บทที่2

1825 Words
“เอาล่ะ หลงเอ๋อร์ฮึก! เจ้าอยู่กับน้องนะ แม่จะไปซักผ้าทำอาหารให้พ่อเจ้า” “ท่านแม่ทำไมขอรับ! ทำไมท่านพ่อถึงทำกับเราแบบนี้ ทำไมท่านพ่อสนใจแต่อนุด้วย พ่อไม่รัก ไม่ต้องการเราหรือ ท่านแม่ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ข้าไม่มีความสุขเลย” เด็กชายปาดน้ำตาและกล่าวสิ่งที่ติดอยู่ในใจมานาน เขาเหลือบมองน้องสาวที่นอนไม่ยอมตื่นขึ้นมาเล่นกับตนเหมือนทุกวัน มารดาปวดหัวใจยิ่ง คำพูดของลูกไม่ต่างค้อนที่ทุบลงมาซ้ำยังชิ้นเนื้อที่เหวอะหวะจนแหลกเหลว สร้างความเจ็บและทุกข์ทรมานจนเจียนตาย “เฮ้อ! เวรกรรมจริง ๆ” เขาเองก็สงสารพี่สะใภ้กับหลาน ๆ แต่ไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่ง เพราะจะทำให้พวกนางแม่ลูกถูกคลางแคลงใจ อนุนามว่าชิวอี๋รู้จักกลับขาวให้เป็นดำ ตัวเขาไม่ได้กลัวพี่ชายจะตำหนิเพราะไม่เคยพึ่งพา ที่มาถึงวันนี้ได้ล้วนดิ้นรนด้วยตนเอง อย่างมากเพียงย้ายออกไป แต่ที่รั้งอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือหลานไม่ให้ถูกรังแก จึงเดินเข้าไปสอบถามอาการของนาง “ท่านอา” “น้องสามี” “อืม วันนี้หลิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” “นางยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย” “น่าแปลก! ข้าตรวจดูอย่างละเอียดแล้วพบว่านอกจากมีไข้เป็นครั้งคราวก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทำไมจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก” ถึงจะไม่ใช่หมอเทวดา แต่เขามั่นใจว่าตนตรวจวินิจฉัยไม่ผิดแน่ ทั้งยังคอยตรวจชีพจรหลานทุกวันพบว่าเต้นปกติ จึงนั่งลงตรวจดูอีกครั้ง “เป็นอย่างไรบ้าง” “ปกติดี แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ตื่นขึ้นมา” “แคก ๆ” “หลิงเอ๋อร์!!!” ทั้งสามดีใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเริ่มขยับตัว ดวงตาที่ปิดสนิทจะค่อย ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก “น้ำ.. ข้าหิว น้ำ!” “ได้ ๆ มาแม่จะป้อนเจ้าเอง” “อึก ๆ ขออีก” “ค่อย ๆ อย่าให้นางดื่มเร็วนัก” เห็นหลานรีบดื่มน้ำจึงเตือน เพราะหลับไปหลายวันเกรงจะทำให้กระเพาะลำไส้ปรับสภาพไม่ทัน หลังจากสอบถามจนแน่ใจแล้วว่านางไม่เป็นอะไร ผู้เป็นอาจึงกำชับสองสามคำก่อนจะไปต้มยามาให้หลาน มารดาเองก็สบายใจขึ้นมา และต้องไปทำงานบ้านจึงวานให้บุตรชายอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว เพราะหากไปช้าอีกนิด สามีคงได้ปาใบหย่าและขับไล่ตนกับลูกออกจากบ้าน “พี่ชาย ข้าหลับไปนานเลยหรือ” “ใช่ เจ้าหลับไปหลายวันมาก ท่านแม่มานั่งเฝ้าเจ้า นั่งร้องไห้ทุกวัน กลัวเจ้าจะเป็นอะไร” “ท่านก็ร้องด้วยใช่มั้ย ตายังแดงอยู่เลย” “อันนี้ไม่ใช่” “หือ แล้วมันยังไง ทำไมท่านถึงร้องไห้ล่ะ” “เพราะท่านพ่อตีท่านแม่ ยังบอกอีกว่าจะไล่พวกเราไป” “ใจร้าย! ท่านพ่อคนนี้ใจร้ายที่สุด” “....” เขาเองก็เห็นด้วยกับน้องสาว บิดาไม่ชอบไม่รักพวกเขา ชอบบอกว่าพวกตนเป็นตัวภาระที่สิ้นเปลือง แต่อนุก็ไม่ทำอะไร ทำไมพ่อถึงรัก นางพูดอะไรพ่อก็เชื่อ กลับดุด่าแม่ ทั้งที่แม่ไม่ผิดและยังโดนรังแก “พี่ชาย ท่านว่าเราหาพ่อใหม่กันดีมั้ย” “หา!” “พ่อใหม่ไง พ่อคนนี้ไม่ดีเลย เราบอกท่านแม่หาพ่อใหม่กันเถอะ” “แล้ว! แล้วจะทำแบบนั้นได้ยังไง! พ่อใหม่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ สักหน่อย” “ไม่รู้ แต่พ่อคนนี้ข้าไม่อยากได้” “....” น้องสาวเขาไปเอาความคิดแปลก ๆ นี้มาจากไหน ผ่านไปหลายวันอาการของหลิงเอ๋อร์ก็หายดี บิดาไม่ได้มาเยี่ยมนางอีก เขาบอกว่าหายก็ดีแล้ว นั่นแหละที่คนเป็นพ่อพูดออกมา เด็กหญิงเกาะติดมารดาไม่ยอมห่าง คอยสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ดีหน่อยที่บิดาหนีบเอาอนุไปทำงานด้วยจึงไม่ได้มาหาเรื่องพวกนางอีก และวันนี้นางกำลังนั่งเท้าคางมองท่านแม่ตาใสแจ๋ว “มองแม่เช่นนี้ มีอะไรอย่างนั้นหรือ” “ข้ากำลังคิดว่า ท่านแม่ก็สวย ขนาดไม่แต่งตัวยังดูดี แล้วทำไมท่านพ่อถึงไม่ชอบท่านแม่” มือที่กำลังตัดผักชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจออกมา “น้องสาว! ทำไมเจ้าจึงพูดกับท่านแม่แบบนั้น ไม่น่ารักเลยนะ” “ข้าพูดความจริง เราต่างก็เห็นว่าท่านพ่อกดหัวท่านแม่ ด่าท่านแม่ เอะอะก็ไล่ ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับท่านน้าเลย” “น้องสาว!” “ท่านแม่ ข้าพูดไม่ถูกหรือ” “เจ้าพูดถูก เพียงแต่ด้วยวัยของเจ้าจึงดูไร้มารยาทค่อนไปทางก้าวร้าว” “ท่านแม่ ท่านว่าหากข้าโตขึ้น แล้วท่านน้าบอกให้ข้าแต่งกับคนไม่ดี ท่านพ่อจะทำตามไหม” “เจ้าพูดอะไรแบบนั้น!” คราวนี้มารดาทำเสียงดุ ไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรสาวจึงเอ่ยเช่นนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีแนวโน้มจะทำแบบนั้น ยังมีหลงเอ๋อร์อีกคน หากพวกเขาพี่น้องได้คู่ครองที่แย่ชีวิตจะหาความสุขได้หรือ พอคิดขึ้นมาก็ปวดหัวนัก แม้จะยังมีเวลาอีกหลายปีแต่นางไม่ต้องการให้เกิดขึ้น “ท่านแม่ ข้ากลัวจังเลย ข้ากลัวว่าจะถูกตีเหมือนท่าน เหนื่อยเหมือนท่าน ข้าไม่อยากให้ลูกหลานต้องอยู่อย่างหวาดกลัว” “หลิงเอ๋อร์! แม่ไม่ดีเอง เพราะแม่อ่อนแอเกินไปจึงไม่อาจทำให้เจ้าสองคนเป็นสุขได้” “ท่านแม่เจ้าคะ สมมุติว่าท่านพ่อจะหย่า ท่านพาข้ากับพี่ชายไปด้วยนะ ข้าไม่ชอบพ่อคนนี้เลย ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าอยากมีพ่อใหม่” ตู้ม!!! อีเหนียงเหมือนจะหลุดไปอยู่ยังพื้นที่เวิ้งว้างอันมืดมิดเพียงลำพัง หลงเอ๋อร์ยกมือปิดปากอย่างเหลือเชื่อ น้องสาวพูดคำนี้ออกมาแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรดีเพื่อปลอบท่านแม่ แต่ลึก ๆ เด็กชายก็คล้อยตามกับคำพูดของน้องสาว เขาเบื่อพ่อใจร้ายขี้โมโหคนนี้เหมือนกัน “ท่านแม่ลองคิดดูนะ ถ้าไม่มีท่านพ่อ ท่านแม่จะไม่ต้องเหนื่อยซักผ้าถูบ้านทำกับข้าว พ่อนะเจ้าระเบียบรักสะอาด ฝุ่นติดนิดเดียวก็เสียงดังลั่นบ้านแล้ว ท่านต้องเช็ดทำความสะอาดบ้านวันหนึ่งหลายครั้ง เช็ดจนข้าเดินลื่นจนจะล้ม ถึงอย่างนั้นท่านพ่อยังว่าท่านทำไม่สะอาดสั่งให้ถูพื้นกลางดึกก็ยังมี” “หญ้างอกแค่ติ๊ดเดียวไม่ทันถอนก็บ่น ต้นไม้ก็ผลัดใบหล่นไปทั้งวัน หากเก็บไม่ทันแล้วท่านพ่อมาเห็นก็ดุท่าน แถมยังกินยาก เผ็ดไม่ได้หวานไม่เอาเค็มไม่ชอบ ปลาก็บ่นว่าคาว หมูติว่ามันเยอะ เนื้อบอกเหนียวเคี้ยวเมื่อยปาก ผักบอกเหม็นเขียว ข้าวแฉะบอกคลื่นไส้ แข็งไปบอกฟันจะหัก กับข้าวซ้ำกันก็ไม่ยอมกิน จะให้ทำใหม่ท่าเดียว พอถึงเวลามาตำหนิท่านว่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายสิ้นเปลือง” เด็กหญิงกล่าวแค่นั้นดวงตากลมเหลือบมองมารดาที่สีหน้าเริ่มจะเข้มขึ้น ลมหายใจถี่และค่อนข้างแรง บ่งบอกถึงภาวะอารมณ์ที่กำลังก่อตัว จึงสุมไฟให้แรงขึ้น “ยังเสื้อผ้าที่ใส่ขาด กลับมาแทนที่จะให้ท่านเอาไปเย็บดี ๆ กลับบอกว่าเพราะท่านซักแรงไปทำให้ขาดง่าย พอท่านขยี้เบา ๆ กลับพูดว่าแรงเจ้าหายไปไหนหมด หัดทำอะไรให้มันเหมือนชาวบ้านหน่อย ไม่ชอบให้อบกำยาน แต่บอกท่านซักผ้าตากผ้าไม่หอม และยังบังคับให้ท่านซักของเมียน้อย เอ๊ย! ท่านน้าที่เป็นอนุคนโปรด เกิดมาตัวเท่านี้ ข้ายังไม่เคยได้ว่าเมียเอกบ้านไหน ต้องคอยตามรับใช้เมียน้อย เอ๊ย! อนุเลย” “ท่านแม่ ท่านแต่งเข้ามาสกุลหลี่เพื่อมาเป็นสาวใช้หรือเจ้าคะ แล้วภายหน้าข้าแต่งงานจะต้องเป็นเหมือนท่านรึเปล่า หากต้องทำเช่นนั้นแล้ว ข้าจะไม่แต่งงานขอหนีไปบวชชีอยู่วัด เช้าสวดมนต์ เย็นสวดมนต์ ยังได้บุญได้กุศลผลนั้น ตายไปข้าจะได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน” “....” อีเหนียงหันขวับทอดสายตามองบุตรสาว กวาดขึ้นกวาดลงรอบหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าบุตรชาย “ท่านแม่ ข้าว่าท่านเปลี่ยนพ่อให้พวกเราเถอะขอรับ” ปฏิเสธไม่ได้ ว่าที่น้องสาวพูดมาถูกต้องหมดเลย ตกลงพ่อคนนี้ไม่มีข้อดีให้ชื่นชม มีแต่เสียล้วน ๆ “....!!!” หลงเอ๋อร์เจ้าก็ด้วยรึ ห่างออกไปไม่ไกล หลี่เหมินถือถ้วยยาค้างเติ่งไม่กล้าเดินเข้ามา เขากะพริบตาสองสามครั้งก่อนไหล่สองข้างจะไหวสั่น และพยายามจะไม่หลุดขำออกมา หลานสาวคนนี้ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ช่างปากคอเราะรายยิ่งนัก นางสาธยายเสียจนบิดาเจ้าเป็นคนไม่ดี แต่เถียงไม่ได้นะ เพราะที่พูดมานั้นไม่มีสิ่งใดไม่เป็นความจริง “เช่นนั้นข้าควรเอายามาให้นางกินทีหลัง เข้าไปตอนนี้นางจะเขินได้” เขาเดินยิ้มกลับไป ในใจคิดว่าครั้งนี้พี่ชายจะเจอเรื่องปวดหัวแล้ว และไม่อยากเข้าไป เกรงว่าหลานอาจจะทำตัวไม่ถูกหากรู้ว่าผู้เป็นอาได้ยิน นับจากตอนนั้น หลิงเอ๋อร์ได้คอยพูดเป่าหูมารดาเสมอ และช่วงที่บิดาไม่อยู่เด็กหญิงมักจะชี้หาแต่ข้อเสียของบิดาซึ่งนางจะไม่พูดเรื่อยเปื่อย คัดความจริงมากรอกหูเช้าค่ำ ด้วยท่านพ่อหลงอนุชิวอี๋ผู้นั้นมากจึงไม่เคยมาหาท่านแม่เลย เด็กหญิงใช้โอกาสนี้แหละกระตุ้นมารดา “ท่านแม่อย่างนั้น” “ท่านพ่อเป็นอย่างนี้” อีเหนียงถูกลูกพูดให้ฟังตลอดเวลา ตอนแรกรู้สึกไม่พอใจตอนที่บุตรสาวเอ่ยปากถึงบิดา แต่นานเข้าก็เริ่มรู้สึกว่าลูกยังเล็กกลับมองเห็นข้อเสีย แบบนี้เขาจะต้องแย่ขนาดไหน สะสมเป็นความผิดหวังและเสียใจที่แต่งงานกับเขา และไม่ใช่เพียงมารดาที่คิดเช่นนั้น หลงเอ๋อร์พี่ชายเองก็คิดไม่ต่างกันซึ่งเป็นผลจากการถูกน้องสาวกล่าวยุให้ฟังทุกวันนั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD