บทนำ

1630 Words
บทนำ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันนะ” หญิงสาวรูปร่างบอบบางผิวขาวหน้าตาน่ารักสดใสสมวัยที่ตอนนี้นั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย มองหาใครที่รู้จักก็ไม่เห็นแม้แต่คนเดียวพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นบิดาและมารดาเดินเข้ามาหาเธอช้าๆ “กันตาพ่อกับแม่จะคอยดูแลลูกอยู่ใกล้ๆ นะจ๊ะไม่ต้องเป็นห่วงลูกรัก” มารดาเข้ามากอดเธอ “ดูแลอาทิตย์แทนแม่ด้วยนะลูก” มารดาเฝ้าฝากฝังให้เธอดูแลน้องชายให้ดีแล้วค่อยเดินจากไป “ไม่นะคะ อย่าไป แม่ค่ะ พ่อค่ะ พ่อ” กันตายังคงร้องออกมาเสียงดัง “คุณตา คุณตา ตื่นๆ คุณตา คุณตา” แรงเขย่าของอัมพรสาวใช้ทำให่กันตาตกใจตื่นขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก ตาฝันน่ะพี่อัมพร” กันตาโผเข้ากอดอัมพรแล้วร้องไห้ออกมา “โอ๋ๆ คุณตาจ๋าคุณตาของพี่อำ ไม่เป็นไรนะ นอนต่อเถอะนะจ๊ะ” อัมพรพาเจ้านายสาวนอนลงและเธอเองก็นอนลงข้างๆ จับมือของกันตาเอาไว้พลางพูดปลอบใจเบาๆ จนรับรู้ถึงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ กันตาช่างน่าสงสารนัก บิดามารดาต้องจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ กันตาไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลยนอกจากตัวเองเพราะน้องชายฝาแฝดของกันตากำลังศึกษาต่อที่ต่างประเทศ อาทิตย์กลับมางานศพบิดามารดาเพียงแค่อาทิตย์เดียวก็กลับออสเตรเลียเพราะกำลังสอบ ใจจริงอาทิตย์ไม่อยากกลับไปเรียนอีก แต่กันตาไม่ยอมเธอทั้งขู่ทั้งปลอบให้น้องชายกลับไปเรียน ส่วนเธอก็จะดูแลกิจการของครอบครัวต่อด้วยตัวเอง “กริ๊งๆ” เสียงนาฬิกาปลุกทำให้สองสาวที่กำลังหลับสบาย งัวเงียตื่นขึ้นมาแทบจะพร้อมๆ กัน กันตาตื่นมาพร้อมกับศีรษะที่ปวดตุ๊บๆ “ปวดหัวจังเลย” เธอพ้อเสียงเบาอัมพรขยับเข้ามาใกล้นายสาว “ถ้าไม่ไหวก็นอนพักก่อนเถอะค่ะคุณตา พี่จะโทรไปบอกคุณณรงค์ให้เอง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่อัมพร ตาต้องเข้าประชุมเพราะวันนี้คณะกรรมการและหุ้นส่วนของโรงงานทุกคนเขาคงจะรอตากันหมด ขอบคุณพี่อัมมากเลยค่ะ” กันตากอดคนสนิทอย่างขอบคุณ แล้วจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบเดินไปทางโรงงานของครอบครัวทันทีโดยไม่ฟังคำทัดทานจากอัมพร ณ โรงงาน เฟรชฟรุ๊ต ห้องประชุมใหญ่ของโรงงาน “ไม่ได้ค่ะคุณอาโรงงานนี้เป็นของครอบครัวของตา สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อกับแม่คุณอาไม่มีสิทธิ์ขายให้กับใคร” กันตาปฏิเสธเสียงแข็งกับผู้เป็นอาสร้างความไม่พอใจแก่ณรงค์เป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางที่ไม่พอใจออกมาท่าทางของเขายังคงนิ่งใบหน้าอวบอูมยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเธอ “อย่าพึ่งด่วนปฏิเสธเลยหลานรัก อาแค่อยากให้ตาทบทวนให้ดีก่อน อีกอย่างตาก็เป็นผู้หญิงจะมาดูแลที่นี่ตามลำพังได้ยังไงกัน” นายณรงค์ยังคงเกลี้ยกล่อมหลานสาวด้วยท่าทางใจเย็น “ยังไงก็ไม่ค่ะถ้าคุณอาและคนอื่นอยากขายก็ขายในส่วนของคุณอาก็แล้วกัน แต่ของตากับอาทิตย์ไม่มีทางขายเด็ดขาด” กันตายังยืนกระต่ายขาเดียว “โธ่หนูตาของอากับหุ้นส่วนคนอื่นรวมกันแล้วยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของหนูเลยนะ” นายณรงค์โอดขึ้นมา “นั่นสิหนูตา พวกเราก็อายุมากกันแล้วถ้าอย่างนั้นหนูตาซื้อหุ้นของพวกเราไปเลยดีไหม พวกเราอยากได้เงินไปตั้งตัวไม่อยากร่วมรับรู้เรื่องหนี้สินของโรงงานเท่าไหร่บอกตามตรงโรงงานของเราก็มี order เข้ามาตลอดแต่ทำไมถึงขาดทุนก็ไม่รู้ ว่าไงครับคุณณรงค์” หุ้นส่วนอีกคนเอ่ยขึ้นทำให้กันตาถึงกับพูดไม่ออกเพราะเธอเองก็ยังหาคำตอบเรื่องนี้ไม่ได้เพราะทั้งเอกสารทางการบัญชีต่างๆ ที่เธอได้อ่านดูก็ไม่มีข้อผิดพลาดเลย “นี่คุณเกษมพูดอย่างนี้หมายความว่าไง คุณว่าผมโกงหรือไง” นายณรงค์ลุกขึ้นชี้หน้านายเกษมอย่างเอาเรื่อง ซึ่งนายเกษมก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอะไร “แล้วมันจริงไหมล่ะ” นายเกษมยังพูดออกมาตอบโต้ทำให้หุ้นส่วนคนอื่นต่างก็พากันมองมาที่นายณรงค์ เป็นตาเดียว บรรยากาศในการประชุมเริ่มจะอึมครึมและอึดอัด กันตากลัวเหตุการณ์จะบานปลายจึงรีบห้ามไว้ “เอาล่ะค่ะอย่าทะเลาะกันเลย เอาเป็นว่าตาจะไม่ขายโรงงานและตาก็จะพยายามหาเงินมาใช้หนี้ให้หมดตามกำหนดชำระเดิมขอพวกคุณอาจงเชื่อตา” “จะให้เชื่อได้ยังไง หนูตาไม่มีทางหาเงินมาใช้หนี้ได้หรอกเงินเป็นสิบๆ ล้าน ผมว่าเราขายเถอะ” หุ้นส่วนอีกคนพูดขึ้นทำให้กันตารู้สึกโกรธและรู้สึกสะท้อนในใจ “ทำไมคะ ทำไมทุกคนจะต้องหนีปัญหาทำไมทุกคนไม่ร่วมมือกันแก้ปัญหาล่ะคะทุกคนไม่รักโรงงานที่ร่วมสร้างกันมากับคุณพ่อคุณแม่ตาหรอกหรือคะ” “ก็อย่างที่บอกพวกเราแก่แล้วก็อยากจะมีเงินซักก้อนไปใช้ดำเนินชีวิตในบั้นปลายกับครอบครัว หนูตาต้องเข้าใจพวกเราด้วย” กันตาถึงกับพูดไม่ออกที่พวกเขาพูดมามันก็ถูกลำพังตัวเธอเองก็ยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืนให้กับธนาคารและบริษัทเจ้าหนี้ได้ “ขายเถอะยายตาอาว่า...” ณรงค์พยายามว่านล้อมหลานสาวอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากันตาเริ่มที่จะอ่อนลง แต่กันตายังคงยืนยันคำเดิมทำให้นายณรงค์โกรธมากขึ้น “ไม่ค่ะตาจะไปคุยกับธนาคารและบริษัท นานาฟรุ๊ตเองค่ะ” กันตาเสนอทางออก แต่ทุกคนต่างก็ไม่เห็นด้วยเพราะไม่เชื่อว่ากันตาจะทำสำเร็จ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ จะทำอะไรได้แต่ทุกคนก็ไม่สามารถขัดเธอในตอนนี้เพราะกันตาถือหุ้นในมือมากกว่าถึง 70% ของหุ้นทั้งหมด นายณรงค์กลัวว่ากันตาจะได้รับข้อมูลจากทาง นานาฟรุ๊ตที่เขาแอบส่งสินค้าให้กับบริษัทอื่น เขาจึงรับอาสาที่จะคุยกับนานาฟรุ๊ตเอง “เอาอย่างนี้นะยายตาอาจะคุยกับนานาฟรุ๊ตเองส่วนหลานไปคุยในส่วนของธนาคารดีไหม จะได้ช่วยกันไง” นายณรงค์พูดกับกันตาก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องประชุม “ไม่เป็นไรค่ะเพราะตาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงกล่าวหาเราว่าขายของให้ที่อื่นทั้งที่เราไม่เคยทำอย่างนั้น อยากจะดูหลักฐานนะคะคุณอา” กันตาตอบนายณรงค์ด้วยท่าทางครุ่นคิด นายณรงค์ขบกรามแน่น มองตามหลังหลานสาวตัวดีออกไปด้วยสายตาแค้นเคือง ความจริงแล้วโรงงานนี้น่าจะเป็นเขาที่บริหารต่อจากพี่ชาย เพราะเขาได้ดูแลและก่อตั้งมาตั้งแต่แรกเริ่ม ยายเด็กบ้ากันตามาจากไหนมาแย่งของของเขาได้หน้าตาเฉยแล้วนี่ยังมาแสดงท่าทางไม่เชื่อใจเขาและทำการตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดอีก เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่กันตาจะได้ไม่ต้องเจอกับทางนานาฟรุ๊ตและได้เห็นหลักฐานการโกงของเขา เขารู้ดีว่าหลานสาวของเขาคนนี้เป็นคนเด็ดขาดจริงจังและรักความถูกต้องเป็นที่สุดเหมือนกับพี่ชายของเขา เธอคงไม่ไว้หน้าเขาแน่มีหวังเขาได้ติดคุกหัวโต กันตาทำการนัดหมายกับท่านประธานของบริษัท นานาฟรุ๊ต จำกัด เป็นที่เรียบร้อยก่อนจะออกเดินทางเพื่อมาพบ ในระหว่างที่เธอขับรถออกจากโรงงานของเธอนั้นเธอไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนคอยติดตามอยู่ตลอดและหาโอกาสที่จะจัดการกับเธอ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้กันตารอดพ้นมาได้จนกระทั่งถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย “เรียบร้อยหรือยัง” เสียงเข้มถามมือปืนรับจ้าง “ยังครับนายไม่มีโอกาสเลยครับ พวกผมนั่งรออยู่หน้าบริษัทหาโอกาสเหมาะอยู่ นายไม่ต้องห่วงผมจัดการได้แน่นอน” ลูกสมุนเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ “จัดการให้เรียบร้อยล่ะอย่าให้เรื่องมาถึงฉันก็แล้วกัน” นายณรงค์วางโทรศัพท์ลง เขาหันไปมองรูปถ่ายของพี่ชายและพี่สะใภ้ “ขอโทษนะครับพี่ ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ ก็ใครให้พี่ลำเอียงอย่างนี้ล่ะถ้าไม่มียายตาซะคน ทุกอย่างก็ต้องเป็นของผม ตาอาทิตย์น่ะผมจะจัดการทันทีถ้าหากมันมาวุ่นวายกับผมเหมือนกับพี่สาวของมัน ฮ่าๆ” เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง คิดถึงอดีตที่ผ่านมาเขาเป็นเพียงแค่ลูกเมียน้อยแต่พี่ชายก็รักเขาดีอยู่หรอกแต่มันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งเพราะเขาต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของพี่ชายรวมทั้งโรงงานที่เขาและพี่ชายก่อตั้งกันมาจนเติบโตและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ กันตาคงจะไม่ตายถ้าเธอยอมขายโรงงานแล้วเอาเงินส่วนแบ่งมาให้เขา นี่อะไรไม่ขายยังไม่พอยังจะทำการตรวจสอบอีกทั้งยังถือครองหุ้นกว่า 70% ที่เขาควรจะได้ อย่างนี้ก็สมควรตายแล้วล่ะเขาจะได้หมดเสี้ยนหนามเสียที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD