เรื่องราวความรักของ เดวา นักศึกษาแพทย์ปี 2 กับ รามิล นักศึกษาวิศวกรรมโยธาปี 4
มหา'ลัยคิงเวลล์ เป็นรุ่นลูกของเซตหนุ่มฮอต พ่อของเดวา คือ วาโย จากเรื่อง Dangerousพ่ายรักตัวร้าย
.
.
.
รามิล Say :
ชีวิตในช่วงนี้มีแฟนก็เหมือนไม่มี เดวายังคงอาศัยอยู่กับน้องสาว และต้องการขับรถมามหา’ลัยเอง ทั้งที่ผมอาสาจะขับยังชวนกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่เธอกลับอ้างว่ายังไม่พร้อมที่จะย้ายกลับมาอยู่เต็มตัว แม้ใจอยากจะบับบังคับกลับมามากแค่ไหน สุดท้ายผมก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น
“ไอ้รามเหมือนไม่เอาปากมา เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์อิจฉาคนมีแฟนเลยเว้ย” อาไกโพลงขึ้นมากลางปล่องเมื่อเพื่อนไม่ยอมสนใจทั้งที่นัดออกมาดื่มด้วยกันในคืนวันศุกร์ที่ร้านเหล้าแถวมหา’ลัย ซึ่งเป็นร้านประจำของบรรดานักศึกษาวิศวะอย่างพวกเขา
“เออเว้ยเห็นคืนดีกับเมียแล้วนี่หว่า?” แบร์เลิกคิ้วพลางยกมุมปาก
ส่วนลูแปงก็เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างช้ำใจอยู่ลึก รามเพียงปรายตามองแต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ไม่นานเดียวลูแปงก็จะดีขึ้นเอง มันเหมือนความรู้บาง ๆ ที่ถูกจุดขึ้นยังไม่มีการสานสัมพันธ์อะไรกัน ตอนนี้แผลยังสดใหม่แต่เชื่อว่านานไปคงหายดี
“เออนั่นสิแล้วมานั่งหน้าบูดอะไรวะ มาชน ๆ”
“ชนเว้ยฉลอง”
“ฉลองอะไร” ลูแปงที่คันปากอยากคุยกับเพื่อนถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นอาไกกระตือรือร้นโดยมีแบร์เอ่ยสมทบ
“ฉลองที่เพื่อนมีเมีย” อาไกตอบ
“มันก็มีนานแล้วนะ?” รามได้ยินอย่างนั้นก็แค่นหัวเราะทันที ใช่ถ้านับจากวันแรกจนวันนี้ก็สองปีกว่าแล้ว แต่ถ้าเป็นเมียจริง ๆ ก็…เขากำลังนึกถึงวันนั้นที่ลงมือกลืนกินเดวาไปทั้งตัว เพราะเจอกันบังเอิญที่ห้าง และเห็นสายตาผู้ชายที่มองเธอ วันนั้นเขาค่อนข้างเซนซิทีฟมากเป็นพิเศษ ไม่อาจทนสายตาของคนอื่นที่มองเธอได้
“เออแต่มันซุกไว้” แบร์เอ่ยเสริมทัพ
“ซุกนานแล้วงั้นเหรอ!” เสียงเข้มของใครบางคนกลับโพล่งขึ้นมา ทำให้พวกเราทั้งโต๊ะหันไปมอง ห่างออกไปสองสามโต๊ะมีชายวัยกลางคนสี่ห้าคนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ แต่ละคนใบหน้าขึงขังเหมือนพร้อมจะไปรบที่ไหน ทำให้รามที่เหลือบมองหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด แต่เป็นลูแปงที่ปากไวเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“อะไรลุงเมาก็กลับไปนอนกกเมียที่บ้าน”
กลุ่มชายวัยกลางคนชะงักกึก เมื่อได้ยินชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความห้าวเอ่ยออกมาราวกับรำคาญเสียเต็มประดา รามิลเห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจพลางยกเบียร์ขึ้นมาจิบ แต่เพราะบรรยากาศราวกับอยู่ในนรก มันอึดอัดเพราะสายตาของโต๊ะนั้นทำให้เขาล่ะสายตาออกจากแก้วเหล้า พลางเสยผมขึ้นอย่างลวก ๆ
“วันนี้อารมณ์ดีไม่อยากมีปัญหากับพวกแก่จนจะลงโลง” รามิลไม่ใช่คนช่างพูด แต่เพราะท่าทางของชายวัยกลางคนทำให้เขาเอ่ยออกมาเสียงเย็น ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งไม่มีความรู้สึกสงสารเห็นใจ หรือต้องมีมารยาทใดใดทั้งนั้น
“นี่มึงแช่งกู?” ชายวัยกลางคนตบโต๊ะเสียงดังปัง! จนทุกคนต่างตกอกตกใจไปตาม ๆ กัน รามิลเห็นอย่างนั้นก็ยืดตัวขึ้นนั่งตรง พลางจับจ้องมองชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา
คนที่ทำตัวมีปัญหากับพวกเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ผมสั้นถูกจัดทรงมาอย่างดี เหมือนกับผู้บริหารบริษัทใหญ่ เมื่อชายวัยกลางคนยืนขึ้นเต็มความสูงและเดินตรงมายังโต๊ะของพวกเขา ทำให้รามิลที่จ้องมองอย่างดุดันถึงกับขมวดคิ้ว
‘หน้าตาคุ้น ๆ’