บทที่ 8 เริ่มใช้ชีวิตที่บ้านสวน
กลางดึกคืนนั้นทุกคนก็เดินทางออกจากเมืองหลวงในทันที เพราะมีผู้คนเข้าออกเยอะมาก อีกทั้งการดูแลก็ไม่เข้มงวดเท่าแต่ก่อน การที่ผู้คนจะเดินทางออกนอกเมืองหลวงจึงไม่ใช่เรื่องยากเท่าแต่ก่อนอีก ขอเพียงใช้เงินติดสินบนเหล่าทหารที่เฝ้าประตูมากหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ระหว่างทางหลี่จื่อเวยไม่ได้พูดสิ่งใดกับมู่หรงซานเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน แต่ทว่าในใจกลับโอดครวญเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมืองหลวงมาตลอด ต้องออกไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชนบทเช่นนั้นเขาคงอึดอัดตาย สหายสักคนก็ไม่มี ร้านค้าก็ไม่ได้มากมายเท่าในเมืองหลวง เขาต้องบ้าตายเป็นแน่
ใช้เวลาเดินทางอยู่ครึ่งค่อนคืนก็เดินทางมาถึงบ้านสวนในตอนเกือบรุ่งสาง เมื่อมาถึงก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย บ่าวไพร่ที่ติดตามมาก็มีเพียงคนสองคน ตอนนี้ทุกคนจึงทำได้เพียงช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อจัดที่ทางให้เรียบร้อย
หลี่จื่อเวยหันไปมองบิดาของตนและหลี่ฮูหยินผู้เป็นแม่เลี้ยง รวมถึงน้องชายและน้องสาวที่กำลังยืนอยู่ด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า หลี่ฮูหยินเดินเข้ามาหาหลี่จื่อเวย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"นับว่าบ้านสามีของเจ้ายังมีสมบัติชิ้นสุดท้ายเหลืออยู่นะ จือจือ พวกเราเลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี ยามนี้เจ้าต้องตอบแทนบุญคุณพวกเราให้ดีล่ะ บิดาเจ้าจะได้ไม่ลำบาก เข้าใจหรือไม่"
หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะมองมองหลี่ฮูหยินด้วยแววตาที่เรียบเฉย ตอบแทนบุญคุณเช่นนั้นหรือ บุญคุณอันใดกัน หากมีใจรักใคร่ห่วงใยนางจริง คงไม่ส่งนางมาแต่งกับสามีเช่นมู่หรงซานหรอก แม้แต่ตอนที่นางป่วยจนตายก็ไม่เห็นหัวคนตระกูลหลี่เลยสักคน
ที่นางทำไปเพราเห็นแก่หลี่จื่อเวยคนเก่าก็เท่านั้น ไหนๆ ก็มาอยู่ในร่างของนางแล้ว ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อนางครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
ด้านบิดาของนางก็เดินเข้ามาหานาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"นี่จือจือ เจ้าทำเช่นนี้ก็เพื่อให้น้องๆ ได้อยู่สบายย่อมเป็นเรื่องดี แม้ว่าก่อนหน้านี้พ่อจะผิดเองที่บังคับเจ้าแต่งงาน แต่เจ้าก็ต้องเข้าใจพ่อนะ ฐานะทางบ้านเราไม่สู้ดี เงินสินสอดของเจ้าก็ทำให้พวกเราไม่ต้องลำบาก"
หลี่จื่อเวยจ้องมองคนตระกูลหลี่ทั้งหมด ก่อนจะเอ่ย
"เดิมทีข้าไม่เคยอยากให้พวกท่านติดตามมาด้วย แต่เรื่องนี้เป็นพ่อแม่สามีข้าที่เอ่ยปาก หากอยากอยู่ที่นี่ก็ใช้ชีวิตให้สงบ อย่ามาสร้างปัญหาให้ข้าก็แล้วกัน"
หลี่ต้งที่ได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้นก็หน้าชาไปเล็กน้อย ส่วนหลี่ฮูหยินก็จ้องมองหลี่จื่อเวยเขม็ง
"ตั้งแต่แต่งงานออกไปดูเหมือนเจ้าจะใจกล้าขึ้นมากนะ ไม่ถูกข้าตบตีสั่งสอนมานาน คงปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วกระมัง"
หลี่ฮูหยินเดินเข้ามาและยื่นมือมาบีบแขนของหลี่จื่อเวยอย่างแรง หลี่จื่อเวยแม้จะเจ็บแต่นางก็ไม่ยอม จึงยื่นมือของตนไปบีบแขนของหลี่ฮูหยินอย่างแรงเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ลองดูสิ ท่านตบมา ข้าตบคืนเต็มแรงแน่"
"นี่เจ้า!!"
หลี่จื่อเวยไม่สนใจพวกเขาอีก นางเดินเข้ามาช่วยแม่สามีจัดเตรียมของต่างๆ ใช้เวลาไปกว่าครึ่งค่อนวันกว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย และได้กินอาหารมื้อกลางวันด้วยกัน บ้านสวนไม่ได้ใหญ่โตเท่าใดนัก แต่ก็พออยู่อาศัยได้ไม่ลำบาก เรือนใหญ่ตรงกลางเป็นที่อยู่ของพ่อแม่สามี ส่วนเรือนปีกซ้ายเป็นของนางและมู่หรงซาน และเรือนปีกขวาเป็นของคนตระกูลหลี่ที่มาขออาศัยอยู่
"เฮ้อ จือจือ ข้าเบื่อจังเลย เรามาหาสิ่งใดทำกันดีหรือไม่"
หลี่จื่อเวยที่กำลังหวีผมหันไปมองมู่หรงซานทันที เขาเดินเข้ามาโอบเอวนาง ก่อนจะเอ่ยกับนางอย่างหยอกเย้า หลี่จื่อเวยขนลุกไปทั้งตัว ตั้งแต่ทะลุมิติมานางก็ไม่เคยหลับนอนกับเขาเลยสักครา ให้ตายเถอะ นางนอนกับคนแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ
"มู่หรงซาน ข้าคิดว่าพรุ่งนี้จะไปที่สวน ท่านแม่บอกว่าเราจะปลูกผักทำสวนเลี้ยงชีพกัน ยามนี้บ่าวไพร่ไม่มีให้ใช้แล้ว เราคงต้องทำกันเอง"
นางเอ่ยจบก็ลุกขึ้นยืนหนีจากการเกาะแกะของมู่หรงซาน มู่หรงซานที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที
"ข้าไม่ไปหรอกนะ อยู่แต่ในสวนน่าเบื่อจะตาย ข้าจะไปเดินเล่นเสียหน่อย ดูว่าแถวนี้มีร้านสุราหรือว่าโรงพนันบ้างไหม"
หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองมู่หรงซาน ก่อนจะเอ่ย
"ท่านต้องไปสวนกับข้า"
"โธ่ จือจือยอดรัก ข้า..."
"หากไม่หุบปาก ข้าจะต่อยท่านจนปากแตกแน่นอน"
มู่หรงซานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันที ก่อนจะจ้องมองหลี่จื่อเวยอย่างออดอ้อน หลี่จื่อเวยเหนื่อยแล้ว นางจึงขึ้นไปนอนบนเตียง มู่หรงซานคิดจะตามขึ้นมานอนด้วย แต่ก็ถูกนางเอ่ยตัดบทเสียก่อน
"ไปนอนที่พื้นโน่น"
"จือจือ"
"หากไม่ยอมไปสวนผักก็นอนพื้นไปตลอด ไม่ต้องมาใกล้ข้า ข้าไม่ชอบคนขี้เกียจ"
นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะหลับหนีมู่หรงซานทันที มู่หรงซานถอนหายใจออกมา ก่อนจะหาผ้ามาปูนอนที่พื้น เขาจ้องมองหลี่จื่อเวยก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ตั้งแต่นางฟื้นกลับมาเขารู้สึกว่ามีหลายอย่างในตัวนางที่แปลกไป ที่สำคัญนางดูสวยและน่าค้นหากว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่จืดชืดและไร้ชีวิตชีวาเช่นแต่ก่อนอีก แต่เสียอย่างเดียวดุไปหน่อย
เขาจ้องมองนางอยู่ค่อนคืนก่อนจะผล็อยหลับไป จนกระทั่งรุ่งเช้าเขาก็ถูกนางปลุกให้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า มู่หรงซานหาวแล้วหาวอีก แต่เมื่อถูกสายตาของภรรยารักจ้องมองมาก็รีบยิ้มแก้เก้อทันที