ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่บรรยากาศในบ้านมันช่างดูอึมครึมสำหรับเธอ ความรู้สึกของการไม่เป็นส่วนหนึ่ง ถูกทอดทิ้ง จนกระทั่งเหมือนตัวอะไรสักอย่างสำหรับพวกเขา
“วันนี้ทำอะไรกินล่ะเฌอ” พ่อเลี้ยงเปิดบทสนทนาบนโต๊ะอาหารมื้อเช้า ซึ่งเป็นเมนูอาหารเช้าแบบฝรั่งที่เขาเห็นอยู่แล้ว
“วันนี้เป็นแพนเค้กค่ะ คุณพ่ออยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ”
“ไม่หรอก นั่งด้วยกันก่อนสิ” เธอเดาไม่ผิดเลยว่าโรเบิร์ตต้องมีเรื่องอยากพูดคุยกับเธอ ปกติแล้วเฌอมาวีร์จะไม่ค่อยรับประทานมื้อเช้าพร้อมทุกคน เพราะเธอไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน จัดมื้อเช้าให้ทุกคนเสร็จก็อาจจะนั่งคุย หรือไปทำงานของตัวเองต่อ แล้วค่อยทำอะไรกินตอนสายๆ พ่อกับแม่อยากให้เธอดูแลบ้าน ที่ตอนนี้ไม่ได้จ้างแม่บ้านประจำ แต่จะมีมาทำความสะอาดบ้านสัปดาห์ละครั้ง เฌอมาวีร์เลยกลายเป็นแม่ครัวของบ้านและดูแลความเรียบร้อยในระหว่างสัปดาห์นั้นไปโดยปริยาย และใช้เวลาว่างระหว่างวันทำขนมขายออนไลน์
“ตอนเช้าพ่อไม่ค่อยเท่าไหร่อยู่แล้ว จะว่าไปก็ตั้งแต่เราหัดทำอาหารนะ ที่พ่อรู้สึกว่าจะกินมื้อเช้าที่บ้านทุกวัน” หันไปยิ้มให้ภรรยาตัวเอง
“เฌอทำอาหารเก่งกว่าฉันมากเลยใช่ไหมคะ” ทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงานที่บริษัทของพริษฐ์ทั้งคู่ จากที่ตอนเริ่มใช้ชีวิตคู่กันใหม่ๆ แม่เป็นแม่บ้านเต็มตัว โรเบิร์ตสามารถดูแลแม่กับเธอได้ แต่ดูเหมือนว่าแม่จะไม่ได้ชอบการใช้ชีวิตที่ต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เลยเลือกที่จะออกไปทำงานในที่สุด
“นิดเดียวเท่านั้นแหละ” โรเบิร์ตพูดด้วยท่าทีที่หยอกล้อผู้เป็นภรรยา มองด้วยสายตาที่เฌอมาวีร์รู้สึกว่าเขารักแม่มาก...และความรักนั้นก็เผื่อแผ่มาถึงเธอในวัยเด็ก ต่างจากตอนนี้ที่เธอรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ...อย่าว่าแต่ความรักความเอ็นดูของโรเบิร์ตเลย แม้แต่แม่ เฌอมาวีร์ก็ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายเห็นเธอเป็นลูกแค่ไหน
“เฌอทำอาหารเก่งก็ดีแล้ว พ่อคิดว่าคุณพร้อมน่าจะชอบ ถือว่าช่วยครอบครัวเรานะเฌอ ทำให้เขาชอบเหมือนที่เขาชอบเมให้ได้”
นั่นคือจุดประสงค์ที่พ่อเลี้ยงชวนเธอให้อยู่บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าด้วยกันสินะ มันข่มขื่นในใจ ทั้งสมเพชตัวเองที่เหมือนเป็นสิ่งของที่พวกเขาใช้แลกกับสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ทั้งเจ็บปวดเมื่อคิดว่านอกจากจะเป็นสิ่งของแล้วยังเป็นได้แค่ของลอกเลียนแบบ...ที่ไม่รู้ว่าพริษฐ์จะยอมรับเธอแค่ไหน
“เห็นคุณสุดาบอกว่าคุณพร้อมจะมารับเฌอไปดูชุดแต่งงานใหม่เหรอลูก”
“ค่ะ พี่พร้อมบอกจะมารับตอนบ่าย”
“เขาตั้งใจพาไปดูเองแบบนี้ แสดงว่าก็คงไม่ได้ไม่พอใจอะไรเฌอมากมายหรอก” สีหน้าของแม่ดูโล่งใจ เหมือนเชื่อแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่คำปลอบใจ แต่เฌอมาวีร์เดาความคิดแม่ไม่ออกหรอก ได้แต่ฝืนยิ้มจางๆ ตอบ แม้จะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วพริษฐ์ไม่พอใจเธอมากแค่ไหน
นึกสะท้อนใจที่ตัวเองต้องมาทำในสิ่งที่ดูไร้ศักดิ์ศรีเพื่อครอบครัว...ที่ไม่รู้ว่ามองเห็นเธอเป็นคนในครอบมากน้อยแค่ไหน มีหลายครั้งที่อยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้...แต่ไม่เคยกล้าพอ เธอไม่มีที่ไป ถึงจะเป็นครอบครัวที่ตัวเองรู้สึกไร้ตัวตน แต่เธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว
พริษฐ์มารับเธอที่บ้านตอนบ่ายสามโมง เขาเอารถมาจอดเทียบหน้าบ้าน โดยไม่ลงมาจากรถ เฌอมาวีร์เลยเดินไปหาเขาที่รถ พร้อมกระเป๋าสะพายอย่างเตรียมพร้อมถ้าเขาจะพาเธอไปทำธุระเลย โดยไม่แวะเข้าบ้าน
พริษฐ์ลดกระจกลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมาหยุดยืนอยู่ข้างรถ ไม่ได้ถือวิสาสะเปิดประตูขึ้นมาเอง
“ขึ้นมาสิ”
“เอ่อ ค่ะ” พอเขาบอกนั่นแหละเจ้าตัวถึงขึ้นมานั่งด้วยกัน เธอยังมีอาการกล้าๆ กลัวๆ ทำตัวไม่ถูก
“พี่พร้อม สวัสดีค่ะ” แต่ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ไหว้เขา พริษฐ์ออกรถ ไม่ได้รับไหว้หรือทักทายกลับ หรือแม้แต่จะแสดงอาการตอบรับใดๆ เฌอมาวีร์รู้สึกว่ารถมันเงียบจนทำให้อากาศภายในรถเหมือนจะลดลงเรื่อยๆ
“วันนี้ไม่มีขนมอะไรมาฝากพี่เหรอ” จนเขาเอ่ยถามด้วยประโยคชวนงงก็ถึงดึงตัวเองออกมาจากอาการประหม่าได้บ้าง เอียงหน้ามองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อจำได้ว่าปกติเธอมักจะมีขนมฝากเขาเสมอเวลาที่อีกฝ่ายมาบ้าน
“เอ่อ ขอโทษนะคะพี่พร้อม เฌอไม่คิดว่าพี่พร้อมจะอยากกินขนม” แล้วก็ทำให้รีบอธิบายกับเขาด้วยความร้อนรน แต่ก็ยิ่งดูไม่เข้าท่า แหงล่ะ ใครจะไปคิดว่าเขาจะมีอารมณ์อยากมากินขนมที่เธอทำฝาก แต่พอบอกเหตุผลออกไปก็รีบหุบปาก แล้วทำตัวให้ลีบที่สุด
“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะไม่อยากกินล่ะ” แต่พริษฐ์ก็ยังทำมาเป็นถามเหตุผลอีก ทั้งๆ ที่เขาน่าจะรู้ทั้งรู้ ก็เธอคิดว่าเขาเกลียดเธอไปแล้ว จะสนใจอะไรกับขนมของเธอที่เคยทำให้ชิมประจำ
“ก็ พี่พร้อมน่าจะยุ่ง”
“เกี่ยวอะไรกับพี่ยุ่งไม่ยุ่ง” พริษฐ์ยังต่อปากต่อคำกับเธอ เฌอมาวีร์สูดลมหายใจให้ลึก อยากพูดไปเลยเหมือนกันว่าเพราะคิดว่าเขาจะเกลียดเธอจนกลืนขนมที่เธอทำไม่ลงแล้ว ถึงไม่กล้าหยิบมาฝาก
“ขอโทษที่เฌอลืมนะคะ ตอนพี่พร้อมมาส่งเฌอที่บ้าน เดี๋ยวเฌอดูอีกทีว่ามีขนมอะไร”
“ไม่ต้อง ไม่ได้อยากกินอะไรขนาดนั้น” เห็นไหมล่ะ ก็ไม่ได้อยากกินจริงๆ ขณะที่พริษฐ์ซึ่งตั้งใจหาเรื่องอีกคนพอเจ้าตัวให้เหตุผลแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย...คิดยังไงจะเอาขนมเหลือมาให้เขา ไม่ตั้งใจทำไว้ให้แต่แรกก็ไม่ต้องเอามา
“พี่ไม่อยากกินของเหลือนะเฌอ” แล้วก็พูดออกมาจริงๆ เฌอมาวีร์เลิกคิ้วขึ้น หันไปมองหน้าตึงๆ ของคนข้างๆ พลางตั้งคำถามในใจว่าเขางอนอย่างนั้นเหรอ...บ้าน่า พริษฐ์จะมารู้สึกอะไรแบบนั้นกับเธอเล่า
“วันหลังเฌอทำให้ใหม่ค่ะ พี่พร้อมอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ขนมก็ได้ หรือจะอะไรก็ได้ เดี๋ยวเฌอทำใส่กล่องให้” นอกจากขนมแล้วบางครั้งเฌอมาวีร์ก็อาจจะมีเมนูอื่นฝากเขา นอกจากจะรับทำขนมส่งร้านแล้ว บางครั้งก็รับทำเบรก ทำข้าวกล่อง แต่หลังๆ มาทำไม่ไหวเพราะไม่มีลูกมือ
พริษฐ์ทำเป็นเมินคำถามนั้นของเธอ รอให้เวลาผ่านไปสักระยะถึงชวนเธอคุย
“เธอทำขนมอะไรขายบ้างล่ะ”
“ตอนนี้ทำเค้กกล้วยหอมกับคุกกี้ส่งร้านค่ะ แล้วก็รับทำเค้กตามสั่ง”
“แค่นี้เหรอ เหมือนสองสามปีก่อนพี่เห็นเธอเปิดขายเบเกอรี่ ขายอะไรเยอะแยะ” ถึงแม้ว่าช่วงนั้นจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พอมีโอกาสได้เจอปีละครั้งสองครั้งก็ได้พูดคุยถามไถ่กันบ้าง จนเขารู้ว่าเธอมีธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง เคยส่องเพจร้านเธอบ้าง ก็ดูน่าจะขายดี
“เมื่อก่อนเฌอมีหน้าร้านเล็กๆ มีลูกมือช่วยทำ เอ่อ ก็พี่อ้อนกับป้าอุ้มนั่นแหละค่ะ” ถึงแม้ว่าพ่อเลี้ยงจะไม่ได้ซัปพอร์ตเธอเต็มที่เหมือนตอนที่คบหากับแม่ใหม่ๆ แต่ก็ยอมลงทุนให้เธอทำขนมขายอยู่บ้าน
“บ้านหลังเล็กๆ สีขาวน่ะนะ”
“ใช่ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ขายออนไลน์ดีกว่า ก็เน้นขายส่ง มีพี่อ้อนกับป้าอุ้มมาช่วยกันมันก็พอไหว แต่พอสองคนนั้นไม่อยู่ เฌอก็เลยทำแค่สองอย่างเป็นหลัก มีร้านประจำรับไปขาย ที่เหลือก็พอรับทำเค้กได้บ้าง หรือจัดเบรกจัดอาหารกล่องในจำนวนที่ไม่เยอะมากได้”
พริษฐ์นั่งฟังเงียบๆ จำได้ว่าเมื่อก่อนบ้านเธอมีแม่บ้าน แต่หลังๆ เวลามาหาเมธาวี ก็มีแค่เฌอมาวีร์ที่ช่วยหาข้าวหาน้ำให้กิน
“แล้วแม่บ้านคนอื่นเขาทำช่วยไม่ได้เหรอ”
“ที่บ้านไม่มีแม่บ้านประจำแล้วค่ะ จะจ้างมาทำความสะอาดบ้านแค่วันเสาร์อาทิตย์” ความจริงแล้วเธออยากจะขอให้สองแม่ลูกอยู่ช่วยต่อ เสนอจ่ายค่าจ้างให้เอง เพราะเธอก็พอขายขนมได้ แต่พ่อกับแม่ก็ตัดสินใจที่จะเลิกจ้างไปเลย
พริษฐ์ได้ยินดังนั้นก็พอนึกภาพออก นอกจากจะไม่มีลูกมือแล้ว เฌอมาวีร์เองก็อาจจะมีภาระภายในบ้านมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็อาจจะต้องเข้าครัว เพราะเวลาเขามากินข้าวเย็นบ้านเธอ ก็เห็นว่าเธอเข้าครัวคนเดียวประจำ
ความทรงจำในวัยเด็กค่อยๆ ไหลย้อนคืน จากเด็กหญิงที่สดใสน่ารัก กลายเป็นเด็กสาวที่แม้แต่รอยยิ้มก็ยังดูอมทุกข์ และเป็นหญิงสาวที่ดูไม่ค่อยมีปากมีเสียงในวันนี้
ตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาอาจจะหลงลืมความสงสัยในวัยเด็กไปแล้วเพราะมันก็นานที่เธอหายไปจากวงโคจรของชีวิต พริษฐ์แค่คิดว่าเฌอมาวีร์อาจจะแค่เป็นผู้หญิงเรียบร้อย ชอบทำงานบ้าน แต่จากเหตุการณ์เมื่อวานที่พ่อเลี้ยงกับแม่อยากให้เธอแต่งงานแทนน้องสาวเพื่อที่จะชดใช้ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ แล้วพ่อเลี้ยงเธอยังพูดเหมือนยกเธอให้เขาเพื่อชดใช้เงินสิบล้าน พริษฐ์ก็เริ่มจินตนาการถึงความสัมพันธ์ในบ้านเธอว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูเฌอมาวีร์มาแบบไหน