ทันทีที่ขึ้นรถได้น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลพรั่งพรูออกมา ความเสียใจและเจ็บปวดราวกับหัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออก
“ฮึก ฮืออออ” อายซบหน้าลงบนพวงมาลัยร้องไห้จนพอใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วขับรถออกจากสนามแข่งทันทีโดยไม่หันกลับไปมองอีก
ทั้งที่ตอนแรกเธอตั้งใจทำอาหารมาให้มอสและรอกลับคอนโดพร้อมกับเขา แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นภาพของเขากับผู้หญิงคนนั้นซึ่งมันชัดเจนมากจนไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกแล้ว
รู้แล้วว่าตอนนี้เธอควรกลับบ้านเพราะอย่างน้อยที่บ้านก็ยังมีครอบครัวเธออยู่ การอยู่คนเดียวเวลานี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
พอรถจอดที่หน้าบ้านอายพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ เช็ดน้ำตาออกจากหน้า ส่องกระจกเช็กตัวเองให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้วเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มแม้จะเป็นยิ้ยิ้มที่ยิ้มแค่ปากแต่ไปไม่ถึงดวงตาแต่ก็ดีกว่าร้องไห้ให้ทุกคนเห็นและเป็นห่วง
“อ้าว!! ไหนว่าจะกลับคอนโดไงลูก” แม่ที่เห็นลูกสาวเดินเข้าบ้านมาก็ถามด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนที่อายจะออกไปบอกว่าวันนี้จะกลับไปนอนที่คอนโด
“พอดีอายนึกได้ว่าพรุ่งนี้พี่อ้นเข้าบริษัทวันแรกอายเลยอยากจะตามไปสักหน่อยว่าเป็นยังไง แล้วนี่พี่อ้นไปไหนคะ”
“อยู่บนห้องนะลูก”
“อ๋อ งั้นอายขึ้นห้องก่อนนะคะ”
“จ้ะ
อายเดินขึ้นห้องด้วยความเร็ว ก้มหน้าหลบสายตาของแม่เพราะไม่อยากให้ท่านสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ ทันทีที่ปิดประตูห้องลงอายก็พิงหลังกับประตูแล้วค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง พยายามบังคับตัวเองให้หยุดร้องไห้แต่ก็ทำไม่ได้เลย หัวใจเธอปวดหนึบเหมือนถูกบีบซ้ำ ๆ ภาพของมอสกับผู้หญิงคนนั้นวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ทำไมเขาถึงทำแบบนี้แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ที่ผ่านมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงหรือแค่เรื่องโกหกกันแน่
วิวัฒน์เดินถือกระเป๋าผ้ามาก็เจอกับพริตตี้สาวที่เดินตามมอสออกมาจากห้องทำงาน ก็อดจะมองทั้งสองคนด้วยความสงสัยไม่ได้ว่าเข้าไปทำอะไรกันในห้องทำงาน
“มองอะไร??” มอสหันไปถามวิวัฒน์ด้วยเสียงติดไปทางหงุดหงิด เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาแพรวพราวกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก จนเขาอยากจะประเคนบาทาใส่จริง ๆ
“เปล๊า!! ไม่มีอะไร”
“แล้วนั่นมึงถืออะไรมา” มอสมองกระเป๋าผ้าในมือวิวัฒน์ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะลายกระเป๋าไม่เข้ากับบุคลิกคนถือเอาเสียเลย
“กล่องข้าวกลางวันของกูเอง มึงถามทำไม”
“อย่าบอกนะว่ามึงทำเอง”
“หึหึ เปล่า กูทำอาหารเป็นที่ไหน เนี่ยมีคนเขาให้มา” วิวัฒน์ตอบเสียงเรียบพร้อมกับยกกระเป๋าผ้าขึ้นมาโชว์ให้มอสดู
“ใครวะ??”
“มึงจะอยากรู้ไปทำไม” วิวัฒน์พูดปัด ๆ แล้วเหลือบตามองพริตตี้สาวที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ มอส
“มึงเสร็จธุระแล้ว??”
มอสพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดกับสายตาของวิวัฒน์ที่มันใช้มองเขา นี่มันคิดได้ยังไงว่าเขากับพริตตี้กินกัน จนทำให้เขาต้องหันไปมองสาวพริตตี้ที่ยังยืนอยู่
“เธอกลับไปได้แล้ว ส่วนเรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้อีกที”
“ค่ะ” พริตตี้หยักหน้ารับเข้าใจก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น วิวัฒน์มองตามก่อนจะเบนสายตามามองมอสอีกครั้ง
“เรื่องอะไรวะ”
“อะไร??”
“ผู้หญิงเมื่อกี้”
“เธอมาขอให้ช่วย”
“แน่ใจ?? ว่าแค่มาขอให้ช่วยไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นด้วย”
“เออ!! กูไม่ใช่คนกินไม่เลือกเหมือนมึง ไอ้ห