Eden Condo In BKK
21.45 น.
“อย่าพึ่งกลับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมา เมื่อเห็นเดวาเหลือบตามองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง และแน่นอนว่าวันนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับไป
“แต่ดาน่าส่งข้อความมาถามรัว ๆ เลยนะคะ”
เธอหันไปตอบเขาตาใส ก่อนจะหันหน้าจอให้เขาดูว่ามีข้อความของน้องสาวส่งเข้ามาติดต่อกันทุกนาที ทำเอารามิลได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่สบอารมณ์ ทำไมเด็กนั้นไม่เข้านอนไปซะ
“พี่ยังไม่ได้ทำแผลเลย”
รามิลเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้เดวาฉุกคิดได้ว่าหลังจากทั้งคู่ออกไปหาอะไรกินกันก็ค่ำเสียแล้ว เมื่อมาถึงห้องเขาก็ชวนดูหนังจนจบ แต่เธอในฐานะนักศึกษาแพทย์ก็ลืมไปเลยว่าเขาต้องกินยา และทำแผลที่หน้าผาก
“เดไปเอาอุปกรณ์ให้นะคะ”
“เดินไปฝั่งซ้ายแล้วเลี้ยวขวาจะเป็นห้องครัว” เขาเอ่ยพลางพยักพเยิดบอกทาง เพราะหลังจากกลับมาคืนดีกันนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่คอนโดของเขา
“จะเดินนาน ๆ ก็ได้นะ”
“ไม่เอาเดี๋ยวพี่เลยเวลากินยา” กว่ายาจะออกฤทธิ์ก็ตั้งหลายชั่วโมง ไหนจะต้องทำแผลให้อีก
“ไม่เป็นไรเธอจะได้ชินกับมัน เพราะยังไงก็ต้องมาบ่อย” เขาตอบหน้าตาย ทำให้เธอหรี่ตามองเพื่อหาทางจับผิดในน้ำเสียง เพราะเขาเหมือนจะพยายามถ่วงเวลา หรือเธอคิดมากไปเอง
“ค่ะ แต่จะพยายามไม่นานก็แล้วกันนะคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของรามิลยังเรียบเฉย ขณะที่เขาเบนสายตากลับไปมองยังจอ เดวาจึงสลัดความคิดเหล่านั้นไปก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปเอาอุปกรณ์ทำแผล
“มาค่ะ เดี๋ยวเดทำให้และจะพยายามเบามือที่สุด” นักศึกษาแพทย์ทำท่ากระตือรือร้น ก่อนจะวางกล่องอุปกรณ์ทำแผลลงบนโต๊ะ และค่อย ๆ จัดวางเครื่องไม้เครื่องมือและน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
รามิลที่มองเดวาอยู่ตลอดยกมุมปากขึ้น เธอดูสดใสและมีชีวิตชีวามากเมื่อได้ทำอะไรแบบนี้
“สงสัยต้องหาเรื่องเจ็บตัวเพื่อให้เธอได้มีประสบการณ์แล้วแหละ”
เพียะ!
“โอ๊ย” รามิลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกเธอฟาดเข้าที่ต้นแขน
“แค่นี้ยังเจ็บไม่พออีกเหรอคะ ไม่ต้องหาเรื่องก็มีเรื่องมาหาตลอดพี่น่ะ อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นหรือยังไงทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วย นี่จะบอกให้นะถ้าหน้าเสียโฉมอีกจะทิ้งพี่แล้ว”
“เฮ้ย!”
เดวาร่ายยาวเหยียดพลางเช็ดทำความสะอาดแผลให้เขา และในครั้งสุดท้ายกลับกดสำลีลงมาอย่างแรง พลางเอ่ยอย่างดุดันและจริงจัง ทำเอาเขาเผลออุทานออกมาทันที ไอ้เจ็บน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คำพูดของเดวาที่ว่าจะทิ้งนี่คืออะไรวะ
“พูดดี ๆ ดิ” รามิลใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างหัวเสีย
“เดบอกว่าจะทิ้งพี่ถ้าทำหน้าเสียโฉม อร้าย”ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค ร่างบางก็ถูกมือหนากระชากเข้าหาตัวเสียแล้ว
“ยัยคนปากดีอย่าคิดพูดแบบนี้อีกเชียว” รามิลเอ่ยลอดไรฟัน
“ช่วยไม่ได้พี่มันคนชอบสร้างเรื่อง” ขณะที่ถูกแขนแกร่งกอดรัดไว้แน่น เดวาก็เงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง และยังเค้นคำพูดออกมาอย่างท้าทาย รามิลเห็นอย่างนั้นดวงตาก็เฉียบคมก่อนจะยกมุมปากขึ้น
“หึ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ชอบสร้างเรื่องเหมือนกัน”
“นี่อย่ามาโบ้ยเดนะ” เธอเม้มปากแน่นถลึงตาใส่เขา อยู่ดี ๆ จะหาเพื่อนร่วมชะตาเสียได้ ทั้งที่เธอกำลังบ่นเขาอยู่ ก่อนใบหน้าจะบิดเบี้ยวเมื่อมือหนายื่นออกมาจับปลายคางเรียวให้เชิดขึ้น
“เธอสร้างเรื่องจริง ๆ ด้วย”
“ไม่จริง” เธอออกจะใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังไม่ทะเลาะกับใคร เขาน่ะสิหาเรื่องได้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่เอาเถอะเรื่องเรียนไม่มีปัญหา ส่วนความเจ้าอารมณ์ก็เหมือนจะเบาลง แค่เหมือนนะ
“จริงสิ”
น้ำเสียงของเขากดลึกทำให้เธอเสียวสันหลังแปลก ๆ นัยน์ตาคมกริบจ้องมองมา ราวกับจะดูดกลืนให้เธอ ไม่อาจถอนตัวออกไปได้ ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจเคลื่อนเข้ามาใกล้ จนกระทั่งลมหายใจร้อนปะทะผิวแก้ม
“พี่รามอื้อ~”
คำพูดของเธอถูกกลืนหาย เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาและ อ้างับกลีบปากนุ่มนิ่มอย่างแรง อาศัยจังหวะที่เธอเผยอปากสอดลิ้นร้อนเข้ามาควานหา ความหวานในโพรงปากอย่างช่ำชอง
รามิลครางในลำคออย่างพอใจเมื่อเขากดท้ายทอยของเธอเข้ามาแนบชิด และเดวาก็ไม่ยอมน้อยหน้า เธอพยายามส่งลิ้นเล็ก ๆ เข้ามาเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับลิ้นของเขาอย่างท้าทาย
ทั้งสองร่างบดจูบอย่างโหยหาพลางโอบกอด ลูบไล้กันอย่างเร่าร้อน จนกระทั่งร่างสูงอุ้มร่างบางขึ้นมาและเดินตรงไปยังในห้องนอน เดวายกแขนขึ้นคล้องลำคอแกร่งไว้แน่น ในขณะที่ขาเรียวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบ ทำให้กลางกายของทั้งคู่แนบชิดกันจนแทบไร้ซึ่งช่องว่าง
“เฮือก”
ระหว่างที่รามิลถอนจูบออกมา เขาก็กระชากเสื้อของตัวเองทิ้งลงข้างเตียง จนร่างกายเหลือเพียงกางเกงยีนสีซีดตัวเดียว เขาเคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมทับร่างบางพลางกวาดสายตามองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาร้อนแรง
“รู้ยังว่าตัวเองสร้างเรื่องยังไง”
น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาซุกไซ้เข้าที่ซอกคอขาวผ่อง ราวกับราชสีห์ตะปบเหยื่อตัวน้อย เขาทำตัวใจเย็นและรอคอยเวลา จนกระทั่งเธอเผลอเขาก็ปิดทางรอดนั่นเสียแล้ว
“อื้อ~เจ้าเล่ห์”
เดวาเอ่ยเสียงกระเส่า พลางเชิดหน้าขึ้นหลบหลีกริมฝีปากร้อน ที่งับลงมาบนผิวอ่อนนุ่มของซอกคอ จนเธอสะดุ้งตกใจและเสียวซ่านไปในคราวเดียวกัน
ร่างบางดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างของเขา จนชายกระโปรงเลิกขึ้นมาจนถึงโคนขา นั่นยิ่งทำให้เรือนร่างของเราแนบชิดกัน ทุกครั้งที่เราขยับ ร่างกายก็จะถูไถเสียดสีกันไปมาราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
“หืม ใส่เสื้อซับในด้วยเหรอ?”
ริมฝีปากร้อนงับกระดุมเสื้อเม็ดเล็ก เขาต้องแปลกใจเพราะคิดว่าเมื่อปลอกเปลือกของเธอออกแล้ว จะต้องเจอความอวบอิ่มนุ่มหยุ่นที่โหยหา แต่กลับพบว่ามันมีเสื้อสายเดี่ยวอีกชั้น
“ใช่ค่ะ เพราะวันนี้ใส่เสื้อของดาน่ามันค่อนข้างบาง”
“อ๋อ”
เขาแค่ขานรับในลำคอไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรต่อ ตอนนี้มีเพียงแค่เขาและเธอ ไม่อยากจะเอ่ยถึงคนอื่น เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักแดงระเรื่อ รามิลจึงอยากจะกลั่นแกล้งคนตัวเล็ก
“อ๊ะพี่ราม”
เดวาไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกเขาพลิกลงไปนอนราบบนเตียง และรั้งร่างของเธอขึ้นมานั่งคร่อม อยู่บนตัวของเขาเสียแล้ว
“ไม่อยากลองปลดมันเองเหรอ ชอบสร้างเรื่องนักนี่”
ร่างสูงเอ่ยเสียงแหบพร่า พลางปรายตามองไปยังขอบกางเกงยีนสีซีด เป็นเชิงบอกใบ้ให้เธอจัดการอย่างต้องการได้เลย ท่าทางสีหน้าของเขาดูแบดบอยมากจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ ก่อนจะยื่นมือหนาออกมา และวางแนบแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วเกลี่ยผิวเนื้อเนียนอย่างเชื่องช้า แต่แฝงความเย้ายวนชวนให้ใจดวงน้อยสั่นไหว …งานถนัดเขาจริง ๆ
“อะไรกัน นี่เธอหลงเสน่ห์พี่อีกแล้วเหรอ?”
“คนบ้า!”
เพราะเสียงหัวเราะในลำคออย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ทำให้เดวาได้สติและหลุดออกจากภวังค์ ใบหน้าน่ารักบิดเบี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเลื่อนมือลงมาวางแนบหน้าท้องแกร่ง
“แล้วพี่จะได้รู้ว่าตัวเองต่างหาก หลงเสน่ห์เด” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะประสานสายตากับเขาอย่างไม่ยินยอม รามิลเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะ และเลื่อนมือหนามากอบกุมมือบางของเดวาไว้ พลางเลื่อนมันลงต่ำไปเรื่อย ๆ
“ก็ต้องลองดู” รามิลเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนจะยกยิ้ม เมื่อเดวาขยับเลื่อนตัวลงมานั่งบนต้นขาของเขา พลางปลดกระดุมและซิปกางเกงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมือบางล้วงเอาบางสิ่งออกมา
“พี่รามคิดว่าตัวเองจะชนะไหมคะ?” ความร้อนรุ่มแข็งขืนทำให้เธอต้องกักเก็บความตื่นตระหนกไว้ แล้วปั้นรอยยิ้มหวาน
“เธออยากได้คำตอบแบบไหน”
“แล้วพี่คิดว่ายังไงล่ะ?” ร่างบางตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มหวานของเธอราวกับน้ำผึ้ง แต่เมื่อใบหน้าน่ารักค่อย ๆก้มลงและใช้ริมฝีปากครอบครองความแข็งขืน นั่นแหละคือยาพิษที่แท้จริง
