หลังคุยกับเนตรดาวเสร็จพลอยขวัญก็ก้าวลงบันไดสระว่ายน้ำ ที่ขณะนี้มีเพียงเธอและครอบครัวพ่อแม่ลูก อาจเพราะไม่ใช่เสาร์อาทิตย์จึงมีลูกค้ามาพักไม่มากนัก นั่นเป็นข้อดีเพราะไม่มีคนมาแย่งเล่นน้ำ ทำให้เธอแหวกว่ายเล่นอย่างสบายใจ พลอยขวัญดำผุดดำว่ายอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา จนกระทั่งรู้สึกหิวเธอจึงขึ้นจากน้ำ ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมก็มีชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย เธอคิดว่าเขาเข้ามาทักเพราะความเป็นคนอัธยาศัยดีจึงส่งยิ้มให้และตอบกลับตามมารยาท แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิดเพราะเขากวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟที่ยืนหลบมุมรออยู่แล้วพร้อมด้วยแก้วเครื่องดื่มสองแก้วบนถาด เมื่อพนักงานเดินมาถึงชายผู้นี้จึงชวนให้เธอดื่มเครื่องดื่มด้วยกัน
“คุณผู้หญิงให้เกียรติดื่มเครื่องดื่มกับผมหน่อยจะได้ไหมครับ ถือว่าดื่มร่วมกันในฐานะเพื่อนใหม่”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะเธอจะดื่มกับผมเท่านั้น” พลอยขวัญตกใจเพราะคนที่ตอบคำถามนั้นคือเมฆา เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน เธอไม่แปลกใจที่เขารู้ว่าเธอพักที่ไหน แต่ที่ตกใจคือการที่เขาตามเธอมาถึงที่นี่ ถ้าให้เดาเขาคงเดินทางมาทันทีที่ลงจากเครื่อง เป็นเพราะเธอมัวแต่อึ้งกับคนที่มาใหม่จึงไม่ทันได้สนใจคนที่ชวนดื่ม รู้ตัวอีกทีเขาก็กล่าวขอโทษและเดินจากไปแล้วพร้อมกับพนักงานเสิร์ฟ เธอมองตามไปอย่างงงๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงขุ่นๆ ของคนข้างๆ
“มองตามขนาดนั้นเสียดายเหรอที่ผมมาขัดจังหวะ” พลอยขวัญรู้สึกคล้ายมีลมวิ่งแล่นจากปลายเท้าขึ้นสู่ด้านบนก่อนที่จะส่งเสียงวิ้ง ๆ ในหู นั่นคืออาการโกรธที่แล่นปรี๊ดจากคำถามกล่าวหาของเขานั่นเอง เมื่อบวกกับวีรกรรมของเขาที่ยังค้างคาใจก็ทำให้ความโกรธของเธอยิ่งมากขึ้นจนเกินควบคุม เธอหรืออุตส่าห์รอเขากลับมาอธิบายเรื่องข่าว แต่เขากลับกล่าวหาเธอโดยไม่ถามไถ่ใดๆ เลยสักนิด เขาเห็นเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงจะได้อยากมีความสัมพันธ์กับผู้ชายไม่เลือกหน้าหรือเพิ่งเจอกันแบบชายชาวต่างชาติคนนั้น พลอยขวัญได้สติเมื่อรู้สึกตัวว่าเสื้อคลุมที่ถอดไว้บนเก้าอี้ริมสระถูกสวมลงมาบนตัวเธอ ด้วยฝีมือของคนที่กล่าวหาเธอเมื่อสักครู่ โดยไม่ต้องคิดเธอสะบัดตัวออกทันที
“ปล่อย ไม่ต้องมายุ่งกับพลอย”
“ทำไม พลอบชอบเหรอที่ถูกผู้ชายมองตาเป็นมัน เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียวก็อันตรายมากแล้ว นี่พลอยยังใส่ชุดว่ายน้ำโป๊ขนาดนี้ไปยืนคุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จักอีก”
“เขาแค่มาทัก พลอยไม่ได้อะไรกับเขาเลยสักนิด ที่แน่ๆ พลอยไม่ได้ไปกอดกับเขาโชว์ชาวบ้านก็แล้วกัน” เมื่อถูกความโกรธครอบงำพลอยขวัญก็เผลอตัวเผยสิ่งที่ค้างคาใจออกมาทันที
“พลอยมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผม…” พลอยขวัญไม่รอให้เขาพูดจบ เธอหยิบของส่วนตัวและเดินหนีออกมาทันที เพราะตอนนี้เธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาแบบนั้น เมื่อรวมกับเรื่องที่เขาไปยืนกอดกับนางร้ายอดีตคู่ขาก็ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก หญิงสาวเดินแกมวิ่งไปยังลิฟต์เพื่อกลับไปยังห้องของตัวเอง แต่มีหรือที่เธอจะหนีเขาพ้น เพราะเมื่อเธอแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องและกำลังจะปิด เขาก็ใช้แขนดันเอาไว้ได้
“ปล่อยนะ ออกไปให้พ้น ไม่ต้องมายุ่งกับพลอย”
“ไม่ เราต้องคุยกันนะพลอย เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษ”
“พลอยไม่อยากเห็นหน้าคุณตอนนี้ ออกไป”
“ไม่ ผมจะไม่ไปทั้ง ๆ ที่เราไม่เข้าใจกันแบบนี้” สุดท้ายเมฆาก็ใช้พละกำลังที่มากกว่าดันประตูเปิดแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องจนได้ และเมื่อชายหนุ่มก้าวมาหา พลอยขวัญก็ปัดป้องสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็สู้แรงเขาไม่ไหวถูกเขากอดเอาไว้ทั้งตัว เธอใช้สองมือทุบตีไปบนอกเขาอย่างต้องการระบายทั้งอารมณ์โกรธและน้อยใจไปพร้อมๆ กัน เมฆายืนนิ่งให้ พลอยขวัญระดมทุบตีอกเขาจนพอใจ สุดท้ายพลอยขวัญก็ยอมแพ้ หญิงสาวหยุดตีและปล่อยโฮออกมาแทน เมฆาโอบกอดร่างกลมกลึงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไว้แนบอก แล้วพร่างพรูคำขอโทษมากมาย เขารู้แล้วว่าคำกล่าวหาของเขาทำให้พลอยขวัญเสียใจแค่ไหน เขานึกโกรธตัวเองที่ปล่อยให้ความหึงหวงเข้าครอบงำจนไร้สติ แค่เห็นเธอยืนคุยและส่งยิ้มให้ผู้ชายแปลกหน้าขณะอยู่ในชุดว่ายน้ำเปิดเผยเนื้อตัว เขาก็รู้สึกหึงและหวงจนขาดสติ
“ผมขอโทษนะคนดี ขอโทษนะครับ ไม่เอา ไม่ร้องนะ” เมฆาปลอบและไล้นิ้วโป้งกับแก้มเนียนเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้าสวย
“ทำไมคุณต้องกล่าวหาพลอยแบบนั้นด้วย พลอยเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอในสายตาคุณ” พลอยขวัญถามทั้งน้ำตา เธอไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรทำไมถึงได้รู้สึกเสียใจและน้อยใจเขาได้มากขนาดนี้
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่เลยคนดี ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมหวงพลอยหึงพลอยจนพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นออกไป ยกโทษให้ผมนะครับ” เมฆาประคองใบหน้าของพลอยขวัญเอาไว้แล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พลอยขวัญเบือนหน้าหนีแต่เมฆาไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มดึงร่างกลมกลึงเข้ามากอดไว้ แม้เธอจะดิ้นรนขัดขืนในตอนแรก แต่สุดท้ายเมื่อสู้แรงเขาไม่ไหวจึงซบนิ่งอยู่กับอกเขา
“ยกโทษให้ผู้ชายปากเสียอย่างผมด้วยนะครับ หรือถ้าพลอยอยากลงโทษที่ผมปากไม่ดี พลอยก็ทำได้เลย” โดยที่พลอยขวัญไม่คาดคิด เมฆาจับมือของเธอฟาดไปที่ปากของเขาเป็นการลงโทษ นั่นทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก เพราะแรงที่ฟาดไปนั้นไม่ใช่เบาเลย หญิงสาวขืนมือเอาไว้ทันทีแล้วรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา
“คุณทำอะไรของคุณ”
“ก็ให้พลอยลงโทษความปากไม่ดีของผมไงครับ จะได้สาสมกับการที่ผมทำให้พลอยเสียใจ”
“ทำอะไรบ้าๆ”
“ผมทำได้ยิ่งกว่านี้อีก ถ้ามันจะแลกกับการที่พลอยหายโกรธผม” พลอยขวัญมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงท่าทีจริงจังและเมื่อสบตาเขา เธอก็รู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว เธอแพ้ให้กับเขาอย่างราบคาบ เธอรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขาบนเวทีในผับคืนนั้นแล้วว่าเขาหล่อเกินไป หล่อและมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามแบบยากจะต้านทาน การที่เธอทำใจแข็งมาได้หลายเดือนนั้นถือว่าเก่งมากแล้ว แต่มาวันนี้เธอแพ้หมดรูปแล้วจริงๆ
“ยกโทษให้ผมนะครับ นะ” เธออยากบอกว่าเธอยกโทษให้เขาตั้งแต่เขาจับมือเธอไปลงโทษตัวเองแล้ว แต่ไม่อยากให้เขาได้ใจเกินไปนักจึงวางฟอร์มต่ออีกนิด
“สัญญากับพลอยก่อนว่าต่อไปนี้ คุณจะไม่พูดจาทำร้ายจิตใจพลอยแบบนี้อีก”
“ผมสัญญาครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ปากเสียแบบนี้อีก แต่สัญญาได้แค่เรื่องเดียวนะครับ ส่วนเรื่องหวงพลอยผมคงห้ามไม่ได้”
“บ้า มีสิทธิ์อะไรมาหวงพลอยกันคะ”
“ผมกำลังจะถามพลอยอยู่นี่ไงครับ ว่าพลอยจะใจอ่อนให้สิทธิ์นั้นกับผมหรือยัง”
“นี่ขนาดยังไม่ให้สิทธิ์ยังขนาดนี้ ถ้าให้สิทธิ์ไปแล้วจะขนาดไหนคะ”
“โธ่ พลอยครับ ผมสัญญาแล้วไงว่าผมจะไม่หึงไร้สติแบบนี้อีกแล้ว”
“อืม…ขอพลอยคิดดูก่อนได้ไหมคะ” จู่ๆ พลอยขวัญก็รู้สึกอยากแกล้งเขาขึ้นมา อย่างน้อยก็เป็นการเอาคืนที่เขาทำให้เธอเสียน้ำตา
“ไม่เอา ไม่ให้คิดแล้ว พลอยต้องให้คำตอบผมตอนนี้เลย”
“บังคับกันแบบนี้ก็ได้เหรอคะ”
“ผมไม่ได้บังคับสักหน่อย ผมแค่อยากได้คำตอบ” พลอยขวัญกำลังคิดจะหาทางแกล้งเขาต่อ แต่จู่ๆ คนที่นั่งมองหน้าเธอก็ดึงมือเธอไปกุมไว้แล้วขยับกายลงจากโซฟาไปคุกเข่าลงที่พื้น พลอยขวัญตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้
“ให้โอกาสผมได้ดูแลพลอยนะครับ ผมรอต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ผมอยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีแค่ไหนที่ได้เป็นคนสำคัญของคุณ เป็นแฟนผมนะ” สายตาเว้าวอนที่มองมานั้นทำให้พลอยขวัญไม่อาจทนใจแข็งได้อีกต่อไป เธอมองสบตาเขาที่กำลังมองมาอย่างรอคอย
“ยังไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะคุณยังมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ตัวเองก่อน ถ้าเหตุผลฟังขึ้นพลอยจะพิจารณาดู ว่าไงคะ พลอยรอฟังอยู่”
“เรื่องข่าวนั่นผมอธิบายได้นะครับ ผมกับเขาบังเอิญเจอกันที่สถานีรถไฟ อันที่จริงผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“หมายความว่าไงคะ”
“ผมกับแองจี้เราเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนอันนี้จริง ผมยอมรับ แต่มันเป็นความพอใจที่เราตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น แล้วผมกับเขาก็เลิกติดต่อกันไปนานมากแล้ว ไม่รู้จู่ๆ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้”
“แบบนี้นี่แบบไหนคะ”
“การที่เขาบังเอิญเจอผมที่สถานีรถไฟมันอาจเป็นไปได้ แต่การที่จู่ๆ เขาก็เข้ามากอดทักทายและถูกถ่ายภาพไว้ได้พอดี เรื่องนั้นผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญนะ”
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณแองจี้จัดฉากอย่างนั้นเหรอคะ”
“มันอาจดูไม่ดีที่จะกล่าวหาเธอแบบนั้น แต่ผมคิดว่าใช่ คุณไม่คิดเหรอว่ามันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น นั่นไม่ใช่เมืองไทยที่จะมีนักข่าวหรือปาปาราซซี่มาแอบถ่ายรูปผมกับแองจี้ เพราะที่นั่นไม่มีใครรู้จักเรา แต่นี่รูปที่ออกมากลับชัดแจ๋วเหมือนถูกจัดมุมไว้อย่างดี”
“คุณแองจี้เธอจะทำแบบนั้นไปทำไมคะ”
“ตอนแรกผมก็สงสัยเหมือนกัน แต่พอคุณแม่โทรไปบอกว่ามีข่าวผมกับแองจี้ที่เมืองไทย ผมก็รีบให้คนสืบดูทันที ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเฉยๆ และปล่อยให้มันเงียบหายไปเองเหมือนครั้งอื่นๆ แต่เพราะครั้งนี้ผมมีพลอยแล้ว ผมเลยปล่อยไว้ไม่ได้”
“มีพลอยอะไรกันคะ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ถึงยังไม่เป็น แต่ผมบอกตัวเองไว้แล้วว่าจะทำทุกอย่างให้ได้เป็น ดังนั้นผมจึงยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีอะไรมาทำให้ผมต้องเสียพลอยไป” คำตอบและสายตาแน่วแน่ที่จ้องมองมาทำให้พลอยขวัญต้องเบือนหน้าหนี สายตาของเขามัน ร้ายกาจและทรงพลังจนเธอไม่อาจต้านทานจริงๆ
“หลังจากที่ผมให้คนไปสืบก็ได้รู้อะไรมาบางอย่าง ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แองจี้ลงทุนสร้างข่าวขึ้นมา”
“เรื่องอะไรคะ”
“เธอกำลังจะถูกปลดจากบทสำคัญในละครฟอร์มยักษ์ เพราะมีภาพหลุดและข่าวลือหนาหูว่าเธอเป็นบ้านเล็กของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องสร้างข่าวว่ายังอะไรๆ กับผมอยู่เพื่อลบล้างข่าวพวกนั้นและอาจจะใช้ความเป็นสุริยาพิทักษ์ของผมสร้างภาษีให้ตัวเองน่ะ ขอโทษที่ผมต้องพูดตรงๆ แต่พลอยคงเข้าใจ” เรื่องนี้เธอเข้าใจดีว่าความเป็นทายาทตระกูลดังที่แสนมั่งคั่งของเขา คงช่วยทำให้นางร้ายคนนั้นมีภาษีดีขึ้นมาได้จริงๆ เผลอๆ ข่าวการควงไฮโซหนุ่มหล่อเพียบพร้อมอย่างเขาไปเที่ยวต่างประเทศ อาจทำให้เป็นที่สนใจจนกลบข่าวพวกนั้นไปหมดเลยก็ได้
“พลอยเข้าใจค่ะ แต่ยังมีอีกเรื่อง”
“เรื่องอะไรอีกล่ะครับ” น้ำเสียงละห้อยนั้นทำเอาเธอเกือบยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่ก็ต้องทำเก๊กขรึมเอาไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวเขาจะได้ใจ
“ช่วงเวลาที่คุณมีข่าวกับคุณแองจี้ นั่นเป็นช่วงที่คุณไม่ได้โทรหาพลอยเลยนะคะ”
“อ๋อ พลอยงอนที่ผมหายไปสองวันใช่ไหม”
“ใครงอน พลอยไม่ได้งอนสักหน่อย” รอยยิ้มรู้ทันที่มองมาทำเอาพลอยขวัญทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะแสร้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“ไม่ต้องมามองพลอยแบบนี้เลยนะ พลอยมีสิทธิ์ที่จะสงสัยเพราะการที่พลอยจะคบใครสักคนอีกครั้ง พลอยขออยู่ห่างจากพวกคนเจ้าชู้มากรัก ดังนั้นถ้าคุณเข้าข่ายที่จะเป็นพวกนั้น พลอยขอยุติทุกอย่างไว้แค่นี้ดีกว่า พลอยไม่อยากเสียใจอีกแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพลอย ผมไม่ยอมให้พลอยตัดสิทธิ์ผมแน่ๆ ผมอุตส่าห์ทำตัวดีมาตลอด หลายเดือนมานี้ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลยสักนิด คุณรู้ไหมพวกเพื่อนๆ ผมมันบอกว่าถ้าผมจะจำศีลนานขนาดนี้ ให้ผมไปบวชได้แล้ว”
“เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“โถ่ พลอยอย่ากล่าวหากันแบบนี้สิครับ พลอยพูดแบบนี้ผมเสียใจนะ” พลอยขวัญหมั่นไส้คนที่แสร้งตีหน้าเศร้าเสียเต็มประดา แต่ก็สงบปากสงบคำรอฟังคำแก้ตัวของเขา
“งั้นก็อธิบายมาสิคะ ว่าคุณหายไปไหนช่วงนั้น พลอยรอฟังอยู่”
“หลังจากเจอเขาที่สถานีรถไฟเราก็แยกย้ายกันไป แล้วความซวยก็คือผมทำโทรศัพท์ตกลำธารระหว่างไปแคมป์ปิ้งในป่า พอจะยืมโทรศัพท์เพื่อนในนั้นก็ไม่มีสัญญานเลย ผมเลยต้องรอจนเราออกจากป่าแล้วก็รีบไปซื้อโทรศัพท์ พอจัดการเรื่องโทรศัพท์เสร็จก็ได้รับสายจากคุณแม่ว่ามีข่าวที่เมืองไทย หลังจากนั้นผมก็โทรหาพลอยทันทีเลยไงครับ แต่พลอยใจร้ายไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่อ่านไลน์ผมเลย ผมทุกข์ใจ เสียใจ และร้อนใจมากแค่ไหนพลอยรู้ไหม”
“เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“โถ่ พลอยอะ อย่าแกล้งผมสิครับ นี่ไงหลักฐาน” เมฆาหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อออกมาให้ พลอยขวัญดูเป็นหลักฐาน พลอยขวัญปรายตาดูและแน่นอนว่าเธอเชื่อเขา สัญชาตญานของเธอมันบอกว่าเขาไม่ได้โกหก
“ก็ได้ค่ะ พลอยเชื่อคุณ” เมฆายิ้มหน้าบานเมื่อพลอยขวัญเชื่อที่เขาบอก
“ขอบคุณนะครับที่เชื่อใจผม ทีนี้พลอยจะตอบคำถามสำคัญของผมได้หรือยังครับ พลอยจะให้เกียรติผมได้ดูแลพลอยในฐานะคนรักได้หรือไม่ครับ”
“คุณจะไม่ทำให้พลอยเสียใจแบบที่พลอยเคยเจอมาใช่ไหมคะ”
“ไม่มีทาง ผมไม่มีทางทำร้ายหัวใจตัวเองแบบนั้นเด็ดขาด”
“ถ้างั้นก็…ตกลงค่ะ”
“พลอย” เมฆาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นมานั่งบนโซฟาแล้วดึงเธอไปกอดเอาไว้
“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผม ผมสัญญาว่าจะทำให้พลอยเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด”
“พลอยจะรอดูค่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่เมฆาจะประคองใบหน้าสวยเอาไว้ สายตาทั้งคู่ประสานกันอย่างคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หา พลอยขวัญหลับตาลงเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ วินาทีที่ริมฝีปากของเขาประทับลงมาบนกลีบปากของเธอ พลอยขวัญรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านจากตัวเขามาสู่กายเธอจนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยินยอมให้เขาจูบตามอำเภอใจ ซึ่งเป็นจูบแรกระหว่างกัน จูบที่ถ่ายทอดความรู้สึกลึกซึ้งที่ต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้