หมับ
ฉันที่เริ่มใจคอไม่ดีตัดสินใจคว้าจับหัวเข่าเฮียสิงห์พลางส่ายหน้ารัว ๆ ดวงตาคมหลุบมองมือฉันที่วางอยู่บนเข่าเขาเล็กน้อย แววตาเย็นชาละมาสบตาฉันนิ่ง ฉันพยายามออดอ้อนวอนขอเขาทางสายตา ไม่ใช่ว่าฉันกลัวเฮียสิงห์จะมีเรื่องกับจีซัสหรอกนะ แต่ฉันกลัวหมอนั่นเจอฉันต่างหากล่ะ
ทว่า… สิงห์คำรามก็คือสิงห์คำราม คนไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก ไร้ความเป็นมนุษย์ที่สุดในโลก!
พรึ่บ
“อ๊ะ!” ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ข้อมือถูกกระชากด้วยความแรงระดับหนึ่ง และมันทำให้ตัวฉันถลาเข้าหาหน้าตักแกร่งโดยไม่ทันตั้งตัว ฉันใช้มือข้างหนึ่งยันเข่าเฮียสิงห์เอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไปบนตักของเขา สองตาปิดแน่น นึกแค้นใจอย่างที่สุด
ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว!!
“สายซอ! เธอไปทำบ้าอะไรตรงนั้นวะ!!”
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของตักแกร่งตรงหน้า แววตาเย็นชาติดเย้ยหยันของเขาทำฉันโมโหจนแทบกระอักเลือด ผู้ชายคนนี้ช่างน่าตายนัก เขาบีบบังคับให้ฉันไม่มีทางเลือกเองนะ
จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม… ได้… ฉันเล่นด้วยก็ได้!
พรึ่บ
ฉันจ้องตาเฮียสิงห์พลางยกยิ้มร้าย และก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว ฉันก็ปีนขึ้นมานั่งลงบนตักแกร่งด้วยท่วงท่าเป็นธรรมชาติโดยไม่ลืมคล้องแขนรอบลำคอแกร่งด้วย เฮียสิงห์จับจ้องทุกการกระทำของฉันไม่วางตา แม้ในตอนที่ฉันนั่งลงบนตักเขา เขาก็ยังคงจ้องตาไม่กะพริบ เราสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งเสียงคำรามราวกับหมาบ้าของจีซัสดังขึ้น
“เวรเอ๊ย! ทำบ้าอะไรของเธอวะซอ! ลุกออกมานะโว้ย!” จีซัสทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาฉัน แต่ติดที่พี่เธียผลักไหล่เขาให้ถอยหลังออกไปเสียก่อน ดูเหมือนพี่เธียจะมีสัญชาตญาณการตอบโต้ที่เร็วใช้ได้
“นายถามฉันไม่ใช่เหรอว่าฉันมาหาใครที่นี่” ฉันหยักยิ้มบางพลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยแผงอกเฮียสิงห์ที่โผล่พ้นกระดุมเสื้อเล่น ก่อนปรายตามองจีซัสแล้วพูดต่อ “ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ฉันมาหา… เขา”
“หมายความว่าไงวะ เธอจะบอกว่าคนที่เธอมาหาคือมันงั้นเหรอ?”
“ใช่” ฉันยิ้ม แสร้งซบหน้าลงบนไหล่เฮียสิงห์ รู้สึกขอบคุณความเย็นชาของเขาอีกครั้งที่มันทำให้เขาไม่ผลักฉันออก เฮียสิงห์ยังคงนั่งนิ่งปล่อยให้ฉันเล่นละครต่อไป ไม่สิ… เขาไม่ได้นั่งนิ่งเลยสักนิด เพราะมือหนาข้างหนึ่งกำลังจับเอวคอดฉันอย่างถือวิสาสะ แถมยังลูบไล้เบา ๆ ทั้งที่สีหน้ายังคงนิ่งไม่เปลี่ยน
ร้าย… ร้ายมาก! เขามันสิงโตตัวร้าย!
“ที่ขอเลิกกับฉันเพราะแบบนี้เหรอวะ เพราะเธอนอกใจฉันใช่ไหมวะ!”
นั่นเป็นคำปรามาสที่รุนแรงมากเลยนะ แต่ในเมื่อเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไปให้สุดเลยแล้วกัน
“นายก็พูดแรงไปนะจี ฉันไม่ได้นอกใจนายสักหน่อย เพราะนายไม่เคยอยู่ในใจฉันเลยด้วยซ้ำ” ฉันมองเขาด้วยสีหน้าใสซื่อ ทว่าคำพูดกลับอาบไว้ด้วยยาพิษ จีซัสกำหมัดแน่นราวกับพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ฉันได้ทุกเวลา “ตอนนี้คนที่อยู่ในใจฉันก็คือเฮียสิงห์ เพราะฉะนั้น… นายช่วยถอยออกไปเงียบ ๆ จะได้ไหม?”
“สายซอ! คิดว่าเธอพูดแบบนี้แล้วฉันจะยอมจบเหรอวะ! เธอทำให้ฉันกลายเป็นไอ้โง่! คิดว่าฉันจะยอมถอยไปง่าย ๆ เหรอ!” จีซัสผลักพี่เธียออกแล้วพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความรวดเร็ว ฉันสะดุ้งตกใจเพราะคาดไม่ถึง คิดในใจว่าโดนเขาทำร้ายแน่ ๆ จึงหลับตาเบี่ยงหน้าเข้าหาแผงอกแกร่ง ทว่า…
โครม!
เสียงอึกทึกดังลั่นพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาแทนที่ ฉันค่อย ๆ ลืมตาแล้วหันมองไปทางจีซัส พบว่าเขาในเวลานี้ลงไปนั่งกองบนพื้นพร้อมกับโต๊ะที่ล้มระเนระนาด เป็นเฮียสิงห์ที่ยกเท้าขึ้นถีบโต๊ะแผงผังเข้าใส่ตัวจีซัสเพื่อหยุดเขาเอาไว้
ปัง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ” เสียงผู้มาใหม่ทักขึ้นจากหน้าประตู ก่อนคนอื่น ๆ จะตามกันเข้ามา พวกเขาสวมเสื้อช็อปวิศวะเหมือนเฮียสิงห์กับพี่เธีย ท่าทางดูเถื่อน ๆ กันทั้งกลุ่มเลย
“ลากมันออกไปไกล ๆ ตีนกูหน่อย” น้ำเสียงเย็นชาเปล่งออกมาครั้งแรกนับตั้งแต่จีซัสเข้ามาโวยวายในห้องนี้ ฉันย่นคอหน่อย ๆ ด้วยเพราะรู้สึกขนลุกไปหมด เสียงเขาอยู่ใกล้ฉันมาก มากซะจนฉันไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ทำเพียงนั่งตัวลีบอยู่บนตักแกร่งอย่างคนโง่งม
“มึง…!” จีซัสที่เหมือนจะอึ้งไปชั่วขณะเริ่มได้สติกลับมา เขาทำท่าจะลุกขึ้นมาเอาเรื่องเฮียสิงห์ แต่ถูกกลุ่มผู้ชายเถื่อน ๆ เหล่านั้นกระชากไหล่แล้วดึงออกไปจากห้อง เขาพยายามขัดขืนสุดแรง ปากก็ตะโกนด่าหยาบคายไม่หยุด “ปล่อยกูนะโว้ย! ไอ้เหี้ยเอ๊ย! กูไม่ยอมยกสายซอให้มึงแน่ไอ้สิงห์คำราม!”
“ปากใช้ได้ ให้กูซ่อมไหม?” ผู้ชายเถื่อน ๆ ที่ดูเหมือนเป็นหัวโจกหันมาถามเฮียสิงห์ เขาหยุดสายตาลงที่หน้าฉันคล้ายเพิ่งสังเกตเห็น หัวคิ้วที่เจาะจิวเล็ก ๆ เลิกขึ้นหน่อย ๆ “โอะโอ สาวน้อยบนตักมึงนั่นอะไรวะ?”
พอโดนทักแบบนั้นฉันถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังนั่งอยู่บนตักเฮียสิงห์ พอทำท่าจะลุกออกจากตักเขาก็ถูกมือหนาโอบรอบเอวแน่นจนต้องนั่งลงบนตักเขาเหมือนเดิม
ใบหน้าเฮียสิงห์ยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน เขาปรายตามองบรรดาเพื่อน ๆ ตัวเองก่อนสั่งเสียงเรียบ
“พวกมึงออกไปก่อน ล็อกประตูให้ด้วย”
ดะ เดี๋ยว… ทำไมต้องล็อกประตูด้วย?!