“อ่าส์ ก็จะลองให้เธอชนะดูก็ได้” รามิลหลุบตามองร่างบางที่ใจกล้าคร่อมเหนือร่างของเขา และใช้ริมฝีปากนุ่มนิ่ม ดูดกลืนแก่นกายแข็งร้อนอย่างเชื่องช้า มือบางทั้งข้างโอบประคองท่อนลำและอ้าปากครอบครองพลางใช้ลิ้นเล็ก ๆ ตวัดเลีย
“เธอนี่มัน” เขาเว้นจังหวะไว้อย่างนั้น ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะเล็กเบา ๆ จนกระทั่งเธอครอบครองท่อนลำจนเกือบจะสุด รามิลจึงกดศีรษะเล็กลงไปและกระทุ้งท่อนลำเข้าใส่อย่างแรง
“อื้อ~”
“อมดี ๆ” เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะขยับศีรษะเล็กเข้าออกอย่างเชื่องช้า เพื่อให้เธอทำตามได้อย่างคล่องแคล่ว
ลิ้นเล็ก ๆ ลากตั้งแต่ส่วนโคนขึ้นมาจนถึงปลาย และละเลงตรงส่วนหัวเน้นหนักเป็นพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณทำเอาเขาเสียวจนแทบทนไม่ไหว
“พอแล้ว”
“ไม่เอา” เธอยังเล่นไม่พอเลยนะ เดวาขมวดคิ้วพลางสบถกับตัวเองในใจ โทษฐานที่เขากดหัวเธอกระแทกอย่างหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เดวาจึงตั้งใจทั้งอมและเลียเป็นพิเศษจนรับรู้ได้ถึงอาการเกร็งของเขา
“อย่ามาดื้อ”
“อร้าย”
ยังไม่ทันที่ศีรษะเล็กจะได้โน้มลงไปอีก รามิลก็กัดฟันแน่นก่อนจะเหวี่ยงร่างบางลงไปนอนราบ ส่วนเขาก็ขึ้นคร่อมเธออย่างรวดเร็ว รอยยิ้มที่แสนอันตรายทำให้หัวใจของเธอเต้นโครมคราม ตื่นตระหนกและน่าค้นหาไปในคราวเดียวกัน
“วันนี้ยังไงก็ให้เธอชนะ ดีไหม?”
“จริงเหรอคะ”
“อืม” เขาเอ่ยในลำคอด้วยแววตาจริงจัง และรอยยิ้มแสนอันตรายก็ค่อย ๆเคลื่อนเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับพายุอารมณ์อันแสนร้อนแรงที่เขาและเธอร่วมกันจุดไปด้วยกัน
เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอย่างหนัก แต่ไม่อาจกลบความร้อนรุ่มในกายของคนทั้งคู่ลงได้ เรือนร่างกำยำขยับเคลื่อนกาย กระแทกกระทั้นอยู่เหนือร่างบางอย่างเร่าร้อน และดิบเถื่อนมือหนาปัดป่ายไปตามผิวอ่อนนุ่มจนขึ้นรอยนิ้วสีแดง และรอยกุหลาบที่ถูกริมฝีปากของเขาตีตราจองไว้อย่างกระหาย ทุกสัมผัสของเขาราวกับจะตอกย้ำสายสัมพันธ์ส่วนลึก
“พี่รักเธอ”
เสียงกระซิบแหบพร่า สร้างคลื่นอารมณ์ให้เธออย่างมหาศาล เมื่อเขาเร่งจังหวะกระแทกแก่นกาย เข้าสู่ร่องสวาทรัวเร็วราวพายุ เสียงหอบหายใจผสานเสียงครางกระเส่ายิ่งเพิ่มไฟราคะในใจให้โหมกระหน่ำ มือหนาจับร่างบางไว้และตอกตรึงสัมผัสอันแสนเร่าร้อนอย่างแนบแน่น กระซิบความรู้สึกแผ่วเบาผ่านเกมรัก ที่เขายอมให้ยกเธอเป็นผู้ชนะตั้งแต่เริ่มเกม