พรึบ
“ไม่เป็นไรนะไดร์ฟ…..”ฉันกอดปลอบไดร์ฟพลางก้มหน้าลงไปสูดดมกลุ่มผมของเขาอย่างนุ่มนวลมือก็คอยลูบแผ่นหลังเขาไปด้วยเพื่อทำให้เขารู้สึกสบายใจและคลายความเครียดในใจลงได้บ้าง
พรึบ
“เธอ….คนเมื่อคืน…?”เสียงแหบเเห้งจากคนร่างสูงที่อยู่ในอ้อมกอดของฉันเอ่ยขึ้น ฉันก็ค่อยๆผละกอดออกมาจากเขา
“ใช่…นายจำฉันได้ด้วยเหรอ?”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัย ที่เขายังไม่เห็นหน้าฉันแต่เขากลับจำฉันได้ สงสัยเสียงของฉันจะเป็นเอกลักษณ์ล่ะมั้ง
“อืม…เธอมาได้ยังไง…?”เขาเอ่ยถามฉันมาอย่างสงสัย ฉันก็ค่อยๆถอยห่างออกมาจากเขาเพื่อจะเดินไปเปิดม่านที่หน้าต่าง
แควกกกกกก
“เธอเปิดม่านทำไม?”เขาเอ่ยถามฉันมาอย่างสงสัยและเอามือไปปิดตาของเขาอย่างไว เขาคงจะรู้สึกแสบตาน่ะ เวลาไม่ได้เจอแสงนานๆทำให้ดวงตาไม่ชินกับการรับแสงจ้าของพระอาทิตย์
“ให้อากาศถ่ายเทมันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดน่ะ…”ฉันบอกเขาพลางยิ้มให้เขาและเดินกลับไปนั่งลงข้างๆเขาและมองไปที่ข้อมือของเขาที่มีเชือกด้ายดิบสีขาวมัดข้อมือของเขาอยู่รวมไปถึงข้อเท้าของเขาอีกด้วย สงสัยเพื่อกันเขาหนีสินะและอีกอย่างเพื่อกันไว้ไม่ให้เขาฆ่าตัวตายได้สำเร็จด้วย
“เจ็บไหม?”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างเสียงแผ่วเบาและนุ่มนวลพลางยื่นมือไปลูบไล้ที่ข้อมือของเขาที่เป็นรอยแดงจากการเสียดสีของเชือกด้วยแววตาสั่นไหว ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยน้ำตาเอ่อคลอ ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาเองก็กำลังมีน้ำสีใสคลออยู่ที่ดวงตาคู่สวยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรนะ…ฉันจะแก้ให้นาย…”
“นายจะได้ไม่เจ็บนะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปและยิ้มบางๆให้เขาก่อนจะค่อยๆแก้เชือกคลายปมให้เขาอย่างแผ่วเบา
“เธอ….มาทำดีกับฉันทำไม?”เขาเอ่ยถามฉัน ฉันก็ละสายตาจากเชือกที่ข้อมือเขาไปมองหน้าเขาที่เขาเองก็จ้องหน้าฉันอยู่ก่อนแล้ว
“ก็เพราะฉันรักนายยังไงล่ะ…”ฉันตอบเขาไปเป็นในจังหวะเดียวกับที่ฉันแก้ปมเชือกของเขาหลุดจากข้อมือของเขาได้พอดี
“มองตาฉันสิ….นายไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้นะ…”
“แต่นายยังมีฉัน…ฉันอยู่ข้างๆนายตรงนี้ไง…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพลางจ้องดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาไปด้วยเขาก็จ้องหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวก่อนที่เขาจะค่อยๆโน้มใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาริมฝีปากของฉัน และในทันใดนั้น ริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็แตะกันอย่างแผ่วเบา
“ไดร์ฟ…”ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาไปพลางทำท่าจะผลักร่างของไดร์ฟให้ถอยห่างออกไปจากฉัน แต่ไดร์ฟกลับไม่ยอม เขาดูดดึงริมฝีปากของฉันแรงขึ้นและเร้าร้อนขึ้นจนฉันตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนใครจูบและไม่เคยจูบกับใครด้วย!!!
พรึบ
เพลี๊ย
“เธอ….ไม่ได้รักฉัน…”เสียงตัดพ้อและแววตาที่สั่นเครือของไดร์ฟเอ่ยบอกฉันกลับมาทันทีที่เขาหันหน้าที่โดนฉันตบจนหน้าเขาหันกลับมามองที่ฉันทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมา
“ไดร์ฟ….ฉันแค่ตกใจ…”ฉันบอกไดร์ฟไปและทำท่าจะเข้าไปหาเขาอีกครั้ง
แต่เขากลับถอยห่างออกจากฉันไปและท่่าทางของเขากลับระแวงฉันและไม่เชื่อใจฉันเหมือนก่อนหน้านี้ ฉันพลาดจริงๆ
“ไดร์ฟ…”ฉันเรียกเขาเสียงแผ่วเบาแต่ไดร์ฟก็ไม่ฟังฉันอีกแล้ว เขากลับหยิบเชือกด้ายดิบที่เคยใช้เป็นเชือกมัดข้อมือเขามาถือไว้และทำท่าผูกกันเป็นปม นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะฆ่าตัวตายอีกแล้วน่ะ?
“ผูกตรงไหนดีล่ะ….?”ฉันเอ่ยถามเขาไปพลางลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปช่วยเขาหาที่แขวนคอฆ่าตัวตายด้วย
“ไลฟ์สดด้วยม่ะ….แบบบอกความในใจก่อนตายอะไรอย่างนี้อ่ะ?”ฉันออกข้อเสนอแนะให้เขา ทำให้ไดร์ฟหันมามองหน้าฉันอย่างงุนงงและตกใจที่ฉันไม่ห้ามเขาแต่กลับยุยงส่งเสริมเขาแทน
“ก็นายจะผูกคอตายไม่ใช่เหรอไง….”
“ก็เอาเลยสิ….ฉันจะดูตั้งแต่วิธีแรกที่นายใช้เชือกผูกกับอะไรสักอย่างและหาโต๊ะมายืนและเอาเชือกใส่คอพร้อมกับทิ้งตัวห้อยตัวลงมาและให้เชือกรัดคอ…”
“จนลิ้นจุกปาก…ขาดอากาศหายใจและตายลงในที่สุด”
“อยากตาย…ก็ตายดิ….ตายเลย…”
“ฉันจะนั่งดูนายตาย…ตั้งแต่วิธีแรกยันนายหมดลมหายใจ…เลย…นายจะได้รู้ว่านายไม่ได้ตายอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายไง?”ฉันเอ่ยออกไปพลางทำสีหน้าให้เป็นธรรมดาที่สุด เพราะถ้าฉันไม่ยุยงส่งเสริมเขาแบบนี้แต่กลับห้ามเขา บางทีเขาอาจจะฆ่าตัวตายจริงๆก็ได้นะ
พรึบ
“ทำไมล่ะ….เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”
“ฉันไม่อยากตายต่อหน้าคนอื่น…”เขาตอบฉันมาเสียงเรียบๆก่อนจะทิ้งเชือกและเดินกระทืบเท้าหนักๆไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนคิงไซส์ขนาดใหญ่สีดำของเขาแทน ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมาที่เปลี่ยนใจเขาไปได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจเขาไปได้แบบนี้ทุกครั้งไหม
พรึบ
ฉันก็เดินตามร่างเขาไปพลางค่อยๆขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนและค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆเขาและเอื้อมมือไปกอดเขาจากทางด้านหลังและเอาใบหน้าแนบไปกับแผ่นหลังที่ขาวเนียนของเขา
“อย่าคิดฆ่าตัวตายเลยนะ….”ฉันเอ่ยบอกเขาไป
“อะไรทำให้นายไม่สบายใจ….คุยกับฉันได้นะ…”
“ฉันยินดีที่จะอยู่ข้างๆนายเสมอ….ไดร์ฟ…”
“เธอเป็นแฟนคลับของฉันเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันสักเท่าไหร่ ก็เมื่อคืนฉันยังทำเป็นไม่รู้จักเขาอยู่เลย แต่ไหงตอนนี้กลับมาทำเป็นรู้จักเขาดีไปได้
“ฉันไม่อยากโกหกนาย….”
“แต่ฉันไม่รู้จักนายจริงๆนั่นแหละ….”
“แต่เพื่อนฉันเป็นแฟนคลับนายนะ….เธอชื่นชอบในตัวนายมาก….”
“แล้วเธอล่ะ?”ไดร์ฟสวนถามฉันกลับมาก่อนที่ฉันจะพูดจบประโยคเสียอีก
“อืมมมม….ฉันก็ชอบๆนายอยู่เหมือนกัน…”
“ที่ฉันรู้จักนายช้าไป….อาจจะเป็นเพราะฉันมัวแต่ยุุ่งๆกับการแต่งนิยายอ่ะ…เพราะฉันไม่ได้เกิดมารวยหนิ…”
“ต้องดิ้นรนเป็นธรรมดา^_^”ฉันพูดบอกเขาไปพลางยิ้มไปด้วยเมื่อนึกถึงสมัยก่อน ก่อนที่ฉันจะมีอย่างทุกวันนี้
“ฉันไม่เคยรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง….”
“ฉันอยู่กับตัวเองเพราะความฝัน….ฉันสู้ฉันอดทนเพราะความฝัน…และความสำเร็จ”
“เหมือนนายไงไดร์ฟ…ที่นายอดทนและนายสู้….จนตอนนี้นายโด่งดังเป็นพลุแตกมีแฟนคลับมากมายที่ชื่นชอบในตัวของนาย….”
“พวกเธอก็แค่ชอบในตัวตนจอมปลอมของฉัน….”ไดร์ฟสวนกลับมาแทบจะทันที ยิ่งฉันได้คุยกับเขาแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันอยากรู้จักเขามากขึ้น ว่าเรื่องอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของเขาจนทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้าได้ขนาดนี้ อาการของไดร์ฟถ้าเขายังคงไม่มีสติบางทีเขาอาจจะไม่หายจากโรคนี้ก็ได้นะ
“เปล่าสักหน่อย…พวกเธอชอบในความสามารถ…ของนายต่างหากล่ะ^_^”ฉันบอกไดร์ฟไปพลางกระชับกอดร่างหนาให้แน่นขึ้นและแนบชิดร่างของฉันให้ใกล้เขาเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อให้ความอบอุ่นจากร่างกายของฉัน สื่อตรงไปที่หัวใจของเขา
ตึกตักๆๆๆ
“หัวใจเธอ….เต้นแรงจัง…”เสียงแหบพร่าของไดร์ฟเอ่ยขึ้นทำให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อไดร์ฟจับมือของฉันไปวางแนบไว้กับหน้าอกเปลือยเปล่าที่แข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของเขาและทำให้ฉันรับรู้ได้ว่า หัวใจของเขาก็เต้นรัวเร็วไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน
“หัวใจของนาย….ก็เต้นแรง…ไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน….”
“นั่นสิ….”เขาว่าพร้อมกับเสียงที่เงียบไปและฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอมันทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าร่างสูงได้หลับไปแล้ว หลับง่ายจัง…คงจะเป็นเพราะโรคที่เขาเป็นด้วยล่ะ อาการอารมณ์จะไม่คงที่บางทีก็หัวเราะบางทีก็ร้องไห้…บางทีก็เหงาทั้งๆที่มีผู้คนอยู่รอบตัวมากมาย….โรคซึมเศร้าน่ากลัวจริงๆ ฉันจะไม่ยอมให้มันมาพรากรอยยิ้มและความสุขไปจากไดร์ฟเด็ดขาด
ฉันจะช่วยเขาจนสุดความสามารถของตัวเอง…