bc

นกน้อยทำรังแต่พอตัว

book_age12+
6
FOLLOW
1K
READ
HE
shifter
bxb
lighthearted
detective
highschool
like
intro-logo
Blurb

นกน้อยทำรังแต่พอตัว

ยามเหมันตฤดูมาเยือน ความหนาวเย็นน่าสะพรึงโหมกระหน่ำโรมรันไปทั่วบริเวณป่าชั้นในของเกาะอันดาที่ยามนี้แห้งแล้งไร้ซึ่งใบไม้เขียวขจีอย่างที่เคย ดินแดนที่ไร้ซึ่งผู้คน ปรากฏนกติ๊ดสีขาวตัวน้อย ที่มีลวดลายบริเวณดวงตากลมโตเป็นสีดำแปลกตา เดินเตาะแตะ ไม่ยอมใช้ปีกบินเช่นนกตัวอื่น ๆ สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่พบเห็นไม่น้อย ติดตรงที่ ณ ป่าแห่งนี้ กลับไร้แววของสิ่งมีชีวิต

มีเพียงเจ้านกตัวจิ๊วเป็นร่างสัตว์อสูรวิญญาณของเด็กหนุ่มนามว่า ‘จางเฉี่ยน’ ผู้ซึ่งเผชิญกับเรื่องราวชีวิตน้อย ๆ แสนรันทดของตนเองคราแล้วคราเล่า หนึ่ง สูญเสียพ่อแม่ผู้เป็นที่รัก สอง การหายตัวไปของพี่ชายผู้เป็นญาติเพียงหนึ่งเดียว (ที่นับว่าเป็นครอบครัว) สาม ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เพราะไม่มีร่างอสูรวิญญาณ สี่ เรื่องนี้ดูเหมือนจะดีอยู่บ้าง ได้ฝึกงานกับดอกเตอร์มากความสามารถ แต่ในวันที่เดินทางกลับถูกส่งมาทิ้งยังดาวรกร้าง ไร้ผู้คน แถมอยู่ ๆ หลังจากรอมากว่า 18 ปีพลังสัตว์อสูรวิญญาณก็ดันตื่นขึ้น หากมีพลังเป็นสัตว์ใหญ่น่าเกรงขาม ก็คงดีไม่น้อย แต่ไหงพลังที่รอมากว่า 18 ปี กลับเป็นเพียงนกติ๊ดตัวจิ๊วแบบนี้กัน เรื่องราวชีวิตแสนเศร้าของตนนี่มันอะไรกันเนี่ย จะมีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตน้อย ๆ นี่บ้างไหมนี่

‘เจ้าเด็กขี้เหงา เลิกมาลูบพุงข้า แล้วไปเอาของกินมาเดี๋ยวนี้’

“ท่านจอมพลแกเห็นฉันเศร้าเลยมาปรอบสินะ แกนี่มันน่ารักจริง ๆ ”

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งฉาก ตัวละคร ผู้คน และสถานที่

ล้วนเป็นเพียงจินตนาการอันเพ้อเจ้อ ไร้ที่มาที่ไป และต้นสายปลายเหตุของผู้แต่งล้วน ๆ จ้า

chap-preview
Free preview
บทที่ 1 ผมเป็นนกติ๊ดครับผม
      ยามเหมันตฤดูมาเยือน ความหนาวเย็นน่าสะพรึงโหมกระหน่ำโรมรันไปทั่วบริเวณป่าชั้นในของเกาะอันดาที่ยามนี้แห้งแล้งไร้ซึ่งใบไม้เขียวขจีอย่างที่เคย ดินแดนที่ไร้ซึ่งผู้คน ฝูงสัตว์น้อยใหญ่ต่างอพยพหลบหนีไปจากดินแดนแห่งนี้เมื่อนานแสนนานมาแล้ว ด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงสุดขั้วในช่วงฤดูผันผวนของดาวบลูสกาย            ดาวบลูสกายเป็นดาวในเขตการปกครองชั้นต่ำ บริเวณชายแดนทางเหนือของจักรวรรดิเคลาสเทียร์ ดาวดวงนี้ถือเป็นดาวตกสำรวจ หรือจะเรียกว่าไม่มีอะไรดึงดูดใจให้มาสำรวจก็เป็นได้ ด้วยอารยธรรมในปัจจุบัน การสำรวจจะทำเพื่อเสาะหาทรัพยากร หรือบุกเบิกดวงดาวใหม่ที่ยังไม่มีใครครอบครองหรือย่างกายมาก่อน แต่ดาวบลูสกายเป็นดวงดาวรกร้างที่เคยมีการดับสูญหลายครั้ง และเคยมีการอพยพย้ายถิ่นฐานเมื่อหลายพันธุ์ปีก่อน ว่ากันว่าเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับชาวดาวเคลาสเทียร์ในปัจจุบัน บางคนก็เชื่อกันว่าพวกเขาอาจเป็นบรรพบุรุษของชาวเคลาสเทียร์บางส่วนด้วย            ณ เวลานี้ดาวบลูสกายแห่งนี้มีเพียงสัตว์เท่านั้นที่อาศัยอยู่อย่างเบาบาง และมีเพียงนกบางชนิดที่กลับมายังป่าแห่งนี้บ้างเป็นครั้งคราวยามวสันต์มาเยือน แต่ครานี้ท่ามกลางหิมะหนาแสนหนาวเหน็บกลับมีเจ้านกติ๊ดสีขาวตัวน้อย ที่มีลวดลายบริเวณดวงตากลมโตเป็นสีดำแปลกตา เดินเตาะแตะ ไม่ยอมใช้ปีกบินเช่นนกตัวอื่น ๆ สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่พบเห็นไม่น้อย ติดตรงที่ ณ ป่าแห่งนี้ นอกจากนกน้อยตัวจิ๊ว ก็ไม่มีผู้ใดอีก คงไม่ต้องกลัวผู้ใดมาครหาเรื่องที่เป็นนก กลับเดินมากกว่าบินเป็นแน่            แต่ใช่ว่าเจ้านกน้อยจะไม่พยายามโผบิน เพียงแต่นี่ก็นับเป็นอีกครั้งที่นกน้อยจางเฉี่ยนผู้โดดเดี่ยว ณ ป่าแห่งนี้ ล้มเหลวกับการฝึกบิน ปีกน้อย ๆ ตกกระแทกพื้นเข้าอย่างจังครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดแผลถลอกตามตัวนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นเจ้านกน้อยก็ทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความเศร้าใจในโชคชะตาแสนอาภัพของตน            แม้จะพยายามสักเท่าใด ปีกน้อย ๆ นี้ ก็เหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้เพียงนิด แล้วจะทำเช่นไรได้เล่า นอกจากถอดถอนใจ และพยายามต่อไปเท่านั้น เพราะหากเขายังไม่รีบบินให้ได้เร็ว ๆ ละก็ คงไม่วายอดตายเป็นแน่ วัฏจักรชีวิตมักจะโหดร้ายกับผู้ที่อ่อนแอเสมอ            ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์จางเฉี่ยนเป็นเพียงนักศึกษาของสถาบันการศึกษาอคาเรียธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่กำลังเดินทางข้ามดวงดาวไปฝึกงานกับนักวิจัยชื่อดังอย่างดอกเตอร์ เกรย์ ฮิวสตัน นักวิจัยเรื่องสัตว์อสูรวิญญาณผู้โด่งดัง ที่จางเฉี่ยนเป็นแฟนคลับอยู่ แต่แทนที่จะถูกส่งไปยังดาวกรีนวิชตามกำหนดการเดิมที่ได้รับมา กลับถูกส่งมาอยู่ดาวกันดารดวงนี้เสียได้ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นคำสั่งของดอกเตอร์เกรย์ที่ต้องการให้จางเฉี่ยนมาสำรวจที่ดาวดวงนี้เพื่อทำวิจัยต่อไป เจ้านกน้อยรอแล้วรอเล่า รอมาเป็นอาทิตย์ก็ยังไร้การติดต่อจากดอกเตอร์ เกรย์ แถมชีวิตเจ้ากรรมเหมือนเล่นตลก พลังสัตว์อสูรวิญญาณดันมาตื่นในตอนที่ไม่มีใคร แถมยังเป็นแค่นกติ๊ดตัวจิ๋วเท่านั้น คงต้องรออีกสักพักถึงจะกลายร่างเป็นคนเช่นเดิมได้            จางเฉี่ยนซุกหน้าลงกับหิมะขาวหางชี้ขึ้นฟ้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ระหว่างครุ่นคิดไว้อาลัยให้กับชีวิตแสนเศร้าของตนเอง เมื่อ 1 ปีก่อน เพราะพ่อแม่เสียไปตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จางเฉี่ยนจึงตกไปอยู่ในความดูแลของลุงที่คนขึ้นมาเป็นผู้ดูแลตระกูลแทนคุณปู่ที่ชราลง ตระกูลจางเฉี๋ยนเป็นตระกูลเก่าแก่สืบทอดสายเลือดผู้มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่เมื่อเติบโตมากลับไล่พลังของสัตว์อสูรวิญญาณ รอจนจางเฉี่ยนอายุได้ 18 ปี ก็ยังคงไม่มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณ เหมือนคนอื่น ๆ ในตระกูลเสียที            อีกทั้งพี่ชายที่เรียกได้ว่าเป็นญาติเพียงคนเดียวของตนก็ยังหายสาบสูญ จางเฉี่ยนน้อยผู้ไร้ญาติขาดมิตรจึงถูกไล่ออกจากตระกูล ผู้คนในตระกูลที่หวังเห็นสภาพน่าสังเวรของเขากลับหารู้ไม่ว่าในตอนนั้นเจ้าเด็กน้อยที่พวกเขาสังเวชจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ออกจากตระกูลบ้า ๆ นี่ไปเสียที เพราะมีความฝันที่อยากจะเป็นนักวิจัยเหมือนเช่นพ่อ แม่ ถึงขั้นไปเปลี่ยนชื่อจะได้ตัดขาดจากตระกูลได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะลำบากหน่อยที่ไม่มีเงินก็ตามที ส่วนสิ่งที่นำติดตัวออกมาจากตระกูลได้ก็มีเพียงงานวิจัยของพ่อและแม่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในจี้ห้อยคอของจางเฉี่ยน ไม่งั้นแม้แต่งานวิจัยพวกนี้คนในตระกูลพวกนั้นก็คงเอาไปเช่นเดียวกับมรดกอื่น ๆ ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้จางเฉี่ยนกับพี่ชายเป็นแน่ เฮ้อ ชีวิตนี่มันช่างน่าเหนื่อยใจจริง ๆ            กลับมาสู่สภาพปัจจุบันของนกน้อยจางเฉี่ยน แล้วทำไมพอได้มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณกับเขาทั้งที ทำไมไม่เป็นสัตว์ตัวใหญ่ ๆ ละโว้ย มาเกิดเป็นนกประหลาด ๆ แบบนี้ทำไมกันเนี่ยยย...            ในตอนแรกที่นกน้อยได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองมีพลังสัตว์อสูรวิญญาณ สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้ก็กระโดดโลดเต้นด้วยความลิงโลดว่าอย่างน้อยตนก็มีพลัง จะได้ไม่ถูกพวกเพื่อนที่อคาเรียค่อนแคะว่า เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ริอยากจะเป็นนักวิจัยสัตว์อสูรวิญญาณ หวังสูงเกินไปหน่อยมั้ง แม้จะไม่ได้มีการห้ามหรือกีดกันมนุษย์ธรรมดาในด้านการศึกษา แต่ก็ยังคงมีการแบ่งแยกทางด้านจิตใจอยู่มากทีเดียว ยิ่งจางเฉี่ยนทำอันดับในสถาบันได้ค่อนข้างดีตั้งแต่ตอนเข้าเรียน ก็ยิ่งมีคนไม่ชอบมากเท่านั้น เฮ้อ...ชีวิตจะมีเรื่องดี ๆ สักครั้งได้มั้ยเนี่ย            นกน้อยยกร่างตนเองขึ้นมาจากหิมะ เอาเถอะไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาลองกันอีกสักตั้ง สงสัยชาติก่อนกินไก่เยอะเกินชาตินี้ถึงได้มาเกิดเป็นนก ที่บินไม่ได้แบบนี้ หรือไขมันของเขามันจะข้ามชาติตามมาด้วยนะ ไม่ได้การต้องรีบออกกำลังกายลดหุ่นซะแล้ว            นกน้อยตัวกลมทำท่าทางประหลาดเด้งขึ้นเด้งลง หวังลดน้ำหนักตัวลงแต่กลายเป็นจะหน้ามืดเสียก่อน ดินแดนเหมันต์แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แถมนกตัวนี้กินอะไรเป็นอาหารได้บางก็มิอาจรู้ได้ แต่ตนไม่ยอมกินไส้เดือนเป็นอาหารแน่ แต่ถ้าไม่มีอะไรกินจริง ๆ จะยอมกินก็ได้...            ดินแดนเหมันต์ที่เงียบสงบไร้แววของเผ่าพันธุ์อื่น นอกจากจางเฉี่ยน อยู่ ๆ ก็เกิดเสียงแตกฮือของฝูงนกทั่วทั้งบริเวณ เหล่านกน้อยใหญ่บินแตกฮือออกจากรังพร้อมกับเสียงร้องแตกตื่นอย่างวุ่นวายอลหม่านผิดวิสัยของนกแทบนี้ เจ้านกน้อยจางเฉี่ยนพยายามกระพือปีกบินตามกระแสของนกเหล่านั้น แต่ก็ไร้ค่า เพียงพริบตาเดียวความอลหม่านเมื่อครู่ก็สงบลงพร้อมกับฝูงนกทั่วทั้งผืนป่าที่บินจากไปอย่างกะทันหัน            ป่าเหมันตฤดูแห่งนี้ยามปกตินั้นเงียบสงบราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ คราวนี้กลับเงียบจนคนฟังรู้สึกวังเวง ความอ้างว้างนี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนป่าแห่งนี้นอกจากตนแล้ว ไม่มีผู้อื่นอีก แม้กระทั่งแมงมุมที่สร้างรังรวมตัวกันมากมายเพื่อหนีหนาว กลับทิ้งรังไปไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมไม่มีใครอยู่เลยละ มันแปลกเกินไปแล้ว...            จางเฉี่ยนพยายามจินตนาการถึงร่างมนุษย์ของตนเอง ออกแรงเบ่งพลังเพื่อกลายร่าง นี่เป็นวิธีกลายร่างที่นกน้อยเรียนรู้ได้โดยบังเอิญ แต่ก็ออกจะยากหน่อย ๆ นะ ถ้าปวดท้องจะขี้ออกมาด้วยไหมนะ เบ่งขนาดนี้            นกน้อยที่บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสีดำเงา ผิวขาวกระจ่างใส น่ารัก ไม่ว่าจะอยู่ในร่างนกติ๊ดตัวน้อย หรือร่างมนุษย์ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ด้วยในวัยของรูปร่างที่ปรากฏอยู่นี้ก็ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าปกติอยู่บ้าง ...นี่สินะ เหตุผลที่พอมีพลังสัตว์อสูรวิญญาณทั้งทีกลับเป็นนกพันธุ์เล็ก เพราะตัวเล็กมาตั้งแต่ตอนเป็นมนุษย์แล้ว...            สองขาก้าวเดินย่ำไปบนหิมะหนาอย่างระแวดระวังป่าเหมันต์ที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งนี้ มิได้ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อป่าแห่งนี้เป็นที่ซ่องซุ่มอย่างดีของเหล่าสัตว์อันตรายที่แม้จะมีสัตว์อาศัยอยู่น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย            สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ แม้จะอยากกลับให้ถึงบ้านพักโดยเร็วแต่จากเหตุการณ์ฝูงนกแตกฮือเมื่อครู่ก็อดทำจางเฉี่ยนระแวดระวังมากกว่าเดิมไม่ได้ ร่างเล็กค่อย ๆ เดินไปตามทางที่คุ้นเคยเรื่อย ๆ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านหลังน้อยที่เขาใช้หลบหนาวและซุกหัวนอนแล้ว            ก้าวแล้ว ก้าวเล่า จนเท้าบางสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่ให้สัมผัสลื่น ๆ ประหลาดเท้า ต่างจากพื้นหิมะนุ่มเย็น จางเฉี่ยน ก้มลงมองสิ่งที่ตนกำลังเหยียบด้วยใจที่หวาดหวั่น ใต้ฝ่าเท้าของนกน้อยในร่างมนุษย์ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าลูกหมาชิวาว่า ตัวสีดำด้าน หายใจหอบถี่ด้วยความยากลำบาก บริเวณท้องมีบาดแผลใหญ่ที่ยังคงมีเลือดสีแดงขุ่นคล้ายยางไม้ ไหลออกมาจนหิมะขาวค่อย ๆ แปลเปลี่ยนเป็นสีแดงของเลือดสัตว์ “!?”            จางเฉี่ยนก้มลงอุ้มเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงหน้าเข้าแนบอก อย่างอดสงสารไม่ได้ ก่อนออกวิ่งกลับบ้านพักหลังเดียวบนดาวดวงนี้ของตนด้วยความเร็ว เนื่องกลัวว่าผู้ที่ทำร้ายเจ้าตัวน้อยจะยังคงอยู่แถวนี้ ลมหายใจที่โรยรินของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงหน้าสร้างความเจ็บปวดให้กับจางเฉี่ยนผู้เป็นคนรักสัตว์อย่างถึงที่สุด …ใครกันมันช่างกล้าทำกับสัตว์ตัวเล็กเท่าลูกหมาเช่นนี้ได้ คอยดูนะถ้าเจอพ่อจะตีให้ แต่อย่าเจอเลยนะ เค้าไม่สู้คน…            จางเฉี่ยนอุ้มเจ้าสัตว์ตรงหน้ากลับบ้านหลังน้อยที่ซุกหัวนอนของตน วางเจ้าตัวน้อยลงบนเตียงแคบขนาดสามฟุต อย่างเบามือ ลงมือค้นหาหินพลังงานเวทที่มีเวทรักษาแฝงอยู่ที่นำติดตัวมาด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน ในยุคแห่งสหพันธ์ดวงดาวพลังงานต่าง ๆ ล้วนมาจากหินพลังงานเวทที่จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไป โดยหินพลังงานเวทจะสามารถหาได้จากการขุดเหมือง แต่ด้วยปริมาณของหินพลังงานเวทในปัจจุบัน ส่งผลให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากทรัพยากรที่มีจำกัดมากขึ้นทุกที หินที่จางเฉี่ยนพกมาก็เป็นเพียงหินพลังงานเวทระดับต่ำที่เขาพอจะหาซื้อได้จากเงินเก็บอันน้อยนิดเท่านั้น และเพื่อช่วยเจ้าตัวน้อยตรงหน้า ตนก็ไม่ห่วงหินพลังเวทเลยแม้แต่น้อย หวังว่าเจ้าตัวเล็กจะหายดีโดยเร็ว            เมื่อหินพลังงานเวทเริ่มทำงานบาดแผลตามตัวของมังกรน้อยก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับแต่ด้วยระดับของหินพลังเวทระดับต่ำ แต่บาดแผลค่อนข้างรุนแรงคงจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แผลจึงจะหายสนิท แม้หินพลังงานเวทจะสามารถรักษาบาดแผลตามร่างกายได้ แต่ไม่อาจฟื้นฟูพลังวิญญาณในร่างกายได้ และเพราะสูญเสียพลังไปมากแม้แผลภายนอกจะดูดีขึ้น แต่ก็ส่งผลให้เจ้าของร่างน้อยบนเตียงซอมซ่อยังคงหลับใหลด้วยความเหนื่อยล้า และอ่อนแรง แต่แค่นี้ก็ทำให้จางเฉี่ยนวางใจไปได้เปาะหนึ่ง            นกน้อยในร่างมนุษย์จ้องมองพินิจพิเคราะห์สัตว์ตัวน้อยตรงหน้า ที่มีรูปร่างหน้าตาต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิตนี้            เจ้าตัวเล็กทั่วทั้งตัวมีสีดำด้านคล้ายหินออบซิเดียน มีสี่ขา อุ้งเท้าอวบทุกข้างมีกรงเล็บน้อย ๆ พุบเข้าออกได้เหมือนอุ้งเท้าแมว มีเกล็ดสีดำตามตัว มีปีกสองข้างอยู่บนหลังคล้ายกับปีกค้างคาว ขนาดตัวเล็กเท่าหมาชิวาว่า แต่กลับดูอ้วนกลมน่ารัก น่าชัง ...นี่มัน เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ...            จางเฉี่ยนรู้สึกคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของเจ้าสัตว์ชนิดนี้เป็นอย่างมาก อยู่ ๆ ในสมองน้อย ๆ ของจางเฉี่ยนก็ปรากฏภาพสัตว์หายากที่น่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว ...นี่ นี่มันมังกรจิ๋วย่อส่วนนี่บ้าไปแล้ว...            จางเฉี่ยนรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย แค่อยู่ ๆ พลังสัตว์อสูรวิญญาณตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแค่นกติ๊ด ยังพีคไม่พออีกหรอ ยังจะมีมังกรอีกคุณพระ แล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงกับเจ้ามังกรตัวน้อยบนเตียงเก่า ๆ ของเขาดีละเนี่ย

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ตราบมนตรา

read
1.1K
bc

ผมรักนายmy bad boy (Mpreg)

read
3.2K
bc

ขยับเพื่อนเลื่อนเป็นรัก

read
1K
bc

ไฟผลาญ

read
1K
bc

Light in the Dark เปลี่ยนร้ายให้เป็นรัก

read
1K
bc

ตรวนใจนายหัว

read
1.5K
bc

หนุ่มร้อนรัก

read
2.1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook