ร้านเบเกอรี่
วันนี้ฉันมาทำงานที่นี่ตามปกติ จริง ๆ ก่อนหน้านี้ฉันขอลาหยุดกับทางร้านบ่อยเพราะรับงานพิเศษ แต่ตอนนี้เพลา ๆ งานนอกลงแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เมื่อคืนจู่ ๆ เจ้ขิมก็ถามถึงเรื่องทำงานที่ร้านขึ้นมา ฉันเลยกลัวว่าเจ้จะแอบมาหาที่ร้านน่ะสิ ฉันยังไม่อยากให้เจ้รู้เรื่องงานพิเศษตอนนี้นะ อีกอย่างเจ้ก็ได้ห้องแล้วด้วย ปลายเดือนเจ้จะย้ายออกแล้ว ฉันเองก็ต้องรีบเก็บเงินเพราะมีเวลาสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไปอยู่กับเจ้
อยากย้ายออกไปอยู่กับเจ้ขิมไว ๆ จัง
“เฮ้อ…” ฉันถอนหายใจพลางท้าวคางกับเคาน์เตอร์ ช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านจึงแอบอู้ได้ นาเดียเพื่อนร่วมงานวัยเดียวกับฉันหันมามองพลางยิ้มแซว
“ถอนหายใจเป็นยายแก่เลยนะซอ”
“อืม มันน่าเบื่อนี่นา อีกตั้งชั่วโมงกว่าจะปิดร้าน”
ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ปิดสามทุ่ม แต่กว่าจะเก็บร้านเรียบร้อยกว่าจะได้กลับบ้านก็สามทุ่มกว่า ๆ เตี่ยกับม้ารู้เรื่องฉันทำงานพิเศษดี และฉันก็โดนบ่นเรื่องนี้แทบจะทุกวันนั่นแหละ พวกท่านตำหนิว่าฉันเป็นผู้หญิงแต่กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ทุกวัน เตี่ยเคยสั่งให้ฉันลาออกจากงานด้วยซ้ำ แต่ฉันมันดื้อด้าน บังคับยังไงฉันก็ไม่ยอมลาออกหรอก
“เอ๊ะ… คนนั้นแฟนซอหรือเปล่า”
ฉันสะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำว่าแฟน นาเดียรู้เรื่องเฮียสิงห์ด้วยเหรอ? อย่าบอกนะว่าเฮียสิงห์มาที่นี่อ่ะ ฉันรีบหันไปมองตามสายตานาเดีย ร่างสูงคุ้นตาของผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางหน้าร้าน พอเห็นหน้าเขาชัด ๆ ฉันรีบทรุดตัวนั่งลงบนพื้นเพื่อหลบใต้เคาน์เตอร์ด้วยความรวดเร็ว
บ้าเอ๊ย… จีซัสตามฉันมาถึงที่นี่เลยเหรอ!
“ทำอะไรน่ะซอ?” นาเดียก้มหน้ามอง ฉันยกนิ้วขึ้นจุ๊ปาก
“ชู่ว์! ฉันหนีหมอนั่นอยู่นะเดีย ถ้าหมอนั่นถามหาฉันก็บอกไปว่าฉันลาออกไปแล้วนะ”
“ทำไมอ่ะ ทะเลาะกันเหรอ?” คิ้วสวยขมวดสงสัย
“ไม่ใช่ แต่พวกเราเลิกกันแล้ว”
กรุ้งกริ้ง
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น นาเดียกลับไปยืนตัวตรงหน้าเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
“ยินดีต้อนรับค่ะ รับอะไรดีคะ?”
“ฉันมาหาสายซอ เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม” น้ำเสียงห้วน ๆ ถามโดยไม่รีรอ นาเดียยังคงรอยยิ้มการค้าไว้ได้อย่างดี เธอหลุบตามองฉันเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองจีซัสอีกรอบ
“อ้อ มาหาสายซอเหรอคะ คงจะมาเสียเปล่านะคะ เพราะเธอลาออกไปแล้วค่ะ”
ตึง!
ฉันสะดุ้งโหยงกับเสียงตบเคาน์เตอร์ดังลั่น จีซัสยังคงอารมณ์ร้ายเหมือนเดิม หมอนี่มันบ้าคลั่งได้ไม่เลือกสถานที่จริง ๆ
“คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอวะ! ฉันรู้นะว่ายัยนั่นยังไม่ได้ลาออก” เขาโวยวายเสียงดัง นาเดียเริ่มหน้าเสียเล็กน้อย รู้สึกผิดจัง… แต่จะให้ฉันแสดงตัวตอนนี้ก็คงไม่ได้ จีซัสได้ลากฉันไปไหนต่อไหนแน่ ๆ ทำไงดี…
“นายมาทำอะไรที่นี่” เสียงคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาในตอนที่ฉันกำลังคิดหาทาง ฉันจำเสียงนี้ได้ดี มันคือเสียงของอาโป…
“ไหนเธอบอกว่าซอยังทำงานอยู่ที่ร้านนี้ไงวะ” เสียงจีซัสถามอย่างหัวเสีย นั่นเขาพูดกับอาโปงั้นเหรอ?
“ก็ยังทำอยู่จริง ๆ นี่…” ฉันได้ยินเสียงอาโปตอบกลับเบา ๆ สองคิ้วขมวดเข้าหากันทันที “ฉันว่านายกลับไปก่อนเถอะจีซัส วันนี้ยัยซอคงไม่ได้มาทำงาน”
“ไม่ได้มาทำงานหรือหลบหน้าฉันกันแน่ เธอโทรหาสายซอเดี๋ยวนี้เลย ถามว่าอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเอง”
นี่มันอะไรกัน… สองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมจีซัสถึงสั่งอาโปได้ขนาดนี้
ครืด…
ฉันสะดุ้งตกใจกับแรงสั่นของโทรศัพท์ในมือ ชื่อบนหน้าจอเป็นของอาโปจริง ๆ แสดงว่าเธอยอมทำตามคำสั่งของจีซัสอย่างนั้นเหรอ
ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่น ทั้งสับสน ทั้งผิดหวัง ทั้งไม่เข้าใจ ทำไมอาโปถึงทำเรื่องแบบนี้ล่ะ ทำไมเธอหักหลังฉัน? ฉันคิดมาตลอดว่าทำไมจีซัสถึงรู้ตำแหน่งของฉันเสมอ ทำไมเขาถึงตามตัวฉันเจอง่าย ๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่ามีคนคอยบอกเขานี่เอง
“ยัยซอไม่รับสาย งั้นวันนี้นายกลับไปก่อนเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาหาที่คลาสก็ได้นี่”
“s**t! เพื่อนเธอร้ายนัก! ฉันไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่!”
ได้ยินเสียงรองเท้าหนัก ๆ เดินห่างออกไปพร้อมเสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น จีซัสออกไปจากร้านแล้ว นาเดียหลุบตามองฉันเล็กน้อย ฉันค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อนรักที่ยังยืนนิ่งอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์ สีหน้าอาโปไม่ได้มีความตกใจสักนิด ราวกับเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่าฉันแอบอยู่ตรงนี้
“อยากอธิบายไหม?” ฉันจ้องตาเพื่อนรักนิ่ง อาโปถอนหายใจ ริมฝีปากขยับยิ้มเหนื่อยอ่อน
“อืม ฉันพร้อมจะอธิบายแล้ว”