ตอนที่ 2 อาศรยิ้มแล้วสวยครับทวด

2901 Words
ตอนที่ 2 อาศรยิ้มแล้วสวยครับทวด บ้านสวนที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้นานาชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลให้ลูก จะมีบางจุดที่มีการปลูกคุณนายตื่นสายและชวนชมสลับดาวเรืองไปจนบานไม่รู้โรย ทำให้บ้านหลังนี้ดูเป็นบ้านที่น่าอยู่ที่สุดในตำบลแห่งนี้ ความเจริญของสังคมเมืองไม่ได้กลืนกินความเป็นอยู่ของคนที่นี่แม้แต่น้อย “เข็มอยู่ที่นี่เหรอ” ศรวณีย์เอ่ยถามพร้อมกับมองไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ มันดูจะมีอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีการดูแลอย่างดี ข้างล่างถูกปรับให้มีปูนเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นไทยของบ้านหลังนี้ลดน้อยลง “ใช่ ฉันอยู่ที่นี่หลังจากที่พ่อตาย” “มากันแล้วเหรอ มาทางนี้ ขนมกำลังร้อน ๆ เลย” ‘แก้ว’ เพื่อนสนิทของดอกเข็ม ซึ่งสอบชิงทุนไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน เธอส่งเสียงเรียกหลังจากขนมที่อยู่ในปากถูกกลืนไปจนหมดแล้ว วันนี้ศรวณีย์จะมาเตรียมถ่ายแบบให้กับสินค้าแบรนด์ขนมไทยย่าจันทร์ มีแม่บ้านเสียงที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ดังที่สุดในตำบลไปเสียแล้ว “ขนมป้าเสียงหมดแล้วมั้ง แก้วมาทีไรขนมหมดทุกที” ‘ดอกเข็ม’ เดินนำเพื่อน ๆ ไปตามทางเดิน ซึ่งเป็นอาคารที่แยกออกไปจากบ้านเรือนไทย มีความใหญ่โตและโอ่โถงสำหรับใช้ในการทำขนม บรรจุ และแพ็คลงกล่องเพื่อเตรียมจะส่งให้กับร้านที่วางขาย ศรวณีย์มองแม่บ้านเสียงที่เคยเป็นสาวใช้และพี่เลี้ยงให้กับดอกเข็ม หญิงที่เลยวัยกลางคนกำลังตั้งอกตั้งใจทำฝอยทองในกระทะร้อน ถัดออกไปก็ยังมีหญิงวัยกลางคนที่กำลังทำขนมแบบอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นขนมไทยโดยทั้งสิ้น คนที่เป็นเจ้าบ้านและถือว่าเป็นเจ้าของสถานที่นี้อย่างดอกเข็มหยิบจานใบเล็ก ก่อนจะส่งให้กับศรวณีย์ บนจานมีขนมฝอยทองที่ดูน่ากิน และมันยังส่งกินหอมอ่อน ๆ คล้ายกับดอกไม้อีกด้วย “ลองกินนะ แก้วบอกว่าการที่ดาราจะทำงานสักชิ้นก็ต้องเข้าใจในงาน เข้าใจในอารมณ์ของตัวละคร ถ้าใส่ชุดไทยถ่ายรูปแต่ไม่รู้ว่ารสชาติอร่อยแค่ไหน ก็อาจจะไม่ดีเพียงพอนะ” ดอกเข็มชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อม เธอเพียงแค่อยากให้ศรวณีย์กินขนมก็เท่านั้น “ไม่ต้องพูดขนาดนี้ก็ได้” ศรวณีย์รับเอาจานในมือของดอกเข็มมาถือ เธอตักขนมเข้าไปในปากหนึ่งคำ ก็พบว่ามันหวานหอมและอร่อยมาก ความหวานที่พอดีไม่เหมือนที่เธอเคยกินมาก่อน อีกทั้งยังมีความหอมของดอกมะลิและใบเตยในทุกคำที่เธอเคี้ยว “อร่อยใช่ไหมล่ะ” แก้วกินขนมไปอีกคำโตแล้วจึงพูดกับคนทั้งสอง หากเป็นเมื่อตอนเรียนมัธยมศรวณีย์ไม่คิดจะสนิทกับสองคนนี้เลย แต่ในตอนนี้ที่กำลังลำบากกลับเป็นคนทั้งสองที่อยู่ข้างกายเธอ “คุมอาหารมาทั้งเดือน มาบ้านย่าจันทร์วันเดียวถือว่าสูญเปล่า ศรเชื่อฉันหรือยัง” “คิดว่าเชื่อแล้วแหละ อร่อยมากค่ะ” ประโยคท้ายศรวณีย์หันไปพูดกับแม่บ้านเสียงที่ตอนนี้ละมือจากการทำขนมแล้ว แต่เหมือนว่ากำลังตั้งหม้อเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่างต่อ “คุณหนูดอกเข็มพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปหาคุณย่าดีกว่านะคะ ตอนนี้คุณสิงก็พาลูกชายมาหาคุณย่าเหมือนกัน” “ศิลามาเหรอคะ” ดอกเข็มพูดอย่างดีใจ เธอต้องดีใจแน่เพราะหลังจากวันที่มีพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ที่บ้านเรือนไทยแห่งนี้เธอก็ไม่เคยได้เจอเด็กน้อยศิลาอีกเลย “มาจนเขาจะกลับแล้วมั้งดอกเข็ม” แก้วพูด ในมือของเธอยังมีขนมที่กินอย่างตั้งใจและไม่กลัวอ้วน “ศร งั้นเราขึ้นไปไหว้คุณย่ากัน จะได้ไปหาศิลาด้วย ดีไหม” ดอกเข็มหันไปถามศรวณีย์ที่เธอเพิ่งจะพามา “ดอกเข็มไปก่อนเลยได้ไหม ฉันอยากลองทำขนมก่อน กลัวว่าขึ้นไปแล้วขอออกมาจะเสียมารยาท” ความจริงแล้วศรวณีย์กลัวที่จะต้องเข้าหาผู้ใหญ่ เธอไม่ใช่คนเรียบร้อยอ่อนหวาน อีกทั้งยังจัดว่าเป็นคนที่พูดจาห้วน ๆ ไม่น่าฟัง “งั้นเหรอ งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ” ดอกเข็มเดินออกไปจากห้องด้วยความดีใจ หลังจากที่ดอกเข็มออกไปแล้ว แก้วก็หันไปสนใจกินขนมต่อ ศรวณีย์จึงได้ขอแม่บ้านเสียงลองทำขนมตามที่ปากพูด การทำขนมกับชีวิตเธอดูจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลกัน แต่เมื่อได้ลองทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็รู้สึกว่ามันเพลินดี ดีกว่าว่างแล้วนั่งคิดนั่งเครียดกับชีวิตที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ดอกเข็มวิ่งขึ้นไปบนบ้านเรือนไทยด้วยความดีใจ เธอตรงเข้าไปไหว้ปู่ย่าและสวัสดีสิงหาที่อายุมากกว่า หลังจากนั้นจึงได้ไปสนใจเด็กชายศิลาที่กำลังง่วนกับการระบายสี “ศิลา คิดถึงอาเข็มไหมครับ” ดอกเข็มเอ่ยถามเด็กชายที่ยิ้มแก้มใสส่งมาให้ “คิดถึงครับ” เด็กชายช่างเอาใจ ตรงเข้าไปกอดดอกเข็มทันที ที่นี่บรรยากาศดีและร่มรื่นจึงทำให้เด็กชายศิลาผ่อนคลาย จากที่จะถามหาพี่เลี้ยงบ่อย ๆ ก็ได้คลายความคิดถึง สิงหาเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ปู่ย่าและเพื่อนสนิทฟัง ไม่มีใครออกความเห็นในเรื่องที่เขากำลังจะหย่ากับภรรยา มีเพียงปู่ย่าที่เพียงสอนว่าสิงหาเป็นหลานคนหนึ่ง ปู่ย่าเชื่อในการตัดสินใจของเขา แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกแค่นั้นก็พอ “ถ้าคิดถึง ศิลามาหาอาเข็มบ่อย ๆ นะ” “ไม่ได้ครับ ต้องรอให้พ่อสิงหาพามา” เด็กชายชี้ไปยังพ่อที่นั่งอยู่ไกลออกไปอีกด้าน “พ่อจะพามาบ่อย ๆ ถ้าศิลาชอบที่นี่นะครับ” “ชอบครับ ศิลาชอบที่นี่” เด็กชายตอบเสียงเพราะหวาน “ดอกเข็ม ไหนบอกกับพี่ว่าจะพาศรมาที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอ” อริเมทสามีที่อายุมากกว่าถึงสิบสี่ปีเอ่ยถาม เขามองไปยังประตูของบ้านเรือนไทยก็ไม่พบหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนของคนรัก “ศรขอลองทำขนมกับป้าเสียงอยู่ค่ะ” เธอตอบอย่างฉายแววความเป็นห่วง ด้วยตอนที่ไปรับก็ได้ยินแม่ของศรวณีย์ซึ่งเป็นป้าของเธอ ขูดรีดลูกสาวเพื่อให้ยอมเป็นเมียเสี่ย “ศิลา อยากกินขนมไหม ที่อาศรมีขนมเยอะมากเลย อยากกินหรือเปล่า” “อยากกินครับ” เด็กชายวัยหกขวบเอ่ยตอบ “ศิลาเห็นประตูตรงนั้นไหม เดินไปแล้วไปขอขนมกับอาศรได้เลย” ดอกเข็มพาศิลาไปยังระเบียงของบ้านแล้วจึงชี้บอกทางให้เด็กชาย “อาศรหน้าตาเป็นยังไงครับ” เด็กชายถามอย่างสงสัย “สวย ๆ ครับ ศิลาเข้าไปที่ประตูนั้น ใครสวยที่สุด คนนั้นคืออาศร” ดอกเข็มพูดตามความจริง ด้วยศรวณีย์เป็นหญิงสาวที่สวยหมดจด ส่วนแก้วนั้นมีความน่ารักและร่าเริง เมื่อเทียบความสวยแล้วนั้น ศรวณีย์ถือว่าสวยราวกับรูปปั้นแกะสลัก จึงทำให้ชายมากมายอยากจะได้เธอไปเป็นเมียเล็กเมียน้อยในยามที่ตกอับเช่นนี้ “สวยเหมือนอาเข็มใช่ไหมครับ” “ปากหวานใช่ย่อยนะเนี่ย” อริเมทยกน้ำขึ้นดื่ม เมื่อได้ยินเด็กชายชมภรรยาของตนเองว่าสวย “พ่อมันก็ไม่ได้เจ้าชู้นะ แต่ลูกนี่ดูจะไม่เบา” “พ่อไม่ได้เจ้าชู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปากไม่หวานนะครับคุณอริเมท!” สิงหาตอบเพื่อน เขามองลูกชายเดินไปทางประตูบ้าน มีดอกเข็มเดินไปส่งแล้วจึงได้เดินกลับมา เขาดูออกว่าดอกเข็มมีเรื่องอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด “อย่าวิ่ง แม่หนูไม่ใช่ศิลานะ” ย่าจันทร์พูดยิ้ม ๆ เมื่อดอกเข็มเดินเร็วกลับเข้ามาหาทุกคน “ขอโทษค่ะคุณย่า คือเข็มมีเรื่องที่จะปรึกษา” ดอกเข็มคลานเข้าไปหาคนเป็นย่า ปกติเธอจะต้องนั่งคู่กับย่าจันทร์เสมอ ด้วยเป็นหลานรักของย่าจันทร์แทนหลานแท้ ๆ เลยก็ว่าได้ “คือเข็มสงสารศรค่ะย่า ศรที่เข็มพามา แม่ของศรพยายามบังคับให้ศรเป็นเมียเก็บเสี่ย” “ทำไมคุณศรีราต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย เท่าที่พี่ดู คุณประสิทธิ์กับศรก็ปรับตัวได้แล้วนี่” อริเมทเอ่ย “ลุงกับศรน่ะปรับตัวได้แล้วค่ะ แต่ป้านั่นแหละค่ะที่ปรับไม่ได้” ดอกเข็มเอ่ย “งานร้องเพลงกลางคืนศรก็ทำไม่ได้หยุด แต่เงินมันก็ไม่ได้มากเหมือนที่ป้าศรีราเคยใช้ ปรับตัวไม่ได้ก็กระทบกับลูกอย่างศร” “แม่หนู” ย่าจันทร์ใช้มือเหี่ยวลูบหัวของหญิงสาว “คนเราเกิดขึ้นมาตามวัฏจักรของบ่วงกรรมนะ เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่า ไม่สร้างกรรมใหม่ก็จะหมดสิ้นกันไปเอง แม่หนูศร อาจจะต้องชดใช้กรรมกับพ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร ไม่ใช่แค่คนคิดร้ายหมายสิ่งไม่ดี แต่ยังเป็นเพื่อน เป็นพ่อแม่ เป็นคนที่เราไม่คิดว่าเขาจะไม่รักเราด้วย” “เข็มก็แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ กลัวว่าศรจะใจไม่แข็งพอ” ดอกเข็มพูดเสียงอ่อน คนรักอย่างอริเมทเพียงยิ้มเล็ก ๆ ส่งมาให้เท่านั้น สิงหาเพียงแต่เงียบฟังเรื่องราว ความจริงเขาก็รับรู้ว่าหญิงสาวที่มาขอชนแก้วกับเขาเมื่อคืนกำลังลำบาก แต่มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่เขาจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย แค่เรื่องของตัวเองก็คิดว่าหนักหนาแล้ว สิ่งที่ต้องเป็นกังวลคือลูกชายของเขาจะต้องรับรู้ว่าพ่อกับแม่แยกทางกัน เด็กชายศิลาวัยหกขวบกำลังจะเข้าปีที่เจ็ดเดินเข้าไปในประตูที่ดอกเข็มได้บอกเอาไว้ เขาท่องมาในใจระหว่างเดินว่าให้มาเอาขนมกับอาศรคนที่สวย ๆ เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนอื่น ๆ กำลังสนใจอยู่กับการบรรจุขนมลงกล่อง ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กชายที่เดินเข้ามา จะมีก็แต่ศรวณีย์ที่รับอาสาคนน้ำกะทิในกระทะให้กับแม่บ้านเสียง เธอมองเด็กชายที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แต่เธอกำลังอยู่กับเตาร้อนจึงชักสีหน้าไม่พอใจใส่เด็กชาย คนตัวเล็กที่เดินเข้ามาก็กลัวแววตานั้นทันที “เข้ามาได้ไง อย่ามาซนในนี้นะ” ศรวณีย์พูดด้วยเสียงปกติ แต่เสียงของเธอก็ไม่ได้อ่อนหวานเอาใจเด็กน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “ศะ....ศิ ศิลาเข้ามา..” “ออกไปเล่นข้างนอกเลย” ศรวณีย์ออกเสียงไล่เด็กชายที่กำลังพูดติดอ่าง เพียงแค่บอกเท่านี้เด็กชายก็เริ่มตาแดงจะร้องไห้ คนที่กำลังกวนน้ำกะทิจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เอาขนมไหม แก้มยุ้ย” ศรวณีย์เดินเข้าไปหาเด็กชาย แม่บ้านเสียงจึงเข้ามารับหน้าที่ต่อพลางส่งขนมให้กับศรวณีย์ที่กำลังคุกเข่าตรงหน้าของเด็กชาย ศิลาจ้องมองหญิงสาวที่เอ่ยถามก่อนจะพยักหน้าน้ำตาคลอ เขาแบมือเป็นการบอกว่าเขาอยากได้ขนม “ฉันจะให้ขนมนะแก้มยุ้ย แต่นายเห็นไหมว่ากระทะมันร้อน” ศรวณีย์ชี้ไปที่กระทะซึ่งเต็มไปด้วยความร้อน ดวงตาใสกลมเล็กหันมองไปตามมือที่ชี้แล้วจึงพยักหน้า “แล้วรู้หรือเปล่าว่าถ้าเข้าไปใกล้จะเป็นอันตราย” “ระ...รู้ครับ” “งั้นต่อไปก็อย่าวิ่งซนในครัวแบบนี้ ถ้าเกิดกระทะคว่ำใส่ตัว สุกเป็นหมูลวกเลยนะ” เด็กชายถอยหลังไปหนึ่งก้าวกับคำพูดขู่ของหญิงสาว คนร้องขู่จึงได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทีนั้น “อะ! ขนม” “ขอบคุณครับ” เด็กชายยกมือไหว้แล้วรับขนมจากศรวณีย์ “ได้แล้วก็ไปสิ อยากเป็นหมูลวกเหรอ!” “ไม่อยากครับ” เด็กชายทำตาปริบ ๆ “คุณอาครับ คนไหนคืออาศรครับ” เด็กชายถาม “ทำไม อยากรู้ไปทำไมว่าคนไหน” ศรวณีย์เอ่ยถาม เธอลุกขึ้นจากพื้นและไม่ยอมบอกว่าตนเองคือเจ้าของชื่อที่เด็กชายถาม ความสูงของเด็กชายสูงเพียงแค่เอวของเธอเท่านั้น “อาเข็มบอกว่า ให้ศิลามาขอขนมกับอาศรครับ” เด็กชายเงยหน้ามองหญิงสาวที่ตัวสูงกว่า เขาพบว่าหญิงสาวที่กำลังจ้องมองมีความสวยมาก ๆ สวยที่สุดในห้องนี้ในสายตาของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าถามว่าใช่อาศรไหม “แล้วอาเข็มไม่ได้บอกเหรอ ว่าอาศรหน้าตาเป็นยังไง” ศรวณีย์ยังคงแกล้ง แม่บ้านเสียงที่เริ่มทำขนมในกระทะจึงได้ยิ้มเอ็นดูคนทั้งสอง “บอกว่าคนที่สวย ๆ ครับ” เด็กชายตอบตามความจริง “แล้วคนไหนสวยล่ะ” เธอร้องถามพร้อมกับยักคิ้วให้ นิ้วเล็ก ๆ ของเด็กชายจึงได้ชี้ไปที่เอวของคนตรงหน้า โดยเขาไม่กล้าเอ่ยพูด ศรวณีย์ยิ้มให้กับท่าทางนั้น เธอก้มลงไปจับมือของเด็กชายก่อนที่จะหันไปหาแม่บ้านเสียง “ศรเดินไปส่งเจ้าแก้มยุ้ยนี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเดินลงหม้อเอา” “......” เด็กชายยิ้มออกมานิด ๆ เมื่อได้ยินหญิงสาวคนที่จับมือเรียกตัวเองว่าศร เขาทายถูกว่าเธอคืออาศรที่สวยที่สุด ศรวณีย์เดินออกมาจากประตูและไปส่งเด็กชายศิลาจนถึงบันไดบ้าน ศรวณีย์จึงได้ปล่อยมือ แต่เด็กชายกำมือของเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งที่ศรวณีย์กางมือให้เขาปล่อยแต่เขาก็ไม่ยอม “ถึงแล้วไง ไม่ขึ้นไปเล่า” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเด็กชายไม่ยอมปล่อยมือ เธอรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้ทั้งที่ปกติแล้วไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่ “อาศรไม่ขึ้นไปเหรอครับ” เด็กชายถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขารู้สึกชอบเวลาที่จับมือกับศรวณีย์และเดินด้วยกัน เหมือนเวลาที่ทำกับพี่เลี้ยงส้ม เขามักคิดว่าจะทำแบบนี้กับแม่ แต่แม่ของเขากลับไม่ชอบที่จะจับมือเขา รวมทั้งไม่เคยอุ้มเขาด้วย “ไม่อยากขึ้นไป ร้อน!!” “ไม่ร้อนครับ” เด็กชายพูดด้วยอยากให้อาศรขึ้นไปด้วย เขาอยากเอารูปที่วาดไว้อวดให้หญิงสาวได้เห็น “แก้มยุ้ย นายไม่ร้อนนายก็ขึ้นไปสิ!” “ศะ....ศิลาอยากให้อาศรขึ้นไปด้วยครับ” “ทำไมต้องอยากให้ฉันขึ้นไป” มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ถูกยกขึ้นมาเท้าเอว ใบหน้าของเธอจ้องมองไปยังคนตัวเล็กอย่างหาเรื่อง แต่ก็ไม่ได้จริงจัง กลับรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากขึ้น “ศิลา.......ศิลาอยาก..” “เรือนของย่าร้อนอย่างนั้นหรือแม่หนู” เสียงของหญิงชราที่ยืนอยู่ด้านบนเอ่ยถาม หลังจากได้ยินเสียงพูดคุยกันของศรวณีย์และเด็กชายศิลา ย่าจันทร์จึงได้เดินมาตามเสียงพร้อมกับทุกคนที่นั่งคุยกันอยู่ มีอริเมทที่ทำหน้าที่ประคองย่าจันทร์เดินลงมาช้า ๆ ศรวณีย์เมื่อเห็นคนที่สูงวัยกว่าก็ยกมือไหว้ รวมทั้งอริเมทและสิงหาด้วย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่เธอจะยกมือไหว้ก็ต้องแกะมือเด็กชายที่จับเอาไว้ก่อนด้วย “ว่าอย่างไร เรือนของย่าร้อนอย่างนั้นหรือ” หญิงชราถามอีกครั้ง “ไม่ร้อนค่ะ ศรขอโทษ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง “งั้นคงจะร้อนอกร้อนใจ” หญิงชราเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะลูบหัวของหญิงสาวที่สูงกว่า “อย่าร้อนอกร้อนใจกังวลในเรื่องทุกข์ไปเลยนะแม่หนู แม่หนูสะสวยนะ ยิ้มเยอะ ๆ ยิ้มสู้กับเรื่องที่เราพบเจอเอาไว้นะแม่หนูนะ” “......” ศรวณีย์ยกมือไหว้อีกครั้งโดยไม่พูดอะไร เธอเองก็เข้าใจความหมายในคำพูดนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำได้ง่าย ๆ “อาศรยิ้มแล้วสวยครับทวด” เด็กชายพูดขณะที่ยืนอยู่ข้างกายของพ่อ เขามองไปยังศรวณีย์ที่เหล่ตามองมา “งั้นเหรอ” ย่าจันทร์มองเห็นสายตาของเด็กชายที่มองไปยังคนที่เอ่ยชม ซึ่งมีแววตากลัวเกรงต่อศรวณีย์เล็กน้อยแต่ก็มีความกล้าที่จะเอ่ยพูด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD