CHAPTER 5
PUNYAH TALK
รู้สึกไหมว่าคุณพอร์ชเขาเป็นคนนิสัยลึกลับแปลกๆ ทั้งที่เป็นคนสุภาพและสุขุมมากแต่เวลาอยู่กับฉันล่ะชอบถึงเนื้อถึงตัวจนเกินพอดี เหมือนคนชิลๆใจเย็นแต่กลับโมโหอะไรง่ายมากและควบคุมตัวเองไม่ไหวซะด้วย นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าคนพูดน้อยต่อยหนักอ่ะ
“หยาไปนอนพักเถอะไม่ต้องมาช่วยแม่หรอกวันหยุดแท้ๆ”
“หนูจะพักแล้วให้แม่เหนื่อยคนเดียวได้ไงล่ะแม่ ทีแม่ยังไม่มีวันหยุดเลยนะ หนูได้อยู่กับแม่หนูก็เหมือนได้พักผ่อนนั่นแหละ”
“ชาติที่แล้วแม่ทำบุญด้วยอะไรทำไมมีลูกดีขนาดนี้”
“หนูโชคดีมากกว่าที่ได้แม่มาเป็นแม่หนู”
เพราะเราเหลือกันแค่สองคนเราถึงแคร์ความรู้สึกกันมากๆ ฉันกับแม่ไม่มีวันไหนได้หยุดอยู่บ้านเลยนอกจากจะป่วยหนักร่างกายไม่ไหวจริงๆเท่านั้น เป้าหมายคือเงินใช้หนี้เก่าของพ่อหลักล้านซึ่งตอนนี้ลดลงมาเป็นหลักแสนแล้วแต่ก็แสนปลายๆน่ะนะ
วันนี้เป็นวันหยุดของฉันแหละแต่ว่าฉันก็ออกมาช่วยแม่ขายข้าวแกงตั้งแต่เช้า แล้วเดี๋ยวค่ำๆฉันก็ไปทำงานที่ร้านกาแฟต่อ ถึงฉันได้งานที่บริษัทคุณพอร์ชแล้วฉันก็ไม่ลาออกจาร้านกาแฟนะเพราะเวลาทำงานมันไม่ได้ชนกันฉันก็ไม่รู้ว่าจะทิ้งเวลาไปทำไมล่ะในเมื่อทำแล้วได้เงิน
พูดถึงคุณพอร์ช...
นี่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันงอนอะไรเขาอยู่เหมือนกัน ฉันก็ไม่พอใจนี่นาที่เขาว่าอาหารของแม่ฉันสกปรกทั้งที่เขาก็ไม่รู้มาก่อนหรอกว่านั่นคืออาหารของแม่ฉัน อีกอย่างที่ฉันรู้สึกแปลกๆคืออารมณ์ของเขานั่นแหละ พอฉันไม่พูดด้วยเขาก็ไม่ชวนฉันคุยนะ กลายเป็นเราเงียบกันทั้งคู่ มีแค่ก่อนเลิกงานเดินมาหอมแก้มฉันแล้วก็กลับไปเลย
ไม่ใช่ว่าฉันใจง่ายปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เขาทำอะไรแบบนี้แต่ฉันห้ามไม่เคยได้ ฉันไม่กล้าผลักหรือปฎิเสธเขาอ่ะทั้งที่ในใจบางทีก็อยากตบหน้าเขาไปแรงๆสักที แต่เมื่อสบตาเขาร่างกายมันก็ทรยศสมอง
“นั่งยิ้มอะไรของลูก”
“ห้ะ? หนูยิ้มเหรอแม่?”
“ใช่สิ ยิ้มหน้าแดงไปหมดแล้ว ไม่ใช่นึกถึงพ่อหนุ่มหัวหน้าเหรอ”
“ก็ใช่แหละ”
“ชอบเขาเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกันนะแม่ หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่าค้นหาดี อยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่แต่หนูเจียมตัวน่าไม่ปีนเกลียวหรอก หนูรู้ตัวดีว่าควรอยู่ที่ตรงไหน เขากับหนูมันต่างกันจังเนอะ”
เหมือนฉันพูดเองเออเองเมื่อแม่หันไปตักอาหารให้ลูกค้าตั้งแต่ประโยคแรกๆแล้วด้วยซ้ำ เห้ออออ ใจหนอใจ อย่าอ่อนแอมากนักสิ
ใจลึกๆก็ชอบตั้งแต่หน้าตาเขาแล้วล่ะ เพราะหน้าหล่อๆนั่นแหละทำให้ฉันอยากรู้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆของเขามันซ่อนอะไรอยู่กันแน่ พอได้ทำงานไปด้วยแล้วงานมันไม่ได้หนักและเงินดีมากแบบนี้ยังไงฉันก็ต้องทำอยู่แล้ว เขาเป็นหัวหน้าฉันไปอีกนานฉันเลยอยากรู้จักเขามากขึ้นจะได้ปรับตัวให้เข้ากับเขาถูก งานเลขานอกจากจะวุ่นวายเรื่องเอกสารแล้วยังต้องรู้ใจหัวหน้าด้วยนะ ต้องรู้จักเอาอกเอาใจบ้างพองาม
แต่เวลาโดนคุณพอร์ชลวมลามไม่เห็นเขาจะนึกถึงความดีงามเลยสักนิด เหมือนฉันบอกว่าไม่แล้วเขาได้ยินเป็นคำว่าได้ ทำได้นะ อะไรแบบนั้นเลย ชั้นเชิงเขานี่ฉันตามไม่ทันจริงๆ
“ขอเฮียเขาหยุดไม่ได้เหรอลูกวันนี้ก็วันหยุดนะไม่พักผ่อนเลยเหรอ? เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ทำงานแต่เช้าอีก พักสักวันเถอะ”
“หนูไหว นี่หนูก็ลาออกจากร้านข้าวต้มแล้วนะแม่เหลือแค่ทำที่บริษัทกับพาร์ทไทม์ร้านกาแฟเอง สบายมากแม่”
เราพูดคุยกันระหว่างที่ช่วยกันเข็นรถเข็นกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ วันนี้หมดไวเลยได้กลับมาพักไว ฉันมีเวลานอนเล่นอีกสองชั่วโมงก่อนที่จะไปทำงานที่ร้านกาแฟต่อ หลังจากที่กลับมาฉันก็ไปอาบน้ำและออกมานอนดูทีวีที่ฟูกนอนกลางห้อง จ๊นจนนะฉันเนี่ย แต่ก็มีความสุขดี
Rrrrrrrr
ฉันเพ่งมองเบอร์ที่โทรเข้ามาอย่างตกใจ คุณพอร์ช!! ไม่คิดว่าเขาจะโทรมาหาอีก บ้าจริง ตื่นเต้นทำไมเนี่ยปั้นหยา
“ฮัลโหลค่ะคุณพอร์ช เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
[คิดถึงครับ]
“อารมณ์ไหนคะเนี่ย”
[อยากได้ยินเสียง]
“เสียงหยาทำให้คุณอารมณ์ดีเหรอคะ”
[ครับ ทำให้มีอารมณ์]
เดี๋ยวก่อนนะ มีอารมณ์อะไรกรุณาพูดต่อให้จบด้วยเถอะค่ะคุณบอสสุดหล่อของปั้นหยา อย่าพูดค้างคาแบบนี้แล้วเงียบไป ฉันอดคิดอกุศลไม่ได้เลยบอกตรงๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกันที่เขาโทรมา
“เอ่อ ยังอยู่ไหมคะทำไมเงียบไป”
[กินข้าวหรือยัง]
“เรียบร้อยแล้วค่ะ กับอาหารที่คุณบอกว่าสกปรกนั่นแหละค่ะ”
[ยังโกรธอยู่เหรอ]
ฉันจะพูดประชดแบบนี้ทำไมเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะปั้นหยา...
“เอ่อ หยาพูดเล่นค่ะขอโทษด้วยนะคะที่พูดประชด แล้วนี่คุณพอร์ชทำอะไรอยู่คะ ทานข้าวหรือยัง วันนี้อ่านเอกสารอยู่หรือว่าพักผ่อน”
[คิดถึงนะครับ]
ตู๊ดดดด
อ้าวเห้ย!! วางสายไปแล้ว นี่ฉันถามไปตั้งเยอะไม่คิดจะตอบอะไรเลยหรือไง?? อะไรของเขาเนี่ยวันนี้อารมณ์ไหนกันแน่ทำไมเสียงดูหมองๆหงอยๆ จะเป็นอะไรไหมนะ?
อยากรู้อ่ะแต่ถ้าโทรกลับไปถามมันจะดูจุ้นจ้านเกินไปเนอะ...
ฉันนอนหลับไปงีบใหญ่และสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินไปกอดแม่ที่ตอนนี้นั่งนับเงินอยู่
“หนูไปทำงานแล้วนะแม่ กลับสี่ทุ่มเวลาเดิม”
หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ก่อนจะหยิบแผงยาพาราที่มีอยู่ในห้องติดมือมาด้วย คือตอนไปช่วยแม่ขายของวันนี้ฉันสังเกตเห็นคุณน้าที่ขายขนมหวานเขาหน้าซีดเหมือนจะไม่สบาย น้าเขาอยู่อพาร์ตเมนท์เดียวกับฉันนี่แหละแต่คนละชั้นและฉันก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเขา
ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างคนที่ฉันตั้งใจมาหา...
“ว่าไงลูก”
“หนูเอายามาให้ค่ะเห็นน้าอรเหมือนจะไม่สบาย”
“ขอบใจมากนะ น้าก็ว่าจะไปซื้ออยู่เหมือนกันนี่ก็ติดหวัดกันสองแม่ลูกงอมแงมเลย ไว้พรุ่งนี้น้าจะทำขนมไปให้แทนค่ายานะลูกนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้า มีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้เลยนะคะ”
ฉันรีบวิ่งลงมาชั้นล่างแล้วควบมอเตอร์ไซค์ขี่ไปยังร้านกาแฟทันที มันมีทางลัดที่ไม่ต้องออกถนนใหญ่เลยใช้เวลาไม่นานมาก ที่ร้านก็ยังเหมือนเดิมมีพนักงานอยู่สามคนเวียนกะกันไปมา
“ไอ้ปั้นหยา วันนี้ฉันอยู่ควบกะเป็นเพื่อนแกนะพอดีขอโอทีเฮีย”
“งี้ก็ได้เหรอ? ดีๆจะได้มีคนอยู่ช่วยฉัน”
“ช่วงนี้หาตังว่ะพ่อไม่ค่อยสบาย”
“ฉันพอช่วยอะไรได้ไหมอ่ะ ฉันพอมีเงินเก็บนะส้ม”
“แกนี่มันแกจริงๆเลยไอ้ปั้นหยาเอ้ยยย ใจดีเกินไปนะ”
อ้าว ก็ฉันอยากช่วยจริงๆนี่ เรื่องชีวิตมันสำคัญมากเลยนะเพราะฉันสูญเสียคนที่ฉันรักไปนั่นคือพ่อฉันเลยไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจและลำบากเหมือนฉัน อยากให้อยู่กับครอบครัวไปนานๆ อันไหนฉันพอจะช่วยใครได้ฉันก็อยากช่วย
ฉันให้ส้มรับออเดอร์ลูกค้าที่หน้าเคาท์เตอร์ส่วนฉันเดินมาเก็บจานและแก้วตามโต๊ะ ไล่ทำความสะอาดไปทีละโต๊ะที่ลูกค้าลุกไปแล้ว
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าหยุดยืนอยู่ข้างหลังฉันขณะที่ฉันกำลังเช็ดโต๊ะอยู่
“สั่งออเดอร์ที่เคาท์เตอร์เลยค่ะ”
“ปั้นหยา!”
เสียงห้าวที่คุ้นเคยทำให้ฉันชะงักมือแล้วหันไปมอง คุณพอร์ชจริงๆด้วย ฉันยิ้มกว้างให้เขาอย่างดีใจไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่อีก
“คุณพอร์ชดื่มอะไรดีคะเดี๋ยวหยาไปทำให้”
ร่างสูงไม่พูดอะไรแต่จับต้นแขนฉันแล้วเดินลากไปหาเฮียเจ้าของร้าน นี่เขาจะทำอะไรของเขา
“เธอจะลาออก”
เขาพูดออกไปแบบนั้นทำให้ทั้งฉันและเฮียอึ้งไปตามๆกัน ฉันทำงานที่นี่มาเป็นปีๆยังไม่คิดจะลาออกเลยและเฮียใจดีกับฉันมาก
“อะไรของคุณคะ หยาทำงานอยู่ค่ะคุณพอร์ช”
“ลาออกเดี๋ยวนี้!!”
“ปล่อยหยาก่อนค่ะ คุณเป็นอะไรคะเนี่ย”
เมื่อฉันรู้สึกได้ถึงแรงบีบต้นแขนที่มากขึ้นทำให้ฉันเจ็บฉันจึงแกะมือเขาออกอย่างไม่เข้าใจในการกระทำ สายตาคมเฉี่ยวจ้องมองมาที่ฉันไม่วางตาจนฉันทำตัวไม่ถูกได้แต่หลบสายตาเขา
“มาคุยกัน”
คุณพอร์ชจูงมือฉันเดินออกจากร้านท่ามกลางความสงสัยของผู้คน ทั้งลูกค้าทั้งเจ้าของร้านต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เขาเปิดประตูรถคันหรูแล้วดันให้ฉันเข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเขาจะเดินอ้อมมานั่งเบาะคนขับ
บรรยากาศในรถเงียบปราศจากเสียงคนมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศในรถกับเสียงเครื่องยนต์เบาๆเท่านั้น ฉันนั่งมองเขาที่เอาแต่ทำหน้าโกรธไม่พูดไม่จา จนเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายพูดก่อน
“เป็นอะไรคะไหนบอกหยาสิ”
“ลาออกได้ไหม”
“หยาขอเหตุผลค่ะ”
“ไม่อยากให้หยาเหนื่อย”
“คุณพอร์ชคะ หยาทำงานที่นี่มานานแล้วนะคะ ชีวิตหยาทำงานหนักมาหลายปีแล้วจะให้หยาหยุดพักไปคงไม่ได้เพราะหยาต้องใช้เงิน หยายังหยุดไม่ได้หรอกค่ะ”
เขาถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งแล้วปรับเบาะให้เอนหลังนอนราบลงไป
“ได้เงินจากที่นี่เท่าไหร่”
“ก็เดือนละห้าพันอ่ะค่ะ ได้ไม่มากหรอกค่ะเพราะทำพาร์ทไทม์”
“ผมให้เพิ่มเดือนละหมื่น”
“คะ?? เหมือนคุณพอร์ชใช้เงินซื้อหยาเลยนะคะทำแบบนี้ แล้วทีนี้เขาจะโกรธหยาไหมถ้าอยู่ลาออก เขาจะหาคนมาทำงานแทนทันเหรอคะ ที่นี่หยามีเพื่อนมีมิตรภาพดีๆที่มากกว่าเงินอีกนะคะ”
“ลาออกซะ ผมขอร้อง”
“คุณขอร้องหยา?? เอ่อ คุณดูแปลกๆนะคะเป็นอะไรหรือเปล่า”
คุณพอร์ชลุกขึ้นนั่งหันหน้ามองมาที่ฉันด้วยสายตาเดายาก ร่างสูงค่อยๆเอียงตัวมาที่เบาะฉันทำให้ฉันถอดตัวหนีมาติดกับประตูรถก่อนจะรู้ตัวอีกทีเบาะที่ฉันนั่งก็ถูกปรับให้เอนราบ ร่างของเขาตะเกียดตะกายขึ้นมาคร่อมฉันไว้ อีกแล้ว!! ฉันตกเป็นรองเขาอีกแล้ว
“ผมเป็นห่วงหยา”
“เป็นห่วงหยาทำไมคะหยาสบายดีค่ะ ลุกออก...”
“อยู่แค่กับผมได้ไหม”
“หมายความว่ายังไงคะ”
มือเรียวเอาผมทัดหูให้ฉันเล่นอย่างเบามือ เราสบตากันใกล้มาเสียจนใจฉันสั่น ฉันแพ้สายตาคู่นี้ของเขาถึงจะเดายากแต่ฉันก็ใจอ่อนทุกที ทั้งที่อยากจะต่อต้านแต่ก็ไม่ทำ
“ผมชอบคุณ”
“....”
“อยากคบกับคุณ”
“....”
“อยากให้คุณ”
“.....”
“สนใจผมแค่คนเดียว”
เขาจะได้ยินเสียงหัวใจฉันไหมเนี่ย มันเต้นแรงจนฉันรู้สึกได้ ยิ่งสายตาที่เขามองฉันตอนนี้มันยิ่งทำให้ฉันลมแทบจับ จ้องกันนานกว่านี้คงไม่ดีแน่ ฉันยกมือไปจับไหล่เขาก่อนที่จะออกแรงดันเขาออกไป
“ลุกไปก่อนค่ะหยาหนัก จะทำอะไรคะเนี่ย?”
“อ้อนอยู่ครับ”
คุณพอร์ชดึงมือที่ฉันผลักเขาไปหอมฟอดใหญ่ก่อนจะก้มหน้าลงมาซุกที่ซอกคอฉัน ใบหน้าเราชิดกันแนบแน่น ให้ตายสินี่แอร์ในรถก็เย็นแต่ทำไมหน้าฉันถึงร้านผ่าวแบบนี้ เขารุกฉันหนักเกินไปแล้ว
“อ้อนทำไมคะ คุณนี่แสดงออกว่าอยากได้หยาจนหยากลัวแล้วนะคะคุณพอร์ช ถ้าหยาชอบคุณขึ้นมาจริงๆใครจะรับผิดชอบคะ”
“ผมรับผิดชอบเอง”
“หยาพูดเล่นค่ะ ลุกก่อนค่ะมานั่งคุยกันดีๆเถอะ”
เขาไม่ยอมขยับไปไหนแม้แต่องศาเดียว...
“เงินสี่หมื่น ลาออกซะ”
“โอเคค่ะถ้าคุณพอร์ชไม่อยากให้หยาทำหยาก็ไม่ทำที่นี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหยาเดินไปบอกเขาก่อนนะคะ”
“ผมไปด้วย”
ดื้อกว่านี้มีอีกไหมล่ะ? เขาลุกออาจากตัวฉันแล้วเปิดประตูรถฝั่งที่ฉันนั่งแล้วก้าวลงไปยืนข้างนอกรอ ฉันรีบลุกขึ้นแล้วตามลงไปทันที
“ไม่ต้องเข้าไปหรอกค่ะ”
“รอตรงนี้นะ”
“รอทำไมคะ?”
“จะพาไปเที่ยว”
เที่ยวที่ไหนอะไรยังไงล่ะ ฉันเอารถมาแต่ก็ไม่กล้าขัดใจกลัวจะทำตัวลุ่มล่ามกับฉันอีก โอเค จะพาไปไหนฉันก็ไปขอแค่กลับมาส่งฉันเอารถที่นี่ก็พอ อืมมมม ฉันแค่เดินเข้าไปขอลางานเฮียน่ะไม่ได้ขอลาออกหรอก เสียดายเงินอ่ะถึงเขาจะให้เพิ่มแต่ถ้าฉันยังทำฉันก็ได้มากขึ้นนะ
END TALK