เกี๊ยว…
“ไม่อยากเชื่อเลยเนอะว่าพี่เขาจะทำอาชีพอื่นอีก ปลารู้จักเขาผ่านสื่อโซเชียลก็คิดว่าเขาเป็นแค่นายแบบรูปหล่อ ธรรมดา ๆ คนนึงเสียอีก”
เพื่อนรักพูดขึ้นเมื่อฉันเล่าเรื่องเกี่ยวกับใครบางคนให้ฟังหลังจากที่ชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกนางดีมั้ย แต่เพราะลูกปลาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เก็บความลับได้ ฉันจึงตัดสินใจบอกเพื่อนไปจะได้ไม่อึดอัดเวลาเพื่อนถามถึงคนที่ดูแลฉันอยู่ในเวลานี้
“งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยเนอะ เกี๊ยวต้องรีบกลับแล้ว ถ้ากลับถึงผับตอนมืดคนเข้าออกเยอะจะไม่ค่อยสะดวกน่ะ”
ฉันส่งยิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะโบกมือลาคนที่พยักหน้าให้ฉันแล้วแยกกันกลับที่พักของตัวเอง
การกลับมาเรียนของฉันสร้างความแปลกใจให้ใครหลายคนที่สนใจข่าวของครอบครัวฉันเป็นอย่างมาก แต่ฉันก็พยายามไม่สนใจพวกเขาแม้จะโดนแซะถึงเรื่องที่ครอบครัวฉันทำ นอกจากเรื่องในครอบครัวฉันแล้วเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และค่าเทอมของฉันก็ยังเป็นจุดสนใจของใครหลาย ๆ คนอีก เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวฉันถูกอายัดไว้ทั้งหมดจนกว่าคดีจะสิ้นสุดและมีหลักฐานว่าทรัพย์ที่มีได้มาอย่างถูกกฎหมาย แล้วในเวลานี้ฉันเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ? นั่นแหละคือเรื่องที่พวกเขาอยากรู้…
“เฮ้อ! ทำไมคนเราต้องอยากรู้เรื่องของคนอื่นมากขนาดนี้ด้วยนะ”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงป้ายรถเมล์ด้วยความเหนื่อยใจกับเรื่องที่เผชิญอยู่ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเรื่องของครอบครัวฉันจะเงียบลง ตอนนี้สิ่งที่ฉันกลัวก็คือเรื่องงานที่กำลังทำอยู่ ถ้าเกิดมีคนรู้เข้าว่าฉันมีเงินใช้เพราะหาคนเลี้ยงคงเป็นเรื่องอีก
ปริ๊น ปริ๊น
เสียงรถยนต์สีดำคันหรูขับมาจอดตรงหน้าป้ายรถเมล์ที่ฉันนั่งอยู่ ทำให้ฉันดึงสติกลับมาหลังจากที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“พี่ทัพนี่? มารับเราเหรอ?”
คนขับลดกระจกลงมาเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้านิ่งเรียบที่หันมาสบตากับฉัน ฉันไม่ได้พูดอะไรกับพี่เขานอกพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถก่อนจะนั่งเงียบ ๆ เหมือนเมื่อเช้าที่พี่เขามาส่งตรงหน้ามหาลัย
“ฉันจะไปร้านสะดวกซื้อ เธออยากได้อะไรมั้ย”
คนข้าง ๆ หันมาถามก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนต่อ
“ไม่ค่ะ”
ที่จริงก็อยากได้พวกของใช้อีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้จำเป็นมากเลยคิดว่าค่อยซื้อพรุ่งนี้ดีกว่า
“ให้เกี๊ยวลงไปซื้อให้มั้ยคะ”
อยู่ ๆ ฉันก็นึกได้ว่าร้านสะดวกซื้อที่พี่เขาต้องแวะเป็นร้านที่ฉันเคยทำงานอยู่ ถ้าเป็นร้านนั้นฉันเองก็อยากเข้าไปทักทายและขอโทษพวกพี่ ๆ ในร้าน ที่อยู่ ๆ วันนั้นฉันก็ลาออกกะทันหัน
“ฉันจะไปซื้อถุงยางอนามัย จะไปซื้อให้หรือไง”
คนข้าง ๆ หันมาตอบหลังจากที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ
“เอ่อ ค่ะเกี๊ยวเข้าไปซื้อให้ได้”
ซื้อไปใช้กับฉันคืนนี้แน่เลย ต้องเตรียมตัวแล้วสินะ ว่าแต่ฉันต้องกินยาคุมด้วยหรือเปล่า?
“แต่เธอใส่ชุดนักศึกษาอยู่นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกี๊ยวไม่ถือ”
“แต่ฉันถือ”
คนข้าง ๆ หันมาพูดต่อพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยแววตานิ่งเรียบเช่นเคย ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้จนฉันตกใจ
“คิดจะเป็นผู้หญิงของฉัน อย่าทำตัวเป็นขี้ปากใครเข้าใจมั้ย”
เพราะมันจะทำให้เขาเสียหายหรือว่าเพราะเป็นห่วงฉัน?
“เข้าใจค่ะ”
“ถ้าฉันบอกว่าจะดูแลก็คือดูแลทุกอย่าง เข้าใจมั้ย”
คนตรงหน้าผละออกจากฉันก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาแรง ๆ เพราะตกใจที่จู่ ๆ พี่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้แบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นครั้งแรกเสียหน่อย เพราะเมื่อวานตอนที่อยู่ในครัวพี่เขาก็เหมือนจะจูบฉันไปแล้วด้วย…
“เฮ้อ! แล้วคืนนี้เราจะผ่านไปได้มั้ยนะ”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ อีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องระหว่างเราที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ หวังว่ามันคงไม่น่ากลัวก็แล้วกัน
“ขอให้พี่เขาอ่อนโยนกับครั้งแรกของเราด้วยเถอะ”
หลังจากกลับมาส่งฉันถึงที่พักพี่เขาก็ออกไปทำธุระเหมือนกับวันก่อน สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้คือเตรียมตัวรอพี่เขากลับมา
“เฮ้อ! เสร็จสักทีนะไอ้เจ้างานค้างทั้งหลาย”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเก็บอุปกรณ์การเรียนและรายงานที่อาจารย์ให้โอกาสทำไปส่งระหว่างที่ฉันไม่ได้เข้าเรียน ไม่รู้ว่าพี่เขาไปพูดอะไรกับอาจารย์นอกจากเรื่องค่าเทอมหรือเปล่า เพราะวันที่อาจารย์คุยกับฉันเหมือนเขาเกรงใจฉันยังไงก็ไม่รู้
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องที่เปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ วงแขนแข็งแรงของพี่เขาช้อนตัวฉันที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเรียนขึ้นโดยไม่พูดอะไรออกมา ทุกอย่างมันรวดเร็วและปุบปับไปหมด อย่าบอกนะว่าจะเริ่มแล้วน่ะ…
“พะพี่คะ คือเกี๊ยว”
ฉันขอเวลาตั้งตัวก่อนได้มั้ย?
ตุบ!
คนที่โยนตัวฉันลงบนเตียงไม่ได้พูดอะไรแต่รีบปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกแล้วขึ้นมาคร่อมร่างฉันเอาไว้
“พะ พี่อย่าลืมถุงยางนะ”
“เธอไม่เคยนี่ ทำไมฉันต้องป้องกันด้วยล่ะ”
คนที่คร่อมฉันอยู่พูดเสียงแผ่วก่อนจะซุกไซร้ใบหน้าไปมาตามซอกคอฉัน เสียงลมหายใจหอบถี่ของพี่เขาที่เป่ารดไอร้อนลงมาตามซอกคอทำให้ฉันสั่นไหว สัมผัสแปลกใหม่จากพี่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยสะดวกและอยู่ ๆ ก็หมดแรงเอาดื้อ ๆ
พรึ่บ!
“ตะ แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกของพี่นี่ เกี๊ยวไม่ไว้ใจพี่”
ตั้งสติได้จึงตัดสินใจรีบดันตัวพี่เขาออก คนถูกขัดชักสีหน้าใส่ฉันเล็กน้อยเหมือนไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ดุอะไรฉัน
“ครั้งแรกของฉันเหมือนกัน”
หืม?
“ไม่จริงอะ”
“ครั้งแรกที่ฉันยุ่งกับเด็กอย่างเธอ”
คนที่คร่อมอยู่ตอบพร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัว ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักข้างเตียงออกพร้อมกับหยิบกล่องสีเหลี่ยมเล็ก ๆ ออกมาชูให้ฉันดู
“ใส่ให้หน่อยสิ ปกติฉันไม่ใส่เองน่ะ”
คนที่ยังคร่อมฉันอยู่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะวางอุปกรณ์ป้องกันไว้ข้างหมอนแล้วทาบจูบลงมา ถึงจะไม่อยากใส่ให้เพราะไม่อยากสัมผัสเจ้าสิ่งนั้นของพี่เขาก็ใช่ว่าฉันจะไม่ทำ แต่จังหวะที่ฉันจะออกไปจากใต้ร่างของพี่เขานี่สิไม่มีเลย
“อื้ม”
เสียงคลอเบา ๆ ของคนที่คร่อมฉันอยู่ดังขึ้นเป็นระยะ มือใหญ่เริ่มซุกไซร้เข้าไปใต้เสื้อยืดที่ฉันสวมอยู่ขณะที่ริมฝีปากร้อน ๆ นั้นบดขยี้ริมฝีปากฉันจนรู้สึกเจ็บ สัมผัสวาบหวาบจากมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ขึ้นลงบริเวณสีข้างทำให้ฉันอ่อนแรงและหายใจถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
“อื้อ”
พรึ่บ!
อยู่ ๆ เสื้อยืดที่ฉันสวมอยู่ก็ถูกถอดออกทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองมาที่ฉันก่อนจะหลุบตาลงมองเรือนร่างของฉันที่ตอนนี้มีเพียงชุดชั้นในเท่านั้นที่ปกปิดอยู่ ถึงจะรู้สึกอายแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะฉันเลือกแล้ว ทางเดียวที่จะช่วยให้ความอายลดลงได้คือหลับตาหนีใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขา
“อ๊ะ”
เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงขึ้น ๆ เมื่อความรู้สึกเย็นเฉียบจากมือใหญ่ปะทะร่างกาย แพนตี้ตัวน้อยที่ปกปิดเบื้องล่างกับบราตัวจิ๋วที่ปกปิดด้านบนถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว
กึก!
ยิ่งสัมผัสร้อนผ่าวจากลมหายใจของคนที่กำลังซุกไซร้ใบหน้าไปมาตามซอกอกและหน้าท้องเริ่มรุนแรงขึ้น ฉันก็ยิ่งจิกหมอนแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้น สองขาที่แน่นิ่งอยู่ก่อนหน้าตอนนี้กำลังงอเป็นรูปตัวเอ็ม สองเท้าที่จิกลงบนที่นอนนั้นสั่นระริกเพราะรู้สึกเกร็งไปหมด ฉันไม่รู้เลยว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไงในใจก็ได้แต่ภาวนาให้มันผ่านไปเร็ว ๆ
“ครั้งแรกของฉันเลยนะ”
เสียงแหบพร่าของคนที่ลากปลายจมูกโด่ง ๆ ขึ้นมาจากหน้าท้องพูดขึ้น
“ครั้งแรกที่ฉันจับผู้หญิงแก้ผ้าแล้วคิดว่าจะนอนดูอยู่เฉย ๆ น่ะ”
ริมฝีปากร้อนลากขึ้นมาตรงซอกคอแล้วพูดต่อ พี่เขากำลังทำให้ฉันสับสนว่าที่เขาพูดมามันหมายความว่าอะไร
“ถ้าคืนนี้ทำเธอตัวดี ๆ ของที่วางอยู่ข้างหมอนฉันจะไม่ใช้มัน”
ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับประโยคของพี่เขาที่ทำให้คนฟังอย่างฉันต้องยิ้มออก หมายความว่าคืนนี้พี่เขาจะปล่อยฉันไปเหมือนกับคืนก่อนใช่มั้ย
“รีบนอนซะพรุ่งนี้เธอต้องไปเรียนแต่เช้า”
คนที่สบตากับฉันพูดต่อก่อนจะกดริมฝีปากลงบนเนินอกข้างหนึ่งของฉันแล้วฝากรอยแดงเอาไว้ ร่างใหญ่กว่าล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคนเอาไว้ บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพี่เขานักว่าทำแบบนี้ทำไม แต่ก็ไม่อยากถามเพราะคิดว่าเขาคงไม่ตอบ
หมับ!
“อ๊ะ!”
“ทำตัวเป็นหมอนข้างที่ดีหน่อยสิ”
เจ้าของวงแขนใหญ่รั้งตัวฉันไปกอดเอาไว้กระซิบเสียงแผ่วก่อนจะปิดไฟลง ฉันไม่เข้าใจคำว่าหมอนข้างของพี่เขานักแต่ก็รีบซุกใบหน้าลงบนแผงอกเปลือยเปล่าพร้อมกับสวมกอดพี่เขากลับ คิดว่าหมอนข้างที่ดีคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง…
“หึ รู้งานนี่”
คนที่นอนกอดฉันอยู่พูดต่อก่อนจะเงียบไป คืนนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคนที่ดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง ไม่รู้ว่าฉันจะรอดจากพี่เขาได้นานเท่าไหร่แต่ขอแค่พี่เขายังไม่ทำอะไรในวันที่ฉันยังไม่พร้อมก็พอแล้ว