เจ้าสาวตัวแทน

1951 Words
“ถ้าคุณพร้อมไม่ติดอะไร ผมเชื่อว่าเฌอจะเป็นภรรยาที่ดี” เป็นประโยคที่พ่อเลี้ยงเธอช่างกล้าที่จะบอกกับเขา ทำให้ เฌอมาวีร์ยิ่งไม่กล้าจะสู้หน้าอีกฝ่ายเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าพ่อตั้งใจที่จะแลกตัวเธอกับเมธาวี มันแทนกันได้ที่ไหน เขารักน้องเธอ...ไม่ใช่เธอ “แทนกันได้ด้วยเหรอครับ” คำถามที่ฟังดูเย้ยหยันนั้นยิ่งบีบหัวใจเธอใจหนึบหน่วง “ถึงเฌอจะไม่ได้เรียนเก่งเหมือนเม แต่เฌอเขาก็มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน” “คุณอาก็รู้ทั้งรู้นี่ครับว่าทั้งสองคนต่างกัน” คำถามนั้นทำให้คนที่นั่งบีบมือตัวเองจิกเล็บเข้าไปในผิวเนื้อบอบบาง หากมันก็ชาเกินกว่าจะรู้สึกเจ็บ เธอกับน้องสาวต่างกันมาก เมธาวีเรียนเก่ง ฉลาดปราดเปรียว นั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้พริษฐ์ชอบพอ ที่เธอไม่เคยมี “เอาเถอะพร้อม ยังไงตอนนี้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว เราก็จัดงานแต่งไปก่อนโดยให้เฌอเข้าพิธีแทน หลังจากนั้นพร้อมจะคบหากับน้องต่อหรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที” คุณแม่ของพริษฐ์เป็นคนตัดสินใจ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะไม่ได้โต้เถียงอะไรออกมาอีก แต่สีหน้าที่ดูตึงเครียดนั้นก็ทำให้รู้ว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก “รับเฌอเป็นภรรยาเถอะนะคุณพร้อม ผมไม่มั่นใจว่าจะตามเมกลับมาได้ไหม แล้วเงินสิบล้านที่ครอบครัวคุณพิพัฒน์ได้ช่วยเหลือครอบครัวเรามาก่อนหน้านี้ ผม...คงไม่สามารถหามาใช้แทนได้” คำพูดนั้นทำให้เธอหน้าชา ชาไปทั้งตัว เมื่อเข้าใจว่าพ่อเลี้ยงต้องการใช้ตัวเธอแลกกับเงินสิบล้านนั่น พ่อเลี้ยงของเธอทำงานในบริษัทของครอบครัวเขาในตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งเธอกับพริษฐ์ก็รู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ และเธอก็หลงรักเขามาตั้งแต่ยังแรกรุ่น หากไม่เคยกล้าบอกเพราะไม่คิดเทียบเคียง จนพริษฐ์พอใจที่จะคบหากับเมธาวี น้องสาวต่างบิดาก็ทำให้ต้องเก็บซ่อนความรักนั้นไว้ในใจ แม้จะรู้มาตลอดว่าเมธาวีไม่ได้รักพริษฐ์ แต่ต้องยอมคบหาและจะแต่งงานกับอีกฝ่ายเพราะช่วยครอบครัว...เงินสิบล้านนั้นพริษฐ์คงเต็มใจที่จะช่วยเหลือ...แต่กับเธอมันคนละคนกัน ยังคงไม่มีเสียงโต้ตอบจากพริษฐ์ เฌอมาวีร์ไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขา ไม่อยากเห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแววตาอย่างไร...ไม่อยากเห็นว่าตอนนี้เขาจะรังเกียจหรือดูถูกดูแคลนเธอขนาดไหน ที่พ่อเลี้ยงเหมือนกับยกตัวเธอเพื่อใช้หนี้สิบล้าน เฌอมาวีร์ไม่ได้ยินเสียงของพริษฐ์อีกเลย มีแค่ผู้ใหญ่ที่ตกลงกัน จนได้บทสรุปเรียบร้อย เขาทำให้เธอสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็เรียกเธอให้ออกมาคุยกันข้างนอก “เฌอ พี่ขอคุยด้วยหน่อย” เรียกและลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่เกรงใจผู้ใหญ่ เฌอมาวีร์ไม่รู้ว่าจะหันไปหาความช่วยเหลือจากใครได้ นอกจากยืนขึ้นแล้วเดินตามร่างสูงออกไปหลังบ้าน ตัวสั่นใจสั่นไปหมด ไม่แม้แต่จะกล้ามองแผ่นหลังนั้น “เธอคิดว่าพี่ควรเชื่อไหมว่าเมหนีงานแต่งไปโดยที่ครอบครัวเธอไม่รู้เห็นเป็นใจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามโดยไม่หันกลับมามอง คำถามนั้นยิ่งทำให้คนที่ใจไม่สู้ดีอยู่แล้วยิ่งหวั่นใจเข้าไปอีก ตอนที่เขาหันกลับมาตอนพูดจบประโยคก็รีบก้มหน้าหลบตา ร่างสูงที่ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นให้ความรู้สึกกดดัน “แล้วเธอล่ะรู้เรื่องนี้แค่ไหน เฌอมา” แทบจะฉุดลมหายใจเธอให้ขาดห้วง กับคำเรียก “เฌอมา” ที่ให้ความรู้สึกคาดคั้น จากที่ปกติพริษฐ์มักจะเรียกเธอแบบนี้ด้วยอารมณ์หยอกล้อ...คนเดียวที่เพิ่มชื่อเล่นอีกหนึ่งพยางค์มาให้เธอ เธอรู้จักกับพริษฐ์ตั้งแต่เด็กๆ พ่อกับแม่เธอแยกทางกันในวันที่เธอยังไม่รู้ความ และแม่กับพ่อเลี้ยงชาวเยอรมันก็คบหากัน ตอนเด็กๆ เฌอมาวีร์ไม่ได้รู้สึกขาด พ่อเลี้ยงดูใจดีและเอาอกเอาใจเธอจนเด็กหญิงไม่โหยหาพ่อ และแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นร้อยล้านแต่ก็เลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดี เธอเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกันกับพริษฐ์ตั้งแต่อนุบาล พ่อเลี้ยงเธอเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทของคุณพ่อพริษฐ์ และนั่นทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่เด็กๆ ด้วยวัยที่ห่างกันเพียงสามปี พ่อเลี้ยงเธอมีลูกติดเป็นผู้ชายสองคนที่วัยห่างกว่าเธออยู่มาก และไม่ค่อยใจดีกับเธอในความรู้สึก...เฌอมาวีร์จึงติดพริษฐ์มากกว่าอีก เวลาที่เธอไปเล่นบ้านเขา หรือไปเล่นคอนโดเขาตามคุณพ่อคุณแม่ พริษฐ์มากจะถามหาว่า “เฌอมาด้วยหรือเปล่า” และในวัยเด็กที่สดใสเธอมักจะตอบให้เขาได้รู้ “เฌอมา” พริษฐ์เลยชอบเรียกเธอว่า “เฌอมา” ในตอนเด็กๆ พอโตขึ้นหน่อยก็ชอบเรียกเวลาแซวหรือหยอกล้อ “เธอช่วยบอกพี่ทีซิเฌอว่าพี่โง่มานานแค่ไหนแล้ว” แม้น้ำเสียงนั้นจะไม่ได้ฟังตะคอก แต่ก็ทำให้เธอสะดุ้ง เฌอมาวีร์เม้มปากแน่น สมองพยายามคิดหาคำตอบให้เขา แม้จะสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็คิดว่าไม่ควรให้เขาถามอยู่คนเดียวแบบนี้ “พี่พร้อม มันไม่ใช่แบบนั้น” “ไม่ใช่แบบไหน เธอจะบอกว่าไม่มีใครรู้เรื่องเลยอย่างนั้นเหรอเฌอ” “ไม่ใช่...เม เมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพี่พร้อม” เธอจำต้องแบ่งรับแบ่งสู้ แม้ว่าที่ผ่านมาเมธาวีจะปรึกษาตลอดว่าไม่ได้นึกชอบพริษฐ์แบบนั้น แต่เจ้าตัวก็ลองคบหา และตกลงที่จะแต่งงานกันในเวลาไม่ถึงปี...และมันอาจจะไม่จบแบบนี้ถ้าในระหว่างนั้นเมธาวีไม่ได้คบหากับนิโคลัส และตัดสินใจที่จะไปเยอรมันก่อนงานแต่งงาน แน่นอนว่าพ่อแม่เธอรู้ และไม่สามารถบังคับน้องสาวเธอได้ “เหรอ พี่เชื่อเธอได้แค่ไหนล่ะเฌอ” “เมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกจริงๆ นะคะ เขาอยากลองคบพี่พร้อมจริง” “แล้วเมเขาตั้งใจตอนไหนล่ะเฌอ นานแค่ไหนแล้ว” คำถามกดดันนั้นทำให้เฌอมาวีร์ต้องก้มหน้าหลบสายตาเขาอีกครั้ง หากพริษฐ์ก็มองเห็นความยุ่งเหยิงสับสนใจแววตาเธอ เขาเบือนหน้าไปมองทางอื่นชั่วขณะหนึ่ง พ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาหวังว่ามันจะผ่อนคลายความโกรธเคืองในใจนี้ลงบ้าง เขารู้ว่ามันไม่ใช่ในวันสองวันที่เมธาวีหายไป ทุกคนในบ้านเธอต้องรู้เรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว แต่ไม่มีใครคิดจะบอกเขา คงเพราะกลัวว่าเขาจะทวงค่าสินสอดที่ให้ไปก่อนหน้า ตอนนี้เขาโกรธมาก โกรธเมธาวี โกรธพ่อแม่เธอ...รวมถึงคนที่อยู่ตรงหน้า แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายพร้อมที่จะร้องไห้ตลอดเวลาก็เหมือนจะโกรธน้อยลง พริษฐ์หายใจให้ลึกอีกครั้ง ลึกๆ เขาก็เข้าใจว่าเฌอมาวีร์คงไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเขาอีกคน แต่ระหว่างเขากับครอบครัว เธอก็ต้องเลือกครอบครัวของเธออยู่แล้ว พริษฐ์รู้จักกับเฌอมาวีร์ตั้งแต่เด็กๆ เขาค่อนข้างจะเอ็นดูเธอมากๆ ด้วยซ้ำ เหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เพราะเจอกันบ่อยเวลาพ่อแม่เธอมาเยี่ยมที่บ้าน หรือเวลาไปงานของบริษัท รวมถึงเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่เจ้าตัวอยู่อนุบาล ในวัยเด็กเฌอมาวีร์น่ารักสดใส จนเขาค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอตอนเจ้าตัวเรียนอยู่ประถมปลาย จากเด็กที่ร่าเริง กลายเป็นเด็กที่ดูขาดความมั่นใจในตัวเอง และเศร้าสร้อยเงียบเหงา มันทำให้พริษฐ์ยิ่งรู้สึกละเอียดอ่อน อยากปกป้อง และอยากรู้อยากเห็น...แต่เขาก็ไม่รู้เหตุผลนั้นจนเขากับเธอค่อยๆ ห่างกันออกไป เมื่อเฌอมาวีร์ย้ายโรงเรียนตอนมอสอง และหลังๆ มาเขาไม่ค่อยเห็นเธอไปไหนมาไหนกับครอบครัว เขามักจะเจอเมธาวีมากกว่า และพอถึงวัยหนึ่งที่เขารู้สึกอยากมีครอบครัว ก็คิดว่าเมธาวีน่าจะเป็นภรรยาและแม่ของลูกที่ดี เธอเรียนเก่ง น่ารัก สดใส มีความมั่นใจในตัวเอง ประกอบกับคุณพ่อเขาก็แนะนำ การคบหากับเมธาวีทำให้พริษฐ์ได้เจอเฌอมาวีร์บ่อยขึ้น และอาจด้วยความรู้สึกสนิทสนมในวัยเด็กทำให้สนิทใจกับเธอได้ง่ายดาย เวลามาเล่นที่บ้านเธอเพื่อมาหาเมธาวี เขามักจะขอให้เธอทำเมนูต่างๆ ให้กิน หลังจากที่รู้ว่าเจ้าตัวชอบทำกับข้าว และทำอร่อย เฌอมาวีร์กลายเป็นอีกขั้วกับเมธาวี เธอดูเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือน ชอบอยู่ติดบ้านไม่เข้าสังคม มันเงียบจบแทบหายใจไม่ออก เฌอมาวีร์ทำใจกล้าแค่เงยหน้ามองเขาครั้งหนึ่งแล้วก็รีบหลบเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะถามอะไรออกไป รอจนอีกฝ่ายเอื้อนเอ่ย “อยากเลือกชุดเจ้าสาวใหม่ไหม” แต่ประโยคคำถามนั้นก็ทำให้คนที่ยืนหน้าซีดและพร้อมจะน้ำตาร่วงได้ตลอดเวลาเงยหน้ามองเขาด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วขมวดมุ่นอยู่นาน แต่พริษฐ์ก็ไม่ได้ถามซ้ำ จนเฌอมาวีร์รู้ตัวว่าต้องให้คำตอบเขา “ไม่ค่ะ เฌอใส่ชุดเดิมของเมก็ได้” เฌอมาวีร์รีบปฏิเสธทันที มันไม่ควรที่เธอจะไปทำให้เขาต้องยุ่งยากลำบากเพิ่มเติมอยู่แล้ว “แล้วจะใส่ได้เหรอ เธอกับเมต่างกันมากเลยนะ” เป็นอีกครั้งที่ทำให้หัวใจกระตุก แม้ไม่รู้ว่าพริษฐ์จะย้ำถึงความแตกต่างของเธอกับน้องสาวหรือไม่...ตอกย้ำให้รู้ว่าเธอไม่ใช่ ไม่มีทางจะสู้เมธาวีได้เลย “เอ่อ คงไม่เป็นไรมั้งคะ” เมธาวีตัวสูงกว่าเธอมาก หุ่นได้พ่อกับพี่ชายมาเต็มๆ อีกฝ่ายสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร ในขณะที่เธอสูงไม่ถึงร้อยหกสิบด้วยซ้ำ เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันบางทีคนยังเข้าใจว่าเมธาวีเป็นพี่ ทั้งๆ ที่เธออายุมากกว่าอีกฝ่ายถึงหกปี ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าปลงหรือรำคาญมากกว่ากัน “พรุ่งนี้พี่พาไปดูชุด” “ขอบคุณนะคะ” เกรงใจ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรปฏิเสธให้มากความ ไม่ว่าสถานการณ์จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแค่ไหน รู้ว่าเขาทำเพราะจำใจไม่ใช่เต็มใจ ก็ทำได้แค่เอ่ยคำขอบคุณ “อืม ทำไงได้ ยังไงพี่ก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเธออีกไม่กี่วัน” นั่นประไร แต่แม้จะรู้อยู่แล้ว และรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรจะน้อยใจอะไร แต่หัวใจของคนที่รักมาเนิ่นนาน และต้องทำตัวยินดีกับเขาสองคนมาแรมปีมันก็ยังสะเทือนใจทุกครั้ง กับความรู้สึกที่รู้ว่าเธอไม่เคยอยู่ในสายตา ไม่เคยคู่ควร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD