ภาณุเติบโตมาภายใต้ร่มเงาของครอบครัวที่มีชื่อเสียงในวงการการทูต ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และความคาดหวังที่สูงลิ่ว ทุกย่างก้าวถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าใจความหมายของคำว่า
"อิสรภาพ"
พ่อของเขาเคยเป็นนักการทูตที่ทรงอิทธิพล คนที่ทุกคนเคารพยำเกรง ชายผู้ถือหลักการและเกียรติยศมาก่อนความสัมพันธ์ในครอบครัว สำหรับพ่อ ชีวิตไม่มีที่ว่างสำหรับความอ่อนแอหรือความผิดพลาด มีเพียงผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ พ่อของภาณุคือผู้ชายที่สร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เขาไม่เคยให้อิสระกับลูกชายในการเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองเลยสักครั้ง ความสมบูรณ์แบบของตระกูลถูกวางไว้เหนือทุกสิ่ง แม้กระทั่งความสุขของคนในครอบครัว
เมื่อพ่อของภาณุป่วยหนักด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา การพบกันในครั้งนี้จึงเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ห้องทำงานส่วนตัวที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญ โต๊ะทำงานใหญ่ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป พ่อของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตายังคงเฉียบคมเหมือนเดิม เสียงของพ่อดังขึ้นอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น
“ภาณุ... ครอบครัวเราไม่มีที่ว่างสำหรับความล้มเหลว และแกจะต้องแต่งงานกับมิริน”
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่เฉือนผ่านความรู้สึก ภาณุที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ จ้องมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการต่อต้านและไม่พอใจ “ผมไม่ต้องการ” เสียงของเขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ผมไม่รักเธอ และไม่มีเหตุผลที่ผมต้องแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้เลือกเอง”
พ่อของเขาหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความเข้าใจโลกที่ลึกซึ้งกว่า “รักเหรอ? ความรักไม่เคยมีบทบาทในชีวิตคนอย่างเรา ภาณุ เธอคิดว่าชีวิตของเราใช้แค่ความรักในการตัดสินใจได้หรือ? โลกนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอต้องเรียนรู้ว่าหน้าที่และเกียรติยศสำคัญกว่าความรู้สึกส่วนตัว”
“แต่การบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง!” ภาณุยืนกราน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ แต่พ่อของเขายังคงสงบนิ่ง ก่อนจะเลื่อนแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมาตรงหน้าเขา
“ดูนี่ซะก่อน แกอาจจะเปลี่ยนความคิด” พ่อกล่าวเสียงเรียบ
ภาณุหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อสายตาเขากวาดผ่านเนื้อหา ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเริ่มฉายแววตกใจ เนื้อหาในพินัยกรรมระบุชัดเจนว่าหากเขาไม่แต่งงานกับมิริน ทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัว รวมถึงมรดกของแม่ที่ล่วงลับ จะถูกโอนให้กับองค์กรการกุศลทันที ความเยือกเย็นของเขาสั่นคลอนทันทีที่มรดกของแม่ถูกนำมาเป็นตัวแปรในการบีบบังคับ ภาณุสูดลมหายใจลึก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความผิดหวัง
“นี่เหรอวิธีของพ่อ? เอาความทรงจำของแม่มาเป็นเครื่องมือบังคับผม... คุณคิดว่าผมจะยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ เหรอ?”
พ่อของเขาจ้องมองกลับด้วยสายตาที่ไม่สะทกสะท้าน “ใช่ เพราะมันเป็นหน้าที่ของแก ภาณุ แกจะปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดของแกไว้ได้ หรือจะปล่อยให้มันหายไปเพราะความดื้อรั้น? คำตอบนั้นอยู่ที่ตัวแกเอง”
คำพูดของพ่อทำให้ภาณุรู้สึกเหมือนถูกผลักให้จนมุม ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ยังคงเป็นบาดแผลที่เขาไม่อาจลืมได้ มรดกของแม่ไม่ใช่แค่เรื่องทรัพย์สิน แต่มันคือส่วนหนึ่งของหัวใจที่เขาเหลืออยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขารักกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองที่เขาไม่มีวันหนีพ้น
ในขณะที่พ่อยังคงสงบนิ่ง ภาณุกลับเต็มไปด้วยความโกรธและความอึดอัด เขารู้ดีว่าพ่อจะไม่เปิดทางเลือกอื่นให้กับเขา และยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่อาจทนเห็นสิ่งที่เหลือจากแม่หายไปด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวที่อาจผิดพลาด “ได้...” เขากล่าวในที่สุด เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ผมจะแต่งงาน แต่ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณทำกับผมวันนี้”
พ่อเพียงพยักหน้าเบาๆ “แกไม่ต้องลืม แค่ทำหน้าที่ของแกให้สมบูรณ์ก็พอ”
ภาณุก้าวออกจากห้องด้วยความรู้สึกที่ทั้งหนักอึ้งและร้าวราน เขารู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความอึดอัดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และการแต่งงานกับมิรินไม่ใช่เพียงการตอบสนองต่อคำสั่งของพ่อ แต่เป็นการแบกรับภาระที่ใหญ่กว่าตัวเขาเองเพื่อปกป้องทุกสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
………………………………………
ทางด้านมิรินเอง เธอก็เติบโตมาในครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยมั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจ ความสำเร็จของพ่อแม่เธอเป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากทุกคน แต่เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำและคู่แข่งเริ่มเล่นเกมใต้ดิน ธุรกิจของครอบครัวที่เคยมั่นคงก็เริ่มล่มสลายทีละน้อย จากบ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและเสียงถอนหายใจของพ่อ พ่อที่เคยยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง กลายเป็นชายแก่ที่ต้องพึ่งยากล่อมประสาทและหมอนวดหัวใจ แม่ที่เคยร่าเริงก็เริ่มเงียบงัน มีเพียงสายตาของเธอที่บอกถึงความกังวลลึกซึ้งต่ออนาคตของครอบครัว ในคืนที่พ่อของเธอถูกส่งโรงพยาบาลเพราะอาการหัวใจวาย มิรินนั่งอยู่ข้างเตียง เขาจับมือเธอแน่น ดวงตาที่เคยเฉียบขาดตอนนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“มิริน... พ่อขอโทษ” เสียงของเขาแผ่วเบาเหมือนจะหายไปในความเงียบของห้อง “พ่อพาลูกมาเจอเรื่องพวกนี้... แต่พ่อไม่มีทางเลือกแล้ว”
เธอส่ายหน้า น้ำตาคลอในดวงตา “พ่อคะ อย่าพูดแบบนี้... ครอบครัวเราต้องผ่านมันไปได้”
พ่อของเธอหัวเราะแผ่วๆ “เราไม่มีทางผ่านไปได้หรอก มิริน... เว้นแต่ว่าลูกจะช่วยพ่อไว้ได้” เขาหยุดพักหายใจลึก ก่อนจะพูดต่อ “ลูกต้องแต่งงานกับภาณุ เขาคือคำตอบเดียวของเรา”
“อะไรนะคะ?” เธอพูดเสียงสั่น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “พ่อจะให้หนูแต่งงานกับคนที่หนูไม่รู้จัก เพื่ออะไร?”
“เพื่อรักษาทุกอย่างที่ครอบครัวเราสร้างมา” พ่อจับมือเธอแน่นขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ถ้าเราเสียเขาไป... เราจะเสียทุกอย่าง ลูกต้องเข้าใจ พ่อไม่มีทางเลือก”
คำพูดนั้นเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง มิรินกลืนน้ำตาลงไป เธอไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอต้องทำเพื่อครอบครัวจะแลกมาด้วยชีวิตของเธอเอง
…………………………….
คืนก่อนวันแต่งงาน ในห้องส่วนตัวของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ให้ พวกเขาทั้งสองถูกจัดให้มาพบกันเป็นครั้งแรก ภาณุที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเย็นชา ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องเธอเหมือนผู้พิพากษาที่กำลังตัดสินโทษ ส่วนมิรินนั้นยืนเกร็งอยู่ข้างโต๊ะ เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร หรือแม้แต่ควรนั่งลงตรงไหน
“คุณเองก็ไม่อยากแต่งงานใช่ไหม?” เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ดังก้องในความเงียบของห้อง
เขาหัวเราะเยาะเบาๆ ดวงตาที่เย็นชามองเธอเหมือนกำลังประเมิน “ใช่ ผมไม่อยาก และผมก็ไม่เข้าใจว่าคุณยอมทำตามคำสั่งของครอบครัวได้ยังไง”
เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงเยาะเย้ยนั้น ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขมขื่น “เพราะฉันไม่มีทางเลือก... และคุณเองก็ไม่มีเหมือนกัน ใช่ไหม?”
คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเย้ยหยันเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ “อย่ามาเหมารวม ผมถูกบังคับก็จริง แต่ผมไม่ได้อ่อนแอพอที่จะยอมรับมันเหมือนคุณ”
น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเธอ เธอกำมือแน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ “ฉันไม่ได้อ่อนแอ ฉันแค่ต้องการปกป้องครอบครัวของฉัน คุณจะไม่เข้าใจหรอก”
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเข้ามาใกล้เธอจนเธอรู้สึกถึงแรงกดดันจากร่างสูงใหญ่ “แล้วคุณคิดว่าผมไม่ได้สูญเสียอะไรเลยเหรอ? คุณคิดว่าผมอยากถูกลากเข้ามาในเกมที่ผมไม่ได้เลือกเล่นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดที่พยายามปิดบังความเจ็บปวด
มิรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ฉันก็แค่ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!” เสียงของเธอแตกพร่า เธอกัดริมฝีปากแน่น กลั้นน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมา
เขามองเธออยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “งั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คุณจะไม่มีความสุขในชีวิตแต่งงานครั้งนี้หรอก”
คำพูดนั้นเหมือนก้อนหินที่กระแทกลงกลางใจของเธอ เธอรู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ และมันทำให้เธอไม่อาจโต้เถียงอะไรได้อีก
พวกเขาต่างจ้องตากันในความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน สองคนที่ถูกจับให้มาอยู่ในกรงเดียวกัน ทั้งที่ไม่มีใครต้องการ นี่คือจุดเริ่มต้นของการแต่งงานที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและบาดแผล และพวกเขาทั้งสองต่างรู้ดีว่าทางข้างหน้าจะไม่มีอะไรง่ายดายเลย.