ณ ห้องโถงเพนต์เฮาส์ส่วนตัว – โรงแรมเดอะเวลล่า
เวลาสี่ทุ่มเศษ แสงไฟจากระเบียงสาดผ่านม่านบาง ละลายเป็นเงารูปร่างคมกริบบนพื้นไม้ขัดเงา
อลิสแตร์ยืนพิงผนัง เงียบขรึม มือข้างหนึ่งยังกำเสื้อเชิ้ตตัวที่เขาเพิ่งถอดออก…อีกข้างกำแก้วเหล้าแน่น ร่างเปลือยท่อนบนของเขามีเพียงหยดเหงื่อบาง ๆ ที่ยังหลงเหลือจากเหตุการณ์ที่เกือบจะลักหลับลลิล
เสียงเปิดประตูดังขึ้น
ราเฟียล ก้าวเข้ามาช้า ๆ ร่างสูงในชุดสูทสีเทากระทบกับแสงไฟ แววตาคมใต้กรอบหน้าแบบลูกครึ่งมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีเลศนัย
“เลขานายล่ะ?” เขาถาม
อลิสไม่ตอบ แต่สายตาเหลือบมองไปทางประตูห้องนอนที่ปิดสนิท ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง
ราเฟียลเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ หยิบแก้วขึ้นรินวิสกี้เข้มสีอำพัน
“ฉันมาที่นี่...เพราะมีบางอย่างที่นายควรรู้”
อลิสปรายตามองนิ่ง
ราเฟียลเอนหลังพิงเคาน์เตอร์ สูดลมหายใจ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“คนที่ลงมือวันนี้ — ไม่ใช่แค่พวกนักฆ่าทั่วไป หรือกลุ่มหัวรุนแรงรายทาง”
เขาหยุดไปอึดใจ ก่อนเอ่ยชื่อออกมาชัด
“มันคือกลุ่ม ‘เซอร์เบอรัส’ — พวกนั้นเคยทำงานร่วมกับ ‘Blackfin รุ่นแรก’ ...ก่อนจะทรยศพ่อของนายเมื่อ 20 ปีก่อน”
แก้วในมืออลิสแตร์แน่นขึ้นเล็กน้อย
“…เซอร์เบอรรัสยังอยู่?”
ราเฟียลพยักหน้า
“ไม่ใช่แค่ ‘ยังอยู่’ แต่ตอนนี้พวกมันทำงานให้กับเครือข่ายระดับสูงในยุโรปตะวันออก...และมีคนในบริษัทนายเป็นสายให้”
“ราเมียส กรุ๊ป?” เสียงอลิสเข้มขึ้น ทุ้มต่ำและคมกริบ
ราเฟียลจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง
“นายเคยถามฉันว่า ทำไมฉันไม่กล้าเข้าใกล้กลุ่มทุนในไทยมากเกินไป…เพราะในนั้นมี ‘คนของเซอร์เบอรัส’ ปะปนอยู่ และหนึ่งในนั้น...อยู่ใกล้นายมากกว่าที่คิด”
อลิสนิ่ง...แต่ลมหายใจหนักขึ้นแทบไม่รู้ตัว
ราเฟียลจิบเหล้า ก่อนเดินเข้าใกล้เงียบ ๆ จนแทบได้ยินเสียงผ้าเสียดสีกับพื้น
“ฉันไม่แน่ใจว่าใครในบอร์ดของราเมียสทำงานสองหน้า แต่ที่ฉันแน่ใจคือ...”
เขายื่นกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ให้อลิส
“นี่คือจุดที่พ่อของนายถูกพบตัวครั้งสุดท้ายเมื่อ 27 ปีก่อน...ก่อนจะหายสาปสูญไป”
อลิสรับมาโดยไม่พูดอะไร แววตาใต้ขนตาเข้มคู่นั้น...ลุกเป็นไฟ
ราเฟียลพูดทิ้งท้าย
“บางที...เขาอาจไม่ตาย”
“บางที...พ่อของนายอาจยังมีชีวิตอยู่—และถูก ‘ใครบางคน’ ปกปิดไว้มาตลอด”
อลิสกำหมัดแน่น ราเฟียลมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“ในเมื่อนายรู้แล้ว จะเอาไงต่อ?”
ดวงตาของอลิสเป็นประกายอำมหิต เขายิ้มหยันเล็กน้อย
“ฉันจะจัดการเอง”
💣💣
ณ ห้องเก็บเสียงชั้นใต้ดินของโรงแรมเดอะเวลล่า– พื้นปูนเปลือย ไฟส่องจุดเดียวกลางเพดาน
ชายแปลกหน้าร่างสูงที่บังอาจมาจับตัวลลิล ตอนนี้มือทั้งสองข้างถูกล่ามกับเก้าอี้เหล็ก ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้กับอลิสและคิมหันต์
เสียงประตูเหล็กเปิดออกเบา ๆ
อลิสแตร์ก้าวเข้ามาในความมืด พร้อมด้วยคิมหันต์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตดำพับแขน — ไม่เหลือเค้าเลขาหน้าหวานอย่างที่ใครเคยรู้จัก
อลิสหยุดยืนตรงหน้าเหยื่อ…มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉียบไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดเสียงต่ำช้า ๆ
“มีสองทาง...พูด หรือไม่พูด”
ชายคนนั้นแค่นหัวเราะ
“คิดว่าจะขู่—”
ผัวะ!
เสียงสนับมือของคิมหันต์กระแทกเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายดังชัด ฟันกระเด็นกระแทกพื้นคอนกรีต
เขาเช็ดเลือดที่มืออย่างไม่ใส่ใจ
“นายคิดผิดอย่างหนึ่ง...ฉันไม่ใช่คนใจดีแบบในโปรไฟล์”
อลิสก้าวเข้าไปใกล้ ดึงเก้าอี้เหล็กอีกตัวมานั่งตรงข้าม เขาเท้าแขนกับพนัก เกยข้อศอกบนเข่า แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ใครส่งนายมา”
ชายคนนั้นยังเงียบ
“ดี...” อลิสพยักหน้าเรียบ ๆ แล้วหันไปทางคิมหันต์
คิมหันต์ยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มบางอย่างจากกระเป๋า ทิ้งลงตรงหน้าผู้ชายคนนั้น
ภาพเอกสาร หลักฐานการเคลื่อนไหว และบัญชีโอนเงินใต้ดิน ถูกแผ่เปิดทีละใบ
“ถึงนายไม่พูด ฉันรู้หมดแล้วว่า ‘นาย’ เป็นใคร…เหลือแค่ ‘ใครอยู่เบื้องหลัง’ เท่านั้น”
อลิสยกนิ้วชี้ขึ้นเบา ๆ ราวกับคำสั่งประหารโดยไม่ต้องออกเสียง
คิมหันต์หยิบมีดพับปลายเรียวจากข้อเท้า กรีดเบา ๆ ที่ต้นขาอีกฝ่าย — ไม่ลึก แต่พอให้เลือดซึมอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ
“นี่เป็นวิธีแบบญี่ปุ่น...เลือดจะค่อย ๆ ไหล…ช้า ๆ เหมือนชีวิตที่กำลังหมดไปทีละนิ้ว”
เสียงหายใจของเหยื่อเริ่มติดขัด
อลิสเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ลมหายใจแทบรินรดใบหน้าเหยื่อ
“ที่นายจับเธอไป...นายแตะต้องคนของฉัน”
“ฉันจะถามอีกครั้ง...ก่อนฉันสั่งให้คิมตัดนิ้วนายทีละข้อ”
อีกฝ่ายตัวสั่น เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
“ผม...ผม...ได้คำสั่งจากคนของ ‘เฮรา’…”
เขาเงยหน้ามองทั้งสองคน
“พวกมันบอกว่า...ต้อง ‘ส่งสัญญาณ’ ว่าราเมียส...ไม่ได้มีการป้องกันแน่นหนาอย่างที่คุณคิด”
อลิสยังคงนิ่ง แต่แววตาเปลี่ยนเป็นแหลมคมดั่งมีด
คิมหันต์พึมพำเสียงเย็น
“กล้ามาเล่นกับเสือในถ้ำ...หึ บ้าชิบ”
อลิสแตร์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ เดินวนรอบเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่
“ฉันจะให้โอกาสนาย...” อลิสเหยียดยิ้มหยัน
“กลับไปบอกหัวหน้าของนายว่า...เกมนี้ฉันจะเล่นด้วย”
จากนั้นเขาก็หันไปทางคิมหันต์
“จัดการมันซะ...แล้วปล่อยกลับไปพร้อมของขวัญจากราเมียส”
คิมหันต์พยักหน้า ยิ้มละมุนที่ขัดกับสิ่งที่กำลังจะทำ
“ครับบอส”
เสียงประตูเปิดอีกครั้ง
อลิสเดินออกไปอย่างสงบ...ทิ้งไว้เพียงกลิ่นเลือดจาง ๆ ในห้องที่ไม่มีใครกล้าพูดโกหกอีกต่อไป
สถานที่: ห้องเพนต์เฮ้าส์ส่วนตัว – โรงแรมเดอะเวลล่า
ประตูห้องน้ำเปิดออกช้า ๆ …
ไอน้ำอุ่นจาง ๆ ลอยเอื่อยตามร่างชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบน ผิวเปียกชื้นมีหยดน้ำเกาะเรียงรายตั้งแต่แนวกล้ามอกและหน้าท้องแน่นตึงเป็นลอน กล้ามแขนแข็งแรงขยับไล่หยดน้ำไปตามจังหวะการเดิน
ผ้าขนหนูผืนเล็กคลุมเส้นผมเปียกไว้หลวม ๆ อีกผืนพันรอบสะโพกต่ำ—หลวมจนเผยรอยสักเล็ก ๆ บริเวณโคนสะโพกด้านหลังฝั่งขวา
มันเล็ก...แต่สะดุดตา
เป็นลวดลายคล้ายเถาวัลย์โบราณที่ขดเป็นวงกลม กลางวงมีหยดเลือดสีแดงคล้ำฝังอยู่ราวกับดวงตาของอสูรราตรี
และในวินาทีที่เขาก้าวผ่านแสงไฟจากห้องนอน—รอยสักนั้นกลับเรืองแสงวาบบางเบา ราวกับมีชีวิตของตัวเอง
ไม่นาน ร่างสูงนั้นก็เปลี่ยนเป็นกางเกงนอนขายาวผ้าซาตินเนื้อดี สีกรมเข้มเข้ารูป ขอบเอวพอดีแนบเนื้อ ละอองน้ำยังไหลซึมจากแนวไหล่—ไล้ลงบนแผงอกกำยำ สะท้อนกับแสงไฟวอร์มโทนอ่อน ๆ ในห้องนอนหรูทำให้ดูเซ็กซี่และเร่าร้อนไม่น้อย
เขาเดินช้า ๆ ตรงไปยังเตียงนอนกลางห้อง
ดวงตาคมดุดัน...แต่แฝงความอ่อนโยนเร้นลึก เพียงแค่เห็นร่างของหญิงสาวตรงหน้า ก็ทำให้หัวใจแข็งแกร่งที่สุด...สั่นไหวได้ไม่ยาก
ลลิลยังหลับนิ่ง ผ้าห่มเลื่อนต่ำ เผยต้นคอขาวผ่องกับไหล่บอบบาง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อลิสสวมให้เธอแนบเนื้อจนเห็นส่วนเว้าโค้งบางส่วน ไร้ชั้นใน...เผยความเปลือยเปล่าด้านในอย่างไม่ตั้งใจ
อลิสคุกเข่าลงข้างเตียง เอื้อมมือเช็ดปลายผมเธอที่ยังชื้นจากเหงื่อและฝุ่นควัน นิ้วเรียวแตะหน้าผากเธอเบา ๆ ตรวจอุณหภูมิ
“ไม่มีไข้...ดีมาก...เด็กดื้อของผม”
เขาพึมพำเบา ๆ
ก่อนจะเอื้อมมือเปิดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกทีละเม็ด...อย่างแผ่วเบาและละเมียดละไม
ลมหายใจของเขาเริ่มร้อนขึ้น…ดวงตาคมจ้องต่ำลงไปยังทรวงอกเปลือยขาวที่ค่อย ๆ ปรากฏใต้เนื้อผ้าบาง
“อย่าหลับนานนักสิ ลิน…”
“คุณกำลังทำให้ผมไม่อยากห้ามตัวเองแล้วนะ…”
เขาโน้มตัวลง…ปลายจมูกแตะเนินอกขาวของเธอเบา ๆ ไล่ลากลงมาช้า ๆ ตามความอ่อนหวานที่เขาจินตนาการไว้ทุกคืนที่ผ่านมา ปลายลิ้นแตะผิวเนื้อ…ก่อนจะไล้วนอย่างแนบแน่น
“อืม…”
“รู้ตัวไหม…คุณทรมานผมอยู่ทุกคืนเลย…”
อลิสกระซิบเสียงพร่า
มือข้างหนึ่งแตะแนวสะโพกของเธอเบา ๆ อีกข้างสอดเข้าใต้แผ่นหลัง…กอดเธอเข้ามาชิดแนบอกแน่น
ร่างของลลิลเริ่มขยับไหวน้อย ๆ …ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยราวกับกำลังจะตื่น
แต่อลิสไม่หยุด เขาใช้นิ้วเรียวแตะที่ยอดอกของเธอ—ลากวนแผ่วเบา แล้วก้มลงดูดเม้มอย่างนุ่มนวล...เหมือนกำลังปลุกให้เธอ ‘รับรู้’ ผ่านสัมผัส แม้เปลือกตายังปิดสนิท
เสียงหอบแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปากเธอ ลมหายใจติดขัด ร่างกายเริ่มบิดเร้าเล็กน้อย ตอบสนองต่อแรงสัมผัสที่แผ่วพลิ้ว..
“อะ…อือ…”
เสียงครางในลำคอแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปากของลลิล เปลือกตาของเธอขยับ ราวกับกำลังดิ้นรนระหว่างความฝันและความจริง
อลิสชะงักเพียงวินาทีหนึ่ง…แต่ไม่หยุด
เขาเลื่อนใบหน้าขึ้น…กดจูบที่ขมับเธออย่างแผ่วเบา
“ตื่นเถอะ…ลิน”
“บอส…?” เสียงแหบพร่าแทบไม่เป็นคำ ดวงตาปรือยังคงพร่าเบลอ
แทนคำตอบ เขาก้มลงจูบหน้าผากเธอเบา ๆ
“เธอปลอดภัยแล้ว”
ปลายนิ้วของเขาค่อย ๆ คลี่สาบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอสวมหลวม ๆ ...เนื้อผ้าร่วงหล่นจากบ่าข้างหนึ่ง เผยเนินอกเนียนละเอียดที่ยังมีร่องรอยดูดเม้ม
มือเขาแนบลงบนผิวร้อนผ่าว ลากปลายนิ้วจากไหปลาร้าไล้ลงสู่กลางอก...ลลิลครางในลำคออีกครั้ง ร่างบางบิดเบา ๆ ปลายนิ้วของเธอยกขึ้นสัมผัสแผงอกเปลือยของเขาอย่างเผลอตัว
“อา…”
เธอสูดลมหายใจถี่ ร้อนวูบวาบแล่นผ่านกลางกายอย่างควบคุมไม่ได้
ฝัน...หรือจริง เธอไม่อาจแยกออก
อลิสพยายามควบคุมลมหายใจตนเอง...ดวงตาวาววับด้วยความไฟปรารถนาที่คุกรุ่น
เขาก้มลง—จูบลงบนเนินอกเนียนนุ่มที่โผล่พ้นสาบเสื้อเชิ้ต
หนึ่งจูบ...แช่ไว้ ก่อนปลายลิ้นจะไล้ผ่านยอดอกที่แข็งชูชัน...
เสียงครางหลุดจากลำคอเธอทันที ลลิลสะดุ้ง ดวงตาค่อย ๆ ลืมขึ้น เบลอ...สับสน...และ—เจอกับแววตาของเขา
“บอส…?”
เขาชะงัก ปลายนิ้วยังค้างอยู่บนเนินอก
ริมฝีปากยังแตะแผ่วบนผิวเธอ
แล้วดวงตาทั้งสองสบกัน—ลึก ซึ้ง และ...เร่าร้อนแทบบ้าคลั่ง