ลูกค้ารายแรก
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะเข้มแข็งได้แค่ไหน จนกระทั่งความอดทนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องมี…
สวัสดีครับ ผมชื่อภีม เด็กม.6 ที่เพิ่งย่างเข้าอายุ 18 มาหมาด ๆ แต่ก็ดันโชคร้าย พ่อแม่มาตายพร้อมกับทิ้งภาระหนี้สินไว้ให้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ผมจะเรียกมันว่าสมบัติหรือภาระดีล่ะ ในเมื่อมันทำให้ผมไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งบ้าน เขาจะมายึดคืนเมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ รวมไปถึงค่าเทอมงวดสุดท้ายที่จะหมดเขตจ่ายพรุ่งนี้แล้ว นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมานั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเย็น ๆ นี้ ห้องที่ถูกประดับและตกแต่งหรูหราในผับดังที่มีชื่อเสียง
เรื่องมันเกิดจากเมื่อช่วงกลางวันผมไปได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนคุยกันว่า พวกเขาแอบมาใช้บริการเด็กขายตัวที่นี่
ผมจึงต้องมาที่สถานที่แห่งนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันนะครับ ผมไม่ได้มาเพื่อซื้อบริการ แต่ผมมาเพื่อขายบริการต่างหากล่ะ….
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนผมมาสมัครงานกับเจ๊เจ้าของผับ เริ่มแรกแกก็ตกใจมากส่ายหน้าพัลวันคัดค้านหัวชนฝา บอกว่าผมยังเด็กเกินไป แต่ผมก็ดื้อดึงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ผมก้มลงกราบขอร้องให้แกเห็นใจอยู่พักใหญ่ ๆ จนกระทั่งมีลูกน้องของแกวิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานว่าท่านคิงส์จะเข้ามาในวันนี้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าท่านคิงส์คือใคร เคยได้ยินชื่อผ่านหูบ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะผมเองก็ไม่ใช่คนสนใจโลกภายนอกอยู่แล้ว แต่ดูท่าเขาคงมีอิทธิพลไม่น้อยเลยล่ะ เพราะเจ๊เจ้าของร้านดูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
วันนี้เด็กในร้านดันลาป่วยพร้อมกันหมด แกจึงต้องจำยอมให้ผมรับงานนี้อย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยกำชับผมซ้ำ ๆ ว่าอย่าทำให้ท่านคิงส์โกรธ เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าเขาโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ ไม่ใช่แค่ผมที่จะโดนฆ่าตาย แต่เราจะตายยกร้านกันหมด
ผมรีบตอบรับเจ๊เจ้าของผับด้วยความดีใจ แกจึงไม่รอช้า จับผมมาแต่งองค์ทรงเครื่องพรมน้ำหอมจนกลิ่นหอมฟุ้งกระจายแล้วพาผมมานอนรอในห้อง vip.
ห้องนี้ทั้งกว้างใหญ่และหรูหรา มองดูด้วยตาก็รู้ว่าของพวกนี้มีราคามากแค่ไหน ผมพยายามนั่งนิ่ง ๆ ไม่ไปสัมผัสอะไรมาก กลัวจะทำข้าวของตกแตกเสียหายแล้วจะไม่มีปัญญาจ่าย
นาทีนี้แอร์เย็น ๆ กระทบตัวไม่ได้ทำให้เหงื่อในมือลดน้อยลงเลยแม้แต่นิด ยิ่งใกล้เวลาเข้ามาเรื่อย ๆ ผมยิ่งรู้สึกขี้ขลาดจนอยากจะถอนตัว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะยังทันมั้ย ถ้าผมผลักประตูแล้ววิ่งออกไปเลย เจ๊เจ้าของร้านจะซวยหรือเปล่า
ครืดดด!!
เสียงประตูเคลื่อนออกทำหัวใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม ผมนั่งตัวสั่นริก ๆ ที่ปลายเตียง รู้สึกคอมันแห้งผากจนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนกำลังก้าวเข้ามาประชิดตัวผมช้า ๆ ยิ่งกระตุ้นให้หัวใจผมเต้นระรัวขึ้นเช่นกัน
ผมไม่กล้าแม้แต่จะเชยหน้าไปมองบุคคลตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้าจ้องปลายเท้าตัวเองนิ่งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ
ไม่นานคนมาใหม่ก็เดินเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะจับปลายคางของผมเชยขึ้นมาปะทะหน้าเขาจนมองเห็นใบหน้าอย่างถนัด
ผู้ชายคนนี้หรือที่ผู้คนเรียกกันว่าท่านคิงส์?
ผู้ชายร่างใหญ่ใส่ชุดสูทสีดำลับกับรองเท้าหนังขัดจนขึ้นเงาวาววับเล่นแสงกับไฟจนแสบตา
ผมแปลกใจเล็กน้อยที่เขายังดูหนุ่มอยู่เลย น่าจะอายุประมาณ 30 ต้น ๆ ทำไมถึงเรียกว่าท่าน นึกว่าจะอายุประมาณ 60 กว่าซะอีก แถมยัง… หล่อชะมัด สันจมูกโด่งลับกับตาคมจนน่าหลงใหล แต่มีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่มองแล้วทำให้รู้สึกน่าเกรงขามจนไม่กล้าสบตา
“ชื่ออะไร”
“ชะ ชื่อภีมครับ”
“ถูกหลอกมารึเปล่า” เขาถามออกมาเสียงเรียบนิ่ง
“ปะ เปล่าครับ ผมมาสมัครงานเอง” ผมตื่นเต้นจนตอบตะกุกตะกัก
“ตัวแค่นี้ อายุถึง18 แล้วหรอ” ท่านคิงส์จ้องมองผมอย่างสำรวจอีกครั้งด้วยสายตาจับผิด ผมเป็นคนหน้าหวานเหมือนแม่แถมยังตัวเล็กนิดเดียว ไม่แปลกหรอกที่ผมจะดูเด็กเกินวัย
“ถึงแล้วครับ ถ้าคุณ เอ๊ย!! ถ้าท่านไม่เชื่อเดี๋ยวผมไปหยิบบัตรประชาชนมาให้ดู” ผมรีบค้นตามตัวเพื่อหากระเป๋าตังค์ แต่ก็ต้องหัวเสียเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เอ่ออ… พอดีว่าก่อนเข้าห้อง เขาให้ผมเอาของไว้ข้างนอกหมดเลย ท่านรีบมั้ยครับเดี๋ยวผมไปหยิบมาให้” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ช่างมันเถอะ แล้วทำไมถึงมาทำงานที่นี่ พ่อแม่รู้จะเสียใจรู้มั้ย” เขาพูดเชิงตำหนิหน้าดุ
“พ่อแม่ผมเพิ่งเสียเมื่อเดือนที่แล้วเองครับ ผมมาหาเงินจ่ายค่าเทอม”
“หึ” ทันทีที่ผมพูดจบเขาก็แสยะยิ้มออกมาพร้อมกับมองบนเล็กน้อย
“มุกเดิม ๆ” เขาว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม
ผมไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะผมกำลังรวบรวมสติไม่ให้แตกกระเจิงอยู่
“ฉันอยากดื่ม ไปเทเหล้าให้หน่อย” เขาพยักเพยิดหน้าไปที่โต๊ะใกล้ ๆ ที่จัดชุดเครื่องดื่มไว้อย่างสวยงาม ผมไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปเทเหล้าให้เขาอย่างเอาใจ
ผมเทเหล้าในขวดลงใส่แก้วในมืออย่างบรรจง แต่กะปริมาณไม่ถูกว่าต้องเทเยอะแค่ไหน ก็เลยเทเหล้าลงจนปริ่มปากแก้ว ก่อนจะค่อย ๆ เดินถือแก้วไปให้เขาเพราะกลัวมันจะหกระหว่างทาง
“เหล้ามาแล้…เฮ้ย!!”
ผมตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เพราะผมดันไปทำเหล้าหกใส่เสื้อสูทราคาแพงของเขาจนเปียกโชก
“ผะ ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมรีบก้มลงเอาเสื้อตัวเองไปซับเหล้าออกให้เขาอย่างลนลาน ไม่กล้าหันไปสบตาเขาเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เขาคงกำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้าแน่ ๆ
“เฮ้ออ!!” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหงุดหงิดเต็มทน
“ไม่เป็นงาน!”
คนตรงหน้ากดเสียงต่ำจนผมใจกระตุกวูบ ใต้ขอบตามันร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้ออกมา อยากจะพาตัวเองวิ่งออกไปจากจุดนี้ชะมัด
แต่แล้วอยู่ ๆ ท่านคิงส์ก็ถอดเสื้อสูทออกก่อนจะขว้างมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ดะ เดี๋ยวผมเอากลับไปซักให้นะครับ”
หมับ!!
ไม่ทันที่ผมจะเดินไปหยิบเสื้อสูท ข้อมือหนาก็คว้าแขนผมเหวี่ยงลงเตียง จนหน้าจมลงใส่ผ้าห่มนุ่ม ๆ
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงกระดกเหล้าที่เหลือครึ่งแก้วเข้าปากรวดเดียวหมด ก่อนจะหันมากระชากเสื้อออกจนกระดุมกระเด็นกระดอนลงพื้น
ผมใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บไปหมด รีบถอยหลังโดยอัตโนมัติแต่ก็ถูกเขารวบขาดึงลงมา
“หึ จะหนีไปไหน ยังไม่ทำอะไรเลยกลัวแล้วหรอ?” เขาว่าพร้อมกับเหยียดยิ้ม
“ปะ เปล่าครับ ผมไม่ได้กลัว” บ้าจริง ทำไมผมถึงไม่ตอบไปว่าใช่ล่ะ ผมอยากจะทึ้งหัวตัวเองจริง ๆ
แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็…
เอาวะ!! ไม่น่าจะถึง 20 นาที กลั้นใจแค่แป๊บเดียวคงเสร็จแล้ว สู้หน่อยสิไอ้ภีม!
คิดได้ดังนั้นผมก็นั่งใช้เข่าตั้งพื้นก่อนจะถอดเสื้อออก เผยให้เห็นร่างบางสีขาวลับกับหัวนมสีชมพูระเรื่อ
ท่านคิงส์นิ่งไปชั่วขณะพร้อมกับจ้องผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย ยอมรับเลยว่าสายตาคู่นี้มันยากที่จะคาดเดาจริง ๆ ผมไม่สามารถอ่านแววตาเขาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ถอดกางเกงด้วย”
“อะ เอ่ออ… ปิดไฟได้มั้ยครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบา เกรงว่าจะทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีก
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่หยิบรีโมทขึ้นมาแล้วจิ้มกดลงไปสองสามทีไฟในห้องก็ลดความสว่างลงครึ่งหนึ่ง แม้ไม่ได้ดับไปสนิทแต่ก็พอแก้เขินอายได้บ้าง
ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ต้องฮึบสู้เท่านั้น อีกนิดเดียวไอ้ภีม สู้!!
ผมค่อย ๆ ถอดกางเกงออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพับอย่างเรียบร้อยไว้ที่ด้านล่างเตียง ยอมรับเลยว่ากำลังถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด
แอร์เย็น ๆ สาดเข้ามาใส่ร่างบางจนทำให้ผมหนาวสั่นระริกราวกับลูกหมาตกน้ำ จนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุ่มอก
“ฉันไม่ได้ใจดีถึงขนาดที่ฟังปัญหาชีวิตนายแล้วจะให้เงินไปจ่ายค่าเทอมฟรี ๆ หรอกนะ”
“ครับ ผมเข้าใจ”
เขาถอดกางเกงลงต่อหน้าผมอย่างจงใจ จนผมรีบเสมองทางอื่นอย่างลน ๆ เขาไม่รู้สึกอายบ้างเลยหรือไงที่ต้องเปลือยกายต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างนี้
“หนาวหรอ?” เขาถามขณะที่เลื่อนมือเข้าลูบไล้ต้นขาขาวผมจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“นะ นิดหน่อยครับ” ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เมื่อเขาเริ่มเลื่อนมือเข้ามาที่ก้นงอนของผมก่อนจะออกแรงบีบเคล้นเต็มแรง
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งเฮือกกำผ้าห่มในมือไว้แน่น
“รออีกนิด เดี๋ยวก็ได้ร้อนแล้ว” เขากระซิบข้างหูก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้ามาประกบปากผม พร้อมกับสอดปลายลิ้นเรียวเข้ามาตวัดเลียในโพลงปาก
เริ่มแรกเหมือนจะเป็นการจูบที่ทะนุถนอมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรุนแรงและดุดัน เขาเริ่มดูดเม้มริมฝีปากผมแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมาที่ริมฝีปากล่าง
ท่านคิงส์เอื้อมมือหนาเข้ามาจับฝ่ามือเล็กของผมเข้าไปทาบที่ตรงกลางลำตัวของเขา แต่ผมดันตกใจจึงรีบชักมือกลับจนเขาชักสีหน้าหงุดหงิด
“เป็นอะไร?” เขาว่าอย่างไม่สบอารมณ์
“ขอโทษครับ ผมไม่นึกว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้” ผมตอบไปตามความจริงก่อนจะยอมเลื่อนมือไปจับแก่นกายเขาที่มันตั้งชูอยู่ด้านล่าง แท่งใหญ่เบ้อเริ่มขนาดนี้มันจะเข้าไปอยู่ในตัวผมได้ยังไงกัน คิดภาพยังไงก็คิดไม่ออก
ผมรวบแก่นกายนี้ไว้ในมือหลวม ๆ ก่อนจะเริ่มรูดรั้งขึ้นลงช้า ๆ
“ชะ ช้า ๆ ก่อน” เขาพูดเสียงติดขัดพร้อมกับหอบหายใจถี่
“อมให้หน่อย”
“ห้ะ?! หมายถึงอมไอ้นี่น่ะหรอครับ” ผมหน้าเหวอเล็กน้อย ไม่คิดว่าต้องทำถึงขนาดนี้
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่กดหัวผมลงไปด้านล่างจนผมจำใจต้องอ้าปากครอบแก่นกายนี้ไว้อย่างยากลำบาก
“ซี๊ดดด!! อย่างงั้นแหละดีมาก อ้าา~” เขาครางกระเส่าอย่างพอใจ
“โอ๊ย!!” ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อเขากระชากหัวผมให้นอนราบไปกับเตียงก่อนจะหยิบถุงยางขึ้นสวมใส่
ท่านคิงส์จับขาผมถ่างออกก่อนจะแทรกตัวเข้ามานั่งตรงกลาง เขาเอื้อมมือเข้ามารูดรั้งแก่นกายของผมที่อยู่ตรงหน้าอย่างชำนาญดูท่าทางคงมีประสบการณ์ไม่น้อย
“อึก อ๊ะ อ้าา~” ผมเผลอครางออกมาก่อนจะเม้มปากไว้แน่นเมื่อเขารูดรั้งแก่นกายอย่างรู้จุดสำคัญ
“ชอบมั้ย”
“ชะ ชอบครับ”
ผมเบือนหน้าหนี เพราะยิ่งเห็นหน้าเขายิ่งรู้สึกเหมือนมันเสียวมากกว่าเดิม ผมไม่อยากครางเสียงที่มันน่าอายนั่นออกมา
เพียะ!!
“อ๊ะ!!”
เขารวบขาผมยกขึ้นก่อนจะวาดฝ่ามือลงก้นงอนเสียงดังสนั่น เจ็บชะมัด!
ท่านคิงส์หยิบเจลที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาเปิดฝาออกพร้อมกับบีบมันลงบนปลายนิ้ว แล้วนำมาทาวนที่ช่องทางด้านหลังผม จนรู้สึกเย็นวูบวาบ
ผมกัดปากแน่นรู้สึกแปลก ๆ เมื่อมีอะไรมาโดนจุดนี้
เขาไม่รอให้ผมได้ตั้งหลัก รีบสอดนิ้วเข้ามาภายในช่องด้านหลังช้า ๆ จนผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
“อะ เจ็บ!!” ผมกำที่นอนไว้แน่น
“เตรียมใจไว้รอเลย นี่เพิ่งเข้าไปแค่นิ้วเดียวเอง” เขาว่าพร้อมกับชักมือเข้าออกช้า ๆ
“อ๊ะ อ้าา~” ผมครางกระเส่าเมื่อเขาเพิ่มนิ้วเข้ามาถึงสองนิ้ว และสามนิ้วในที่สุด
“อย่าทำหน้าแบบนี้นายจะยิ่งเจ็บตัว” ผมพยายามเบือนหน้าหนี ไม่รู้ว่าต้องทำหน้าแบบไหน คนมันเจ็บก็ต้องทำหน้าแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ
ท่านค่อย ๆ ถอดนิ้วออกก่อนจะแทงแก่นกายขนาดใหญ่เข้ามาแทน
สวบ!!
“อ้าาา~ โคตรแน่น แน่นจนเจ็บไปหมด”
“ฮึก อ๊ะ เจ็บบ!!” ผมดิ้นพล่านเมื่อมีแท่งขนาดใหญ่ยัดเข้ามาในตัว มันทั้งจุกทั้งเจ็บและเสียวในคราเดียวกัน
“อย่าเกร็ง มันเข้าไม่ได้” เขาพูดเสียงดุ ก่อนจะดึงแท่งร้อนออกมาแล้วเสียบเข้าไปใหม่
“อ๊ะ ทะ ท่านคิงส์ เบา ๆ ครับ ฮึก” ผมดึงผ้าปูในมือจนมันยับยู่ยี่
“ซี๊ดดด!! ในตัวนายโคตรดี ฉันเชื่อแล้วว่านายเป็นของใหม่จริง ๆ” เขาว่าพร้อมกับเชิดคางขึ้นแล้วเอื้อมมือมาบีบคอแล้วเน้นน้ำหนักไปที่สันกรามผมเพื่อระบายความเสียว
“ฉันบอกว่าอย่าทำหน้าอย่างนี้ไง มันยั่ว!! เดี๋ยวฉันก็ยั้งมือไม่อยู่หรอก” ไอ้หน้าแบบนี้มันคือหน้าแบบไหนกันล่ะเนี้ย
“อ๊ะ อ้าา~” ผมครางกระเส่าเมื่อเขาโน้มตัวลงมาไล่เลียตุ่มไตสีชมพูที่มันตั้งยอดอยู่ขณะที่ยังกระแทกสะโพกเข้ามาเรื่อย ๆ
“อ้าา~ รู้สึกยังไงบ้าง” เขาถามเสียงแหบพร่า
“จะ เจ็บครับ!!”
“แค่นั้นหรอ”
“สะ เสียวด้วยครับ”
“หึ หึ อย่าหนีบขา ฉันกระแทกไม่สะใจ” เขากระแทกเข้ามาเน้น ๆ โดนจุดกระสันด้านในจนผมครางลั่นห้อง
“อ๊ะ อ้าา~ ท่านคิงส์ อื้ออ เสียว อ้าาา~” ผมจิกเล็บลงแผ่นหลังเขาเพื่อระบายอารมณ์
“อ้าา~ ครางชื่อฉันอีกสิ ฉันชอบ”
เพียะ!!
เขาตบมาที่ก้นเด้งจนผมสะดุ้งเฮือก
“อ้าาา~ ท่านคิงส์” ผมเอื้อมดันตัวขึ้นไปรวบคอเขาไว้แน่น
“อ้าา~ ทำไมยั่วขนาดนี้วะ” เขาว่าก่อนจะกระแทกเข้ามาแรง ๆ ก่อนจะจับผมพลิกหันหลังอยู่ในท่าคลานเข่าแล้วเสียบแก่นใหญ่อันใหญ่เข้ามาอีกครั้ง มือก็รั้งเอวผมไว้ไม่ให้เซล้มไปด้านหน้า
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!
“อ๊ะ อ้าาา~ ทะ ท่านคิงส์ ผมเจ็บครับ” ผมรีบพูดเสียงติดขัด รู้สึกเจ็บหน่วงช่องทางด้านหลังรามมาถึงช่วงท้อง
“อ้าา~ กลั้นใจหน่อย พยายามเร่งให้อยู่” เขาว่าพร้อมกับตบก้นงอนเสียงดังลั่นจนเกิดรอยฝ่ามือขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าา จะไม่ไหวแล้ว ฮึก อ๊ะ อ้าา~“ ผมเริ่มหมดแรงและเซไปด้านหน้าแต่ยังมีมือของเขารั้งเอวไว้จึงไม่ได้ล้มลงไป
“อีกนิด อ้าาา~ จะเสร็จแล้ว”
เขากระแทรกเข้ามาแรง ๆ จนผมปวดหนึบไปทั้งตัว มือที่กำผ้าปูไว้เริ่มอ่อนแรงเต็มที น้ำตาหยดใส ๆ เริ่มปริ่มที่ขอบตา พร้อมสมองของผมที่กำลังประมวลเหตุการณ์ช้า ๆ นี่ผม….กำลังทำบ้าอะไรอยู่
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!
“ซี๊ดด อ้าาาา~” เขาครางเสียงต่ำก่อนจะกระแทกเข้ามาจนมิดด้าม
พรึบ!!
ผมรู้สึกเหมือนปวดร้าวทั้งตัว มันหนักอึ้งขึ้นมาถึงสมอง ก่อนที่ร่างผมจะล่วงลงที่นอน
“ภีม ภีม! ตื่นสิ ไอ้เด็กนี่ทำไมอ่อนแอจังวะ”
นี่คือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเลือนลาง และดับไปในที่สุด…
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างอยากลำบากภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่คุ้นตา
นี่ผมกลับมาบ้านได้ยังไงเนี่ย ภาพสุดท้ายที่จำได้คือเมื่อคืนผมอยู่ที่ผับ แล้วก็…
บ้าจริง!! ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยครับ ผมทำมันลงไปจริง ๆ ใช่มั้ย
ผมทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ว่าแต่ผมกลับมาที่นี่ได้ยังไง ผมไม่ได้บอกใครว่าบ้านผมอยู่ตรงไหน ใครพาผมมาส่งหรอ?
ก่อนที่ผมจะคิดอะไรร้อยแปดไปมากกว่านี้พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ผมเดินเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยท่าทางที่ดูพิลึกไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
ข้าวต้มที่ยังมีควันลอยขึ้นมา บ่งบอกว่ามันยังร้อน ๆ อยู่เลย แถมมีน้ำและยาแก้อักเสบที่วางอยู่ข้าง ๆ
ผมคงไม่ได้หิวถึงขนาดรีบกินของที่ไม่รู้ที่มาที่ไปหรอกนะ
เอะ!! แล้วนี่กระดาษอะไร
ผมไม่รอช้ารีบหยิบกระดาษที่แนบอยู่ด้านล่างขึ้นมาเปิดดู
‘ใบเสร็จชำระค่าเทอม’
ผมเบิกตาโพลง ขยี้ตารัว ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด
พ่อแม่ผมอยากให้ผมมีอนาคตดี ๆ จึงจับเข้าโรงเรียนมีชื่อเสียง ซึ่งค่าเทอมก็แพงริ้ว ผมถอดใจแล้วด้วยซ้ำกะว่าจะไปลาออก แม้จะเหลือแค่เทอมสุดท้าย ไม่นึกไม่ฝันว่าเหตุการณ์เมื่อคืน จะทำให้ผมได้เรียนต่อ
ผมไม่มีเวลามานั่งคิดอะไรมาก ในเมื่อจ่ายค่าเทอมแล้วผมก็ต้องไปเรียน ผมรีบกินข้าวกินยาแล้วออกไปโรงเรียนทันที
วันนี้ที่โรงเรียนก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เรียนคาบเช้าเสร็จก็กินข้าว กินข้าวเสร็จก็เรียนคาบบ่าย
ผิดปกติตรงที่ผมไม่มีสมาธิเรียนเลย ในหัวมันนึกถึงแต่เรื่องเมื่อคืน ผมจะเอายังไงต่อดี จะกลับไปทำงานที่นั่นต่อดีมั้ย แต่ตอนนี้ก็ยังเจ็บหนักอยู่ คงทำงานไม่ได้ซักพักใหญ่ ๆ ทั้งวันผมเอาแต่เหม่อลอยคิดเห็นภาพผู้ชายคนนั้นขึ้นมาในหัว นึกถึงหน้าเขาตอนกระแทกแล้วมัน… รู้สึกเสียวที่ท้องน้อยยังไงไม่รู้
ผมพยายามควบคุมสมาธิตัวเอง ให้จดจ่อกับครูที่กำลังสอนอยู่หน้ากระดานจนถึงเวลาเลิกเรียน
ตุ๊บ!!
“โอ๊ยย!!” ผมหัวโยกเซล้มไปกับพื้น เมื่อเดินผ่านสนามฟุตบอลแล้วมีก้อนกลม ๆ ลอยมากระทบหัวจนมึนไปหมด
“ฮ่า ฮ่า โทษทีว่ะ กูไม่เห็นว่ามีคนอยู่” นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นไอ้มีโอลูกปลัดอำเภอที่มันชอบกลั่นแกล้งผมเป็นประจำ มองดูก็รู้ว่ามันตั้งใจเตะชัด ๆ
เพื่อนมันอีกสามสี่คนเดินเข้ามาเตะบอลอัดผมซ้ำ ๆ พร้อมกับหัวเราะสนุกสนาน
“โอ๊ย!! หยุดนะ” ผมตะโกนบอกทั้งที่แขนยังปัดป้องกันไม่ให้ลูกบอลอัดโดนหน้า
“ฮ่า ฮ่า ถ้ากูไม่หยุด แล้วมึงจะทำอะไรกูวะไอ้ลูกหมา ตัวเล็กกะจิ๊ดเดียว กูนึกว่าหมากระเป๋า” พวกมันระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
บอกแล้วไงครับ โรงเรียนนี้มันเป็นสถาบันแบ่งแยกชนชั้นอย่างน่าขยะแขยง ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ผมดิ้นรนหาเงินส่งเสียผมมาเรียนที่นี่ผมคงลาออกไปนานแล้วล่ะ
ตุ๊บ!!
“โอ๊ยย!! ใครวะ” ไอ้มีโอร้องลั่นพร้อมกับกุมหัวที่มีเลือดสด ๆ ไหลออกมาไว้แน่น
มันและลูกน้องกวาดสายตามองหาตัวต้นเหตุที่ขว้างก้อนหินใส่มันอย่างเดือดดาล
“กูเอง!” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะปรากฏกลุ่มคนใส่ชุดสูทสีดำนับสิบคนเดินเข้าไปหาพวกไอ้มีโอ
“พะ พวกมึงเป็นใคร อย่าเข้ามานะ กูบอกพ่อกูจัดการพวกมึงแน่” ไอ้มีโอยังปากดีแต่ขากลับรีบถอยหลังกรูดจนไปชิดกับกำแพงตาข่ายด้านหลัง
“หึ งั้นฝากบอกพ่อมึงหน่อยละกัน ว่าเตรียมตัวตายยกครัวได้เลย” เขาเหยียดยิ้มพร้อมกับชักกระบอกยาวออกมาจากด้านหลัง
ตุ๊บตั๊บ ๆ
“โอ๊ยย!! เจ็บ!”
“โอ๊ยย!! ขากู ขากูหักแล้วแน่ ๆ โอ๊ยยย!!”
ภายในพริบตา พวกไอ้มีโอโดนตะลุมบอนจนเละ มีนักเรียนเกือบครึ่งโรงเรียนวิ่งมามุงดูเหตุการณ์นี้
ไอ้มีโอมันเป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียน ไม่เคยมีใครกล้าหือกับพวกมันมาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่อหน้าต่อตา
แล้วผมจะยืนอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะเนี่ยทำไมไม่รีบหนี คิดได้ดังนั้นผมก็พร้อมก้าวขาเดิน
“คุณภีมครับ ให้ผมจัดการเลยมั้ยครับ” ชายสูทดำที่ดูจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนนั้นยกกระบอกปืนขึ้นมาจ่อที่หัวของไอ้มีโอ
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของนักเรียนในบริเวณนั้น
“อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมกลัวแล้ว ๆ”
ไอ้มีโอลุกลี้ลุกลนขึ้นมากราบชายชุดดำด้วยความกลัวตาย
“ยะ อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยครับ พอเถอะครับ” ผมรีบร้องปราม
ชายชุดดำก้มหัวโค้งคำนับก่อนจะเก็บปืนเข้าที่เดิม
แล้วหันหน้าไปที่เด็กนักเรียนที่มุงดูอยู่เต็มขอบสนาม
“ผมขอประกาศไว้ตรงนี้ ต่อไปนี้ห้ามใครหน้าไหนมารังแกแกคุณภีมอีก ถ้าใครยังกล้าลองดีกับคนของท่านคิงส์อีกล่ะก็…ผมรับรองได้เลยว่าไม่ตายดี”
“คนของท่านคิงส์งั้นหรอ” เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นทั่วสนาม
“เชี่ยย!! ไอ้ภีมเป็นเด็กของท่านคิงส์ว่ะ” เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเรื่อย ๆ
ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงต่อ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมด้วยสายตามึนงง ผมเองก็ไม่ต่างกัน ผมยังงงอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกชุดดำนี้เป็นคนของท่านคิงส์งั้นหรอ แล้วพวกเขามาปกป้องผมทำไมกัน?
“คุณภีมครับรถจอดอยู่ด้านหน้า เชิญครับ” ผู้ชายชุดดำผายมือให้ผมเดินตาม
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับ”
“คุณภีมครับ ให้ผมไปส่งดีกว่านะครับ ท่านคิงส์กำชับมาแล้ว ไม่งั้นพวกผมจะโดนลงโทษนะครับ”
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เฮ้อ!! ช่วยไม่ได้แฮะ
ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถ