เสียงชัตเตอร์ปลุกให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิด เมื่อคิดจะขยับออกเธอก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถูกสายตาคมกริบของเขาตรึงไว้ราวกับมนต์สะกด
ลมหายใจร้อนรินรดลงบนผิวหน้า ทำให้เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายกำลังพุ่งสูง สวนทางกับสภาพอากาศ เขาล่อลวงให้เธอตกลงพรางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ เมื่อนั้นเดวาถึงพึ่งได้สติ
“เป็นอะไร” รามิลเอ่ยเสียงทุ้มราวกับไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอเหม่ออะไร
“เปล่าสักหน่อย”
“แล้วจ้องเมื่อกี้เจออะไร” เธอกลอกตาก่อนเอ่ยลอดไรฟัน ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแต่ยังรักษาอาการได้เป็นอย่างดี
“เจอคนฉวยโอกาส!”
“อาฮะ จริงเหรอ?” ยังจะมาเลิกคิ้วอะไรอีก!
“ใช่ค่ะ และเขายังจะน่ามึนไม่ยอมถอยอีก”
“เพราะเป็นเธอเลยไม่ถอย” ริมฝีปากของเขาขยับเอื้อนเอ่ย น้ำเสียงแหบพร่าฟังดูยั่วยวนชวนให้ใจสั่น และใบหน้าของเราใกล้กันมาก ริมฝีปากของเขาจึงปัดป่ายแทบจะสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของเธอ ดวงตากลมโตประสานสายตากับนัยน์ตาคมกริบ ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเรามีเพียงลมหายใจขวางกั้น เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอยิ่งร้อนผ่าว
“มีแต่จะต้องขยับเข้าเท่านั้นเอง”
“กูจะอ้วก เบียร์โคตรเลี่ยน” ลูแปงที่เดินมาจากห้องน้ำถึงกับเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นคู่รักกำลังสวีตกันดูน่าหมั่นไส้
“ไม่มีก็หุบปากไป” รามิลหันมาจ้องเพื่อน
“ใจร้ายชะมัด เฮ้อ เมื่อไหร่น้องดาน่าจะตอบตกลงคบกู” เดวาได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ แม้ลูแปงจะพูดเล่นไปเรื่อย แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับน้องเธอจึงไม่ชอบนัก เมื่อคนน่ารักกำลังจะเอ่ยปาก น้องสาวตัวดีอย่างดาน่าก็โพลงขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ลูแปงลองไปเกิดใหม่ดูก่อนนะคะ เผื่อน่าจะพิจารณา”
“ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้ามึง” แบร์หัวเราะลั่น
“เป็นไงไอ้หนุ่มเดือนวิศวะ” อาไกยังเอ่ยเสริมอย่างสมเพช
“น้องเขาแค่เขินกูเว้ย”
“เขินหรือรำคาญ” รามิลยกมุมปากขึ้นทำให้ลูแปงที่เถียงข้าง ๆ คู ๆ เสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะทรุดกายนั่งลง จนกระทั่งทุกคนในโต๊ะสังเกตว่าเสื้อไหมพรมที่เจ้าตัวใส่นั้นเปลี่ยนไป
“นั่นมันน้องลินนี่” และเสียงของเดวาก็ตอบข้อสงสัยให้กับทุกคน เพราะเสื้อที่ลูแปงสวมไม่ใช่ตัวเดิม แต่กลับเป็นทรงคล้าย ๆ กันเพียงแต่ตรงอกเล็ก ๆ มีลายตัวการ์ตูนสีชมพูอ่อน
“น้องลินคืออะไรน้อง” อาไกเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“น้องลินคือ ลินนาเบล เป็นจิ้งจอกสีชมพูค่ะ” ลูแปงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าเหยเกทันที อุตส่าห์ทำหล่อใส่สาว เห็นเขาเอาเสื้อให้แม่งก็ใส่เลยลืมดูว่ามันมีลายมุ้งมิ้งแบบนี้
“ฮ่าฮ่าแล้วไหนบ่นว่าไม่อยากมาที่นี่ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนใจมาชอบแล้วเหรอวะ แต่จะว่าไปลายสีชมพูเข้ากับมึงดีนะ” แบร์เอ่ยไปหัวเราะไป สร้างความอับอายให้ลูแปงเป็นอย่างมาก
“ไอ้สัด กูจะรู้ไหมละเห็นเขาน่ารักแล้วมีน้ำใจ กูเลยใส่แม่ง!”
“เขามีน้ำใจ แต่มึงน่ะคิดอะไรไอ้หูดำ” แม้แต่อาไกยังอดไม่ไหว
“แต่แบบนี้ก็เข้ากับพี่ลูแปงดีนะคะ” ดาน่ายิ้มตาหยี
“น่ารักใช่ไหม?” ลูแปงใจชื้นขึ้นมา
“เปล่าค่ะ พี่ดูเหมือนหมาดี อุ้ย! ไม่ใช่ดูเหมือนจิ้งจอกตัวนั้น” ไม่ว่าเปล่ายังชี้นิ้วไปที่อกเสื้อที่มีรูปจิ้งจอกแสนน่ารัก เป็นการยืนยัน
“ยัยตัวแสบ!”
ท่าทางโมโหและเดือดดาลแต่ทำอะไรไม่ได้ของลูแปง ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา นี่คงเป็นมื้อกลางวันสุดพิลึก แต่กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคน โดยเฉพาะรามิล ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่เด็กตัวเล็กและผู้หญิงเสียส่วนมาก รวมถึงบรรดาตัวการ์ตูนในมาสคอตที่ดูน่ารักแต่ไม่เข้ากับเขาเอาซะเลย
นัยน์ตาคมกริบกวาดมองจนทั่ว ก่อนจะเลื่อนมามองคนข้างกาย ที่กำลังยิ้มมองภาพบรรยากาศตรงไหนอย่างมีความสุข ความน่ารักทั้งหมดมารวมที่เดวาเพียงคนเดียว
ใช่ อย่างน้อยที่นี่ก็มีเธอที่เข้ากับเขาได้ว่าไหม?
“ทุกคนคะ ไหน ๆ เราก็มาแล้วไปถ่ายรูปรวมกันเถอะ” เดวาวางขนมลงก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด เธออยากจะเก็บความทรงจำไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม และถ้ามีคราวหน้าทุกคนอาจจะไม่ได้มารวมตัวกันเหมือนอย่างตอนนี้ เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน คิดแล้วก็รู้สึกใจหายถ้าในอนาคต
หมับ!
“พี่ราม” เธอที่กำลังกังวลเอ่ยเสียงแผ่วเบา เมื่อเขารวบมือของเธอไปกอบกุมไว้แน่น
“มั่วแต่คิดอะไร ไปถ่ายรูปกัน”
“เอ๋?” เธอเอียงคอมองเขาอย่างงงงวย แต่เมื่อรามิลพยักพเยิดไปอีกทาง เดวาจึงเห็นว่าดาน่ากำลังเดินนำทุกคนไปหามุมถ่ายรูป เมื่อเธอโพลงเรื่องเก็บภาพรวมทุกคนก็ตอบตกลง แต่เป็นเดวาเองที่ถามเสร็จก็เข้าสู่ภวังค์ความคิด
“เอ่อ โอเคค่ะไปกันเถอะ” เธอลุกพรวดอย่างรวดเร็วและปรับอารมณ์ นั่นสินะได้มาเที่ยวทั้งทีจะมัวมาคิดถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นมาทำไมกันนะเดวา
“ไว้คราวหน้ามาอีก”
“ค่ะ” ระหว่างทางไปถ่ายรูปเขาก็เอ่ยขึ้นมากลางปล่อง เธอจึงหันมายิ้มหวานก่อนจะตอบตกลง เธอชอบและหวังว่าจะได้มาอีก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เธอก็จะรอ
“ตอนมีลูก ก็จะพาลูกมาอีก” เดวาหันขวับทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ย
“ใครเขาจะมีกับพี่กัน”
“เธอไง ไม่มีโอกาสให้ปฏิเสธหรอกนะ” รามิลดึงเดวาเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม พลางหัวเราะเบา ๆ เขาจะมัดมือชกไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนได้อีก ตลอดชีวิต
“เลิกสวีตแล้วมาถ่ายรูปได้แล้ว” เสียงตะโกนดังลั่นของลูแปง ทำให้ทั้งคู่หันมาอมยิ้มให้กัน เพราะถูกสายตาคาดโทษของคนในกลุ่มมองมาอย่างเอือมระอา
“มาค่าทุกคนมายืนตรงนี้ วิวด้านหลังคือปราสาทพอดีเลย” เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปรวมกลุ่ม ดาน่าก็จัดแจงให้ทุกคนยืนตรงที่มีวิวทิวทัศน์ ฉากหลังคือปราสาทอย่างสวยงาม และยังเป็นมุมยอดฮิตของบรรดานักท่องเที่ยวอีกด้วย
เดวาถูกดันมายืนอยู่ตรงกลางโดยมีดาน่าน้องสาวสุดที่รัก และแฟนหนุ่มอย่างรามิลยืนประกบ ไม่รู้น้องสาวไปดีลคนถ่ายรูปตอนไหน ท่าทางเป็นวัยรุ่นและเป็นคนไทย เห็นดาน่าบอกว่าทั้งคู่มากันหลายคนเลยแบ่งแยกกันไปเดินเที่ยว
“พร้อมนะคะ” หญิงสาวในชุดกันหนาวน่ารักเอ่ยปากถาม ก่อนที่จะกดรัวชัตเตอร์ เมื่อพวกเราจัดแจงท่าทางกันเรียบร้อย แต่อยู่ดี ๆ รามิลก็เดินแยกตัวออกไปหาหญิงสาวที่เป็นตากล้องและเพื่อน
“นั่นพี่รามจะทำอะไรน่ะ”
“คอยดูสิ” ดาน่ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางกระทุ้งศอกใส่สีข้าง
รามิลเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนข้างคนถือกล้อง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างจนรายนั้นเบิกตากว้าง และเขาก็หยิบเอาลูกโป่งจากมือของหญิงสาวคนนั้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินกลับมาหาพวกเรา ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งเสียยิ่งกว่ารูปปั้น จนกระทั่งรามิลหยุดยืนตรงหน้าเธอ
“เอาไปสิ”
“นี่มันของคนอื่นนะคะ” เธอตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยอย่างเกรงใจพลางมองไปยังหญิงสาวคนนั้น
“ถือไว้มันเป็นของเธอแล้ว” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยัดเชือกที่จับลูกโป่งใส่มือของเธอ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามายืนขนาบข้างด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีวี่แววว่าจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม
แต่เมื่อเห็นเจ้าของลูกโป่งคนเดิมยิ้มหวานมาให้ เดวาจึงยิ้มกลับก่อนจะพับเก็บความสงสัยไว้ และเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ขอบคุณนะคะสำหรับลูกโป่ง ถ้าพี่รามน่ารักคราวหน้าเราจะได้มาอีกแน่นอนค่ะ” เอาเถอะคิดว่าเขาคงไม่น่ามึนแย่งลูกโป่งใครมาหรอก เธอจึงเอ่ยปากขอบคุณอย่างไม่อิดออด
“!!”
แต่รามิลที่ได้ยินอย่างนั้นกลับทำหน้าไม่สบอารมณ์ทันที อะไรคือน่ารัก เขาทำแบบนั้นเป็นที่ไหนกัน จึงยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะเล็กแล้วโยกเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตากล้องจำเป็นกดถ่ายภาพ ‘แชะ’ !
นอกจากภาพถ่ายแล้วเธอเองก็จะเก็บเรื่องราวในทริปนี้ไว้ในความทรงจำ อย่างน้อยมันก็ถือว่าเป็นทริปแรกของจุดเริ่มต้นในฐานะแฟน เป็นทริปที่สานความสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้น และยังได้ทำความรู้จักเพื่อนในกลุ่มของเขาอีกด้วย ส่วนรูปภาพน่ะเหรอ ก็เอาไว้ให้เด็ก ๆ ในอนาคตดูว่านี่คือหลักฐานคำสัญญาที่พ่อกับแม่เคยพูดไว้ว่าในอนาคต พวกเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง