ตอนที่ 1 คุณยายเจ้าของร้านแกงกะหรี่

1603 Words
เมื่อเสียงออดหลังเลิกเรียนดังขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยวัยสามขวบเดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกระเป๋าลากสีชมพูใบโปรดเหมาะสมกับตัว ที่นอนสำหรับเด็กอนุบาลถูกม้วนเป็นก้อนกลมถือติดมือมาด้วยความหวงของแม้คุณครูจะให้เอาไว้ที่ห้องเรียนก็ตาม ‘คุณพ่อ คุณแม่คะ ชิชาอยากทานข้าวแกงกะหรี่ค่ะ’ เด็กหญิงตัวน้อยชี้ไปที่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นฝั่งตรงข้ามโรงเรียน ด้านหน้าของร้านประดับตกแต่งด้วยต้นไผ่สีเขียวเอนไหว อ่างน้ำตกขนาดเล็กที่มีควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมีเวทมนตร์ ตุ๊กตาไล่ฝนถูกแขวนไว้ตรงชายทางเข้าประตูของร้าน ‘คุณคะ ฉันไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลยค่ะ’ คุณแม่ลูกหนึ่งหันไปพูดกับสามี หลังโรงเรียนเลิกทั้งสองจะมารับลูกสาวตัวน้อยด้วยกันเสมอ…คุณพ่อที่เป็นพนักงานบัญชีและกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการในอีกไม่ช้ายิ้มด้วยความภาคภูมิ ‘ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แต่ถ้ายัยหนูอยากทานเราเข้าไปลองก็ได้นะ’ ครอบครัวที่มีแต่ความสุข…ได้ทานอาหารนอกบ้านเกือบทุกมื้อเนื่องด้วยอาชีพของคนเป็นหัวหน้าครอบครัวที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีดเรียกได้ว่าหาตัวจับยากเลยทีเดียว ‘ลองดูก็ดีเหมือนกันค่ะ ถ้าอร่อยจะได้มีร้านอาหารโปรดเพิ่มขึ้นอีกสักร้าน…ดีไหมชิชา’ ‘ดีค่ะคุณแม่’ เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มแฉ่งชูมือทั้งสองข้างให้คุณพ่อและคุณแม่จูง ‘ไปกันคุณ…ชิชาด้วยลูก’ กริ๊ง กริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น เมื่อสองสามีภรรยาเดินจูงมือลูกสาวตัวน้อยเข้ามาด้านในร้าน ผ่านประตูไม้บานใหญ่สีน้ำตาลที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นมีช่องว่างเป็นซี่ๆ ‘รับอะไรดีคะ’ เสียงหญิงวัยชราเจ้าของร้านเอ่ยต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มละไมบนใบหน้า ดวงตาเหี่ยวย่นฉายแววเอ็นดูเด็กหญิงวัยน่ารักน่าชังอย่างชัดเจน มือที่มีร่องรอยของความชราผายออกกว้างให้ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ดูทรุดโทรมที่ตั้งอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน แต่ก็แข็งแรงพอสมควร บรรยากาศในร้านค่อนข้างอึมครึมแม้จะเป็นเวลาบ่ายสามโมงก็ตาม ในร้านมีเพียงแสงไฟสีส้มสลัวและกลิ่นธูปหอมอ่อนๆ ลอยปะทะจมูกเป็นระยะราวกับอยู่ในวัดจีนมากกว่าจะอยู่ในร้านอาหาร ‘คุณยายเพิ่งมาเปิดร้านแถวนี้เหรอคะ มารับลูกสาวหลายครั้งไม่เคยเห็นเลยค่ะ’ คนเป็นแม่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองรอบๆ ร้านแล้วนอกจากเธอ สามี ลูกสาวตัวน้อยและคุณยายวัยชราเจ้าของร้านก็ไม่มีใครอีกเลย แม้กระทั่งพนักงานเสิร์ฟหรืออาจจะเพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาทานอาหารจึงไม่มีลูกค้าเป็นปกติ…พยายามคิดเข้าข้างตัวเองหรืออีกนัยหนึ่งก็คืออาหารไม่อร่อย ‘อาหารของยายอร่อยนะแต่น้อยคนที่จะได้ทาน…เอ่อ ยายหมายถึงก็ย้ายร้านไปเรื่อยๆ ตามแต่โชคชะตาจะกำหนดนั่นแหละแม่หนู ทุกอย่างถูกลิขิตไว้หมดแล้ว’ ‘คะ?’ คนตั้งคำถามเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจในความหมายของประโยคนั่น ส่วนลูกสาวตัวน้อยก็เอาแต่นั่งอมยิ้ม ตาแป๋วมองบุพการีคุยกับคุณยายแปลกหน้าที่ดูท่าทางใจดี ‘อย่าสนใจคนแก่เลยจ้ะ…มาๆ ยายแนะนำอาหารให้ดีกว่า เมนูเด็ดของร้านยายคือข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตซึ สนใจไหม’ ‘ได้ค่ะ…ขอสามจานเลยนะคะ ส่วนของยัยหนูราดแกงกะหรี่ไม่ต้องเยอะค่ะ’ ลูกสาวของเธอไม่ใช่เด็กทานยาก แต่ถ้าอาหารบางอย่างที่มีรสชาติหรือกลิ่นที่แรงจนเกินไปอาจทำให้ไม่เจริญอาหารสำหรับเด็กวัยสามขวบ ‘จ้ะแม่หนู ลูกสาวน่ารักจังเลยนะคะ’ หญิงชราหันไปชมเด็กหญิงดวงตากลมโต แก้มฟู ปากเป็นกระจับเรียวเล็กได้รูปรับกับใบหน้าหวานๆ ได้เป็นอย่างดี ชิชามองด้วยแววตาและรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ ‘ใช่ค่ะ ยัยหนูแกเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มง่าย ไม่งอแงเลยค่ะ’ คนเป็นแม่ยื่นมือมาลูบศีรษะของลูกสาวตัวน้อยด้วยความรักใคร่ ใครๆ ก็ชมว่าลูกสาวของเธอเป็นเด็กน่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้มและอัธยาศัยดี…สมกับชื่อชิชา แปลว่าหญิงที่ได้รับแต่ความรัก …ชิชาเป็นโซ่ทองคล้องใจของเธอกับสามี ‘ยายรู้สึกถูกชะตากับลูกสาวของแม่หนูซะแล้วสิ ระหว่างรออาหารยายดูดวงให้ฟรีเอาไหม…เป็นบริการพิเศษของทางร้านสำหรับลูกค้าคนพิเศษเท่านั้น’ ‘ดูดวงให้ชิชาเหรอคะ แกอาจจะเด็กเกินไปค่ะ’ คนเป็นแม่เอ่ยปฏิเสธ ลูกสาวของเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะมาทำนายทายอนาคตกันในตอนนี้ ‘ไม่เป็นไร ยายไม่บังคับ…ส่วนนี้เป็นสลากเสี่ยงโชค มีแต่ผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะพิเศษกว่าคนอื่น’ หญิงชรายื่นกระดาษที่ถูกพับเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็กให้คนเป็นพ่อและแม่รวมถึงลูกสาวตัวน้อยด้วยคนละหนึ่งแผ่น ‘ไม่มีข้อความอะไรเลยค่ะ’ ‘ของผมก็ไม่มีเหมือนกันครับ’ สองสามีภรรยากางกระดาษออก พบแต่ความว่างเปล่าไม่มีตัวอักษรถูกเขียนอยู่ในนั้น ‘แล้วของแม่หนูน้อยล่ะจ๊ะ’ ‘ของหนูเหรอคะ เขียนว่า ‘ผู้ชายคือความกล้าหาญ ผู้หญิงคือความรัก’ ค่ะ แปลว่าอะไรเหรอคะ’ เด็กหญิงตัวน้อยขมวดคิ้วมองยายชราด้วยความสงสัย ‘ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เอาไว้วันที่หนูโตขึ้นหนูจะเข้าใจเอง’ หญิงชรายิ้มให้เด็กหญิงตาแป๋ว รวมทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอก่อนจะขอตัวเข้าไปทำข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตซึสูตรลับ ซึ่งมีแต่คนพิเศษเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสพิเศษเป็นผู้ถูกเลือกนี้… ‘แม่คะ เล่านิทานเรื่องกระต่ายจิ๋วบนดวงจันทร์ให้ชิชาฟังหน่อยได้ไหมคะ’ เด็กหญิงชิชาที่นอนอยู่บนเตียงกอดตุ๊กตาหมีสีชมพูไว้แน่นแนบหน้าอก แม้จะตาปรือเต็มที่แต่ก็ยังอยากที่จะฟังนิทานเรื่องโปรด ‘ได้สิคะ…กาลครั้งหนึ่งมีกระต่ายตัวโตอาศัยอยู่ในป่าใหญ่มันหลงรักแสงสีเหลืองนวลที่สอดส่องลงมากระทบพื้นหญ้าในยามค่ำคืน มันจึงขอพรจากพระจันทร์ให้ตัวของมันได้อยู่เคียงข้างกับพระจันทร์ที่มันตกหลุมรัก พระจันทร์ที่อยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางหมู่ดาวจึงประทานพรให้เจ้ากระต่ายตัวโต โดยต้องแลกกับการที่เจ้ากระต่ายตัวโตจะต้องกลายเป็นกระต่ายตัวจิ๋วตลอดไป…ชิชาคะ’ คนเป็นแม่ขยับศีรษะเล็กที่พิงอยู่ข้างกายให้นอนหนุนหมอนดีๆ พร้อมกับห่มผ้า ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้พอดีก่อนจะปิดไฟและเดินออกจากห้องมา ‘ลูกหลับแล้วเหรอคุณ’ ‘หลับแล้วค่ะ ชิชาให้ฉันเล่านิทานเรื่องกระต่ายจิ๋วบนดวงจันทร์แล้วก็หลับไป’ ‘มาทานข้าวสิ ไข่เจียวร้อนๆ’ ผู้เป็นสามียกจานข้าวที่มีไอร้อนพุ่งพวยมาวางตรงหน้า ‘คุณว่ามันแปลกไหมคะ เราไปรับยัยหนูตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นร้านแกงกะหรี่ของคุณยายมาก่อนเลย’ ‘คุณคิดมากไปหรือเปล่า ยายแกก็บอกอยู่ว่าย้ายร้านไปเรื่อยๆ’ คนเป็นสามีมองภรรยาสาวที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะทานอาหารด้วยแววตาสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…แต่ตัวเขาเองไม่ได้เอะใจอะไร ‘มันแปลกจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ช่วงใกล้ปิดร้านสักหน่อยแต่ดันบอกว่าข้าวหมดได้ยังไง…ได้แค่ของยัยหนูจานเดียว’ ‘เอาน่าคุณ…อย่าคิดมากเลย กินๆ’ ‘ค่ะ แต่ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็จะต้องไปที่ร้านคุณยายอีกให้ได้เลยคอยดู’ ‘คุณนี่มันดื้อจริงๆ’ ‘คุณคะ ก็ฉันอยากรู้นี่คะว่าจะขายดีขนาดไหนกันเชียว ถึงได้หมดตั้งแต่บ่ายสาม’ ‘นี่คุณ ข้าวไข่เจียวผมน่าสนใจน้อยกว่าคุณยายอีกเหรอเนี่ย…นี่ผมทำสุดฝีมือเลยนะ’ ‘โอเคค่ะ ฉันจะกินให้หมดข้าวไข่เจียวคุณอร่อยที่สุด’ ผู้เป็นภรรยาสาวระบายยิ้มบนใบหน้า นานๆ สามีจะทำกับข้าวให้ทานสักที ก็ตั้งแต่มีลูกน้อยเธอก็กลายมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเวลาทั้งหมดจึงทุ่มไปกับเด็กหญิงชิชาที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและสามีจนละเลยเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ‘คืนนี้คุณมานอนกับผมนะ’ ‘ค่ะ ฉันก็คิดถึงอ้อมกอดของคุณเหมือนกัน’ คุณแม่ลูกหนึ่งพยักหน้ายิ้มๆ เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะต้องทำหน้าที่เมียก็ตั้งแต่มีชิชาเธอก็แยกห้องนอนกับสามีเพราะลูกสาวยังเด็กเกินกว่าจะนอนคนเดียวได้ แต่วันนี้โซ่ทองคล้องใจตัวจิ๋วทานข้าวอิ่มมาจากที่ร้านของคุณยายจึงเข้านอนไวกว่าปกติ และหลังจากวันนั้นทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็ไม่มีโอกาสได้ไปทานข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตซึที่ร้านของคุณยายอีกเลย ส่วนพื้นที่ตั้งร้านก็กลับเป็นอาคารพาณิชย์ให้เช่าตามเดิม ‘คุณแม่คะ ร้านของคุณยายหายไปไหนคะ’ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD