ตึกตัก…
เสียงหัวใจเต้นผิดจังหวะดังขัดสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าขึ้นมา ฉันจับจ้องใบหน้าเย็นชาหากทว่าดุดันของผู้มาใหม่ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองฉัน ทำเพียงหยุดยืนหันแผ่นหลังกว้าง ๆ มาให้แทน
“มึง…! ไอ้สิงห์คำราม!!” จีซัสชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เหมือนจะกระโจนเข้าใส่แต่กลับชะงักเท้ายืนอยู่กับที่ สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาเดือดดาลมาดร้ายจ้องอาฆาต ถึงหมอนั่นมันจะหมาบ้า แต่ก็ไม่บ้าขนาดมองไม่ออกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ฝั่งเฮียสิงห์มีตั้งสามคน หากคิดจะมีเรื่องตอนนี้ก็โง่เต็มที
“…” เฮียสิงห์หันกลับมามองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาเมินใส่จีซัสราวกับหมอนั่นเป็นอากาศธาตุ ฉันยืนนิ่งอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะโกหกเรื่องความสัมพันธ์ของเราไปอีกแล้ว เฮียสิงห์ต้องโกรธมากแน่ ๆ
ฉันเผลอตัวจับแขนพี่โซ่ด้วยความลืมตัว อยากหนีออกไปจากบรรยากาศกดดันนี่จะแย่อยู่แล้ว ทำไมทุกครั้งที่เจอเฮียสิงห์ ฉันต้องรู้สึกอึดอัดแบบนี้เสมอเลยนะ
หมับ
ข้อมือเล็กถูกคว้าจับด้วยมือของคนเย็นชาหน้าตาย แรงบีบเพิ่มขึ้นเล็กน้อยยามดวงตาคมปรายมองพี่โซ่ ฉันเงยหน้ามองเขาสองคนสลับกันก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังจับแขนพี่โซ่อยู่ รีบคลายมือออกแทบจะทันที มือหนาจึงรวบมือฉันไปจับแล้วพาเดินออกมาจากตรงนั้น
ขายาว ๆ ของเฮียสิงห์ก้าวเดินเร็วมาก ไม่คำนึงถึงขาสั้น ๆ ของฉันสักนิดว่าจะเดินตามเขาทันไหม เฮียสิงห์ไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ความร้อนจากฝ่ามือของเราสองคนแล่นวูบวาบ ฉันอยากจะสะบัดออกมาก แต่ทำไม่ได้เพราะมือหนาดั่งคีมเหล็กนั่นของเขา
“เฮียจะพาฉันไปไหน?” ฉันถามออกมาในที่สุด เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ของคณะวิศวะ ตลอดทางที่เดินมาพวกเราตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษารอบตัวอย่างมาก ชื่อเสียงของเฮียสิงห์ดังแค่ไหนฉันรู้ดี และเหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้ข่าวลือเรื่องระหว่างเรายิ่งกระพือแรงกว่าเดิมแน่ ๆ
เฮียสิงห์พาฉันเข้ามาในห้องปฏิบัติการ 4 ซึ่งตอนนี้ไร้ผู้คน เสียงปิดประตูดังตามหลังเพิ่มความกังวลให้ฉันเล็กน้อย ฉันหันกลับมามองเขาด้วยความระแวดระวัง เฮียสิงห์เดินผ่านฉันไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวประจำของเขา
“พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ?” ฉันเหมือนคนบ้านะว่าไหม พยายามจะพูดคุยกับคนอย่างเขา ขณะที่เขาเอาแต่เงียบจนน่าหงุดหงิด “ให้ตายเถอะ เฮียจะเป็นแบบนี้อีกนานไหมคะ จะปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวอีกนานไหม? ถ้าไม่คิดจะพูดอะไรกับฉันแล้วลากฉันมาทำไม?”
เฮียสิงห์จ้องตากับฉันนิ่ง ๆ มันทำให้ฉันอึดอัดจนอยากจะเดินหนี ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำตามใจคิด ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปาก
“รู้ไหมว่าการเป็นแฟนฉัน เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง”
ฉันนิ่งไป ไม่เข้าใจในคำถามของเขา
“ตอนนี้เธอกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ของฉันแล้ว”
เหยื่อ? เหยื่องั้นเหรอ?
“นั่นมันอะไรกันคะ? เหยื่ออะไรกัน? ฉันไม่ใช่เหยื่อของเฮียสักหน่อย” ฉันเถียง “เฮียเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นผู้หญิงของเฮีย”
“การเป็นผู้หญิงของฉัน หมายถึงการเป็นเหยื่อ”
“…”
“ทั้งเหยื่อของฉันและเหยื่อล่อศัตรูของฉัน”
ไม่รู้ทำไมหลังฟังประโยคนี้จบ ฉันรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งกาย ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน ที่ผ่านมามัวแต่คิดเรื่องที่จะหนีไปจากจีซัสโดยการใช้เฮียสิงห์เป็นไม้กันหมา ทว่ากลับลืมไปเสียสนิทว่ารอบตัวของเฮียสิงห์มีศัตรูมากมายแค่ไหน แถมตัวเขาเองก็อันตรายไม่แพ้จีซัสเลยสักนิด อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าฉันหนีหมาป่าเข้าถ้ำสิงโตหรอกเหรอ?
“ทำไม รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วเหรอ”
ฉันเม้มปากแน่น จ้องมองเฮียสิงห์ตาไม่กะพริบ
“เรื่องแฟนอะไรนั่นมันก็แค่ข่าวลือ มันไม่ใช่เรื่องจริง”
ใช่ เรื่องที่ฉันเป็นแฟนเฮียสิงห์มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่นา ข่าวลือมันก็แค่ข่าวลือ ผ่านไปสักพักคนก็ลืมหมดแล้ว
“เธอเป็นคนบอกเองว่าชอบฉัน”
“ระ เรื่องนั้น…” หน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ เฮียสิงห์จะขุดเรื่องนั้นมาพูดทำไมเนี่ย น่าอายชะมัดเลย!
“ทำไม? ไม่ชอบฉันแล้วเหรอ?” มุมปากหนายกยิ้มร้ายบาง ๆ มันบางมากซะจนฉันมองแทบไม่เห็น
“ฉัน…” อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ สมองคิดไม่ตกว่าจะโกหกต่อไปหรือจะพอแค่นี้ดี แต่เรื่องของจีซัสมันยังไม่จบนี่น่ะสิ หมอนั่นต้องตามราวีฉันอีกแน่ ๆ ฉันยังต้องการความช่วยเหลือจากอิทธิพลของเฮียสิงห์อยู่นะ
เอาไงดี…
“ว่าไง? ไม่ชอบฉันแล้ว?”
อ่า… เอาก็เอาวะ! ไหน ๆ เรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้วนี่! อย่าให้สิ่งที่ทำมามันเสียเปล่าสิยัยซอ!
“ชอบค่ะ ฉันยังชอบเฮียเหมือนเดิม” ฉันยิ้มฝืด ๆ ตอบเขาในที่สุด แสร้งหลบตาเขาไปทางอื่นเพื่อไม่ให้โดนจับพิรุธ ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “แต่คำว่าชอบของฉันไม่ได้หมายความว่าเฮียจะมีสิทธิ์บงการชีวิตฉันได้นะคะ”
ฉันคิดว่าเราต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังสักที ก่อนที่เฮียสิงห์จะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นชาจ้องมองฉันอย่างตั้งใจ ฉันเชิดหน้าขึ้นหน่อย ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง อยู่ต่อหน้าคนคนนี้ฉันต้องมีสติตลอดเวลาจริง ๆ
“ฉันเกลียดการถูกควบคุม ไม่ชอบถูกสั่ง ชีวิตเป็นของฉัน ฉันมีอิสระของฉัน ต่อให้ฉันชอบเฮีย เฮียก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายชีวิตฉัน เข้าใจตรงกันนะคะ?” ในเมื่อเขามีกฎของเขา ฉันก็มีกฎของฉันเช่นกัน
“เป็นแค่เหยื่อมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเจ้าป่าด้วยเหรอ?” ฟังคำถามเขาสิ ช่างน่าโมโหนัก…
เขาเรียกตัวเองว่า ‘เจ้าป่า’ กล่าวหาว่าฉันคือ ‘เหยื่อ’
ถามหน่อย “คิดจะควบคุมฉัน เฮียไหวเหรอ?”
เขาเพียงแสยะยิ้มตอบ “ก็ลองดู”