“อุ๊ยตาย! ดูน้องรองสิ ออกตัวปกป้องภรรยาของพี่ชายตัวเองแบบนี้ ยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก”
“เหลวไหล! เจ้าเลิกพ่นน้ำลายบูดใส่ผู้อื่นได้แล้ว พี่ชายข้าอาจหน้ามืดตามัวลุ่มหลงเจ้าจนไม่สนถูกผิด แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะคิดเช่นนั้น”
“เจ้ารอง! เจ้าอย่าได้ก้าวร้าวต่อชิวอี๋ นางคือภรรยาข้าและเป็นพี่สะใภ้เจ้า หัดมีสัมมาคารวะเสียบ้าง”
“แค่อนุคนหนึ่ง ข้าไม่นับญาติ”
“เจ้า! ดี ดีมาก เจ้าคิดว่าตนเองปีกกล้าขาแข็งจึงอวดดีใส่ข้า อย่าลืมว่าตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่จากไปแล้ว และข้าคือเจ้าบ้านเจ้าเรือนสกุลหลี่ที่เจ้าอาศัย หากยังไม่เจียมตัวก็ไสหัวออกไปพร้อมกัน!”
“หลี่หวง จริงอยู่ที่เจ้าได้รับทรัพย์สินทั้งหมดไป แต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านของข้าเช่นกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์จะมาไล่ข้า คนอย่างเจ้าหลงเพียงคำเป่าหูคนข้างหมอน ถ้าท่านพ่อท่านแม่ในปรโลกรับรู้ จะต้องไม่สงบใจ”
“ข้าว่าที่ไม่สงบใจ เพราะเรื่องคาว ๆ ของเจ้าสองคนมากกว่า สำหรับเจ้าแล้วถ้ายังอยากอยู่ต่อไปก็ได้ แต่อีเหนียงต้องไปจากบ้านข้า”
สองมือกำแน่น ดวงตาแดงเรื่อมองสามีกับชู้รักชี้หน้าขับไล่ตนซ้ำไปซ้ำมา พวกเขาเพียงหาข้ออ้างกำจัดตนออกไปจากความสัมพันธ์นี้ จะได้ยกย่องเชิดชูออกหน้าอย่างสมศักดิ์ศรี น้ำตาไหลอาบแก้มในใจรู้สึกไม่เป็นธรรม เหตุใดนางจึงพบกับสามีเช่นนี้ ถึงอนาคตจะมืดมนแต่นางเองก็ทะนงตน ปล่อยให้เขาเหยียบย่ำเจ็บช้ำมานานปี คราวนี้ต่อให้อดอยากนางจะผ่านไปให้จนได้
“คิดว่าข้าอยากอยู่บ้านสัปปะรังเคหลังนี้หรือ ไม่เห็นจะมีความสุขเลยสักวัน ข้าไปแน่ แต่ข้าต้องได้ลูกทั้งสองคนไปด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ไปไหน ถึงเจ้าจะลากข้าโยนออกไป ข้าก็จะนั่งป่าวประกาศมันหน้าประตู ไม่เชื่อจะลองดูก็ได้”
อีเหนียงไม่คิดจะให้ลูกอยู่กับชิวอี๋ สตรีนางนี้ร้ายกาจเกินจะคาดเดา บิดาอย่างหลี่หวงไม่เคยสนใจลูกขนาดตนอยู่ยังให้อดข้าวอดน้ำ แม้จะไม่รู้อนาคตและไม่รู้ว่าจะสามารถเลี้ยงดูลูกให้ดีได้หรือไม่ แต่นางเชื่อว่าจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด เพราะนางเป็นแม่พวกเขา
“ตัวเองยังเอาไม่รอด คิดว่าจะเลี้ยงเด็กสองคนได้ยังไง”
“ได้ไม่ได้ข้าก็จะเลี้ยง ไม่เหมือนเจ้าที่ไม่เคยสนว่าลูกจะอดหรือป่วย คนอย่างเจ้าไม่สมควรที่จะเป็นพ่อคน”
“อีเหนียง! ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้ และอย่าได้คิดจะเอาลูกข้าไป ชิวอี๋นางรู้ความจิตใจดี แค่ดูแลเด็กมีหรือจะทำไม่ได้ นางทำดีกว่าเจ้าแน่”
หลี่หวงย่อมไม่ยินยอม หลี่หลงกับหลี่หลิงเป็นลูกของเขา จะมอบให้นางไปได้อย่างไร ต่อให้เลี้ยงตัวเองได้เขาก็ไม่วางใจจะยกให้ ลูกอยู่กับตนอย่างไรยังมีชิวอี๋คอยสั่งสอน มีบ้านมีเงินทองภายหน้าพวกเขาจะได้เป็นพี่สาวพี่ชายเมื่อเมียรักของเขาตั้งครรภ์ โดยไม่รู้ว่าอนุคนงามหาได้ต้องการเลี้ยงลูกของสตรีอื่น มีแต่จะกำจัดสิไม่ว่า
“น่าขัน! จะให้คนที่เกือบสังหารลูกข้าเลี้ยงดูพวกเขา หมูกินสมองเจ้าไปหมดแล้วหรืออย่างไร หากข้าไม่ได้ลูก บอกเลยว่าข้าจะไม่ให้เจ้าสองคนอยู่เป็นสุข”
ถ้าเขาไม่ยอมให้ลูกไปด้วย นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขายอม เพราะนางเชื่อว่าชิวอี๋เองก็คิดไล่เด็ก ๆ อยู่เหมือนกัน
“น้ำหน้าอย่างเจ้านะหรือจะเลี้ยงไหว ที่พูดแบบนี้เพราะหวังจะยื้อเวลา เจ้ารู้ว่าข้ามีลูกด้วยจึงยกมาต่อรอง ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ให้เจ้าเอาลูกไป”
คำของหลี่หวงหนักแน่นจนทำให้ชิวอี๋หงุดหงิด ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บเด็กสองคนนั้นไว้ทำไม ถ้าอยากได้ลูกนักอีกเดี๋ยวตนจะมีให้ สายเลือดชั้นต่ำเช่นนั้นไม่เห็นต้องสน แต่ถึงไม่พอใจก็ไม่อาจจะพูดออกมาในตอนนี้
“พี่สะใภ้ท่านอย่าห่วง หลงเอ๋อร์กับหลิงเอ๋อร์เป็นสายเลือดสกุลหลี่ เป็นหลานชายหลานสาวของข้า ถึงแม้จะถูกขับไล่แต่ข้าไม่สิ้นไร้หนทางทำกิน แค่เด็กสองคนข้าช่วยท่านดูแลได้ ดีกว่าปล่อยให้ปีศาจในคราบสตรีอ่อนหวานทำร้าย”
“หลี่เหมิน! ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าให้ร้ายชิวอี๋ จงไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ต้องมาไล่ วันนี้ข้าไปแน่ แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้หลานต้องอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่า พวกเขาบริสุทธิ์เป็นผ้าขาว เจ้าสองคนเชิญเสวยสุขกันอย่างที่ต้องการเถิด ตอนนี้ไม่มีใครขวางทางพวกเจ้าแล้ว”
“แต่พวกเขาเป็นลูกของข้า เจ้าที่เป็นแค่อาไม่มีสิทธิ์จะมาพาไป”
“ก่อนที่จะอ้างเรื่องนั้น เจ้าไม่ลองถามพวกเขาเล่าว่าอยากอยู่กับใคร ไม่เชื่อลองหันไปดู”
ทั้งหมดหันไปจึงได้เห็นว่า เด็กสองคนหอบถุงผ้าที่ห่อใหญ่สามถุงขนาดเกือบเท่าตัวพวกเขา มายืนรออยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
อีเหนียงเอามือปิดปากสะอื้นก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เดินไปหาบุตรทั้งสองอย่างซาบซึ้งและรู้สึกผิด ขนาดเด็กยังรู้ว่าการจากไปดีกว่าอยู่ที่นี่ มีแต่ตนที่ยังไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้น
“หลิงเอ๋อร์ หลงเอ๋อร์ เจ้าสองคนยินดีจะไปลำบากกับแม่หรือไม่”
“พวกเราจะไปกับท่านแม่ขอรับ”
“เหลวไหล! พวกเจ้าเอาผ้าไปเก็บเดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่ คิดว่านี่เป็นเรื่องสนุกรึ”
“ไม่ได้เล่นเจ้าค่ะ แต่ถ้าไม่มีท่านแม่ ข้าจะกล้าอยู่ต่อได้ยังไง ท่านน้าใจร้ายจะตาย ทั้งชอบด่าชอบตี ข้าไม่อยู่กับนาง”
“น้าเจ้าเพียงสั่งสอน เจ้าที่เป็นเด็กควรต้องเชื่อฟัง”
แม้จะตกใจที่ได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็ยังเข้าข้างคนรักเพราะไม่อาจหักหน้านางได้
“สอนด้วยการโยนข้าลงบ่อน้ำนะหรือเจ้าคะ แบบนั้นข้าไม่เอาหรอก ข้าจะเป็นเด็กดีก็ได้แต่ไม่ใช่มาทำเรื่องน่ากลัว และท่านพ่อก็ไม่ได้สนใจพวกเราเลย ข้าหิวมาก กลัวมาก ท่านพ่อเคยรู้บ้างหรือไม่”
“....” คราวนี้หลี่หวงสะอึก ยิ่งได้เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกพากันมองมาอย่างไร้เดียงสา ชิวอี๋บิดมืออย่างโมโห แต่ยังแสร้งบีบน้ำตาเกาะแขนสามีว่าตนถูกใส่ความ เขาเห็นสตรีที่รักเสียใจจึงตวัดสายตาดุร้ายไปหาอีเหนียง กล่าวโทษนางว่าเสี้ยมสอนลูกให้คิดแบบนั้น
“เพราะเจ้าที่คอยพูดกรอกหูลูก ถึงได้เข้าใจชิวอี๋ผิด เจ้ามันสตรีขี้อิจฉา!”
“หลี่หวง เจ้ามันเกินเยียวยา สิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จยังแยกแยะไม่ได้”
“ท่านอา ท่านจะไปกับพวกเรามั้ยขอรับ ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่ที่นี่เลย”
“ทำไมรึ”
“ท่านจะถูกท่านน้ารังแก ข้าได้ยินว่าท่านน้าไม่ชอบท่าน บอกว่าท่านเป็นปลิงที่คิดแย่งสมบัติท่านพ่อ”
ตู้ม! ระเบิดลูกนี้ของหลี่หลงทำให้คนถูกกล่าวถึงหน้าชา ไม่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะได้ยิน จึงทำส่ายหน้าไม่รู้เรื่องยามที่สามีมองตน
“ท่านพี่ข้าเปล่า หลงเอ๋อร์ยังเด็กบางทีอาจเข้าใจผิดไป ข้าหาได้ยากจนข้นแค้น อย่างไรก็มาจากครอบครัวที่ดี มีสินเดิมติดมาหลายหีบเรื่องทรัพย์สินของสกุลหลี่ ข้าต้องอยากได้อยากครอบครองไปทำไมกัน”
หลี่หวงฟังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล บ้านเดิมของชิวอี๋มีฐานะร่ำรวย และยังได้รับสินเดิมมามากจริง ๆ หากจะบอกว่าโลภ คนคนนั้นย่อมไม่ใช่นาง เขาจึงคิดว่าบุตรชายพูดเพราะมีคนสอน
“อีเหนียง ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป ลูกสองคนของข้าเสียคน เพราะการสอนแบบผิด ๆ ของเจ้า”
“เจ้าอยากคิดอย่างไรก็เชิญ ข้าเหนื่อยแล้ว” แม้ว่าทุกอย่างจะชัดเจน แต่เขายังคงไม่ฟังหรือวิเคราะห์เหตุผล นางจึงหลับตายอมรับไม่ฝืนอีกต่อไป
“ท่านแม่ ไม่ร้องนะเจ้าคะ โอ๋ ๆ” เด็กหญิงพยายามใช้มือน้อยของตนเองเอื้อมเช็ดน้ำตาให้มารดา เท่านั้นความเข้มแข็งพลันทลายอีเหนียงสวมกอดบุตรสาวไว้แนบอก หลี่หลิงกระซิบข้างหูแม่ว่าให้อุ้มตนเดินออกไป นางแอบส่งสัญญาณให้ท่านอา
หลี่เหมินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือหลานชายไว้แน่น เมื่ออีเหนียงอุ้มลูกก้าวฉับ ๆ ออกไป หลี่หวงจึงโวยวายคิดจะขัดขวาง แต่ไหนเลยชิวอี๋จะยอม จู่ ๆ นางก็เซล้มลงทั้งยังร้องโอดครวญเหมือนว่ากำลังป่วยกะทันหัน
“หยุด! จะพาลูกข้าไปไหน ข้าบอกให้หยุด!”
“อ๊ะ! ท่านพี่ ข้าปวดหัวเหลือเกิน โอ๊ย! ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าต้องหาหมอ”
โอกาสมาถึงขนาดนี้ จะปล่อยให้เขาไปตามเจ้าเด็กสองคนไม่ได้ สกุลหลี่จะต้องเป็นของลูกนาง เมื่อใดก็ตามที่นางท้องเขาจะลืมลูกของอีเหนียงเอง
“ชิวอี๋! เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้เจ็บปวดขึ้นมา”
เห็นสตรีที่รักมีสีหน้าเจ็บปวด จึงตกใจรีบโอบกอดประคองเอาไว้อย่างเป็นห่วง ไม่คิดตามพวกเขาไปอีก
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเจ็บราวกับถูกเข็มทิ่ม เจ็บไปหมด”
เห็นอนุเจ้ามารยาเล่นละครถูกเวลา หลี่เหมินจึงดึงแขนหลานชายจากไป ไม่แม้จะกลับห้องไปเก็บข้าวของหรือสัมภาระใด เพราะตัวเขาได้เช่าห้องพักข้างนอกไว้เสมอ จึงมีสิ่งของที่จำเป็นไว้ที่นั่น ด้วยต้องเดินทางไปรักษาคนเป็นประจำ และเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
“หลงเอ๋อร์ไปกับข้า อย่าอยู่ที่นี่เลย”
“ขอรับ” เด็กชายพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาอยู่ไหนก็ได้ ขอแค่มีท่านแม่กับน้องสาว และจะดีมากถ้ามีท่านอาอยู่ด้วย
“หลี่เหมิน เจ้าจะพาหลงเอ๋อร์ไปที่ใด หลี่เหมิน!”
กว่าจะรู้ตัวว่าทั้งสี่จากไป ก็เห็นเพียงแผ่นหลังไกล ๆ ใจอยากจะไปดึงเด็กกลับมา แต่ติดตรงที่ชิวอี๋กอดตนไว้แน่น เขาไม่อยากจะคิดว่านางแกล้งดึงเขาไว้ไม่ให้ตามลูกไป และไม่กล้าจะคิด ทั้งยังเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรอีเหนียงก็ไปไม่รอด ต้องซมซานกลับมาหาตนอยู่ดี จึงไม่ได้คิดจะออกไปตาม
“ท่านพี่ เพราะข้าไม่ดีเอง ข้า.”
“ช่างเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ อย่างไรสุขภาพของเจ้าย่อมสำคัญกว่า”
คำพูดของสามีทำให้อนุคนงามแสร้งหลั่งน้ำตา ปากพร่ำกล่าวโทษตนว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทว่าในใจยินดีอย่างยิ่ง ไม่เสียแรงที่นางยอมลดเกียรติตนเองมาเป็นอนุเขา แต่นั่นจะเป็นเพียงอดีตเท่านั้น จากนี้นางจะเป็นฮูหยินของหลี่หวง