลับเข้าห้องไป ทั้งที่ความรู้สึกต้องการนั้นยังคงอยู่ และก็เหมือนกับว่ามันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกทรมาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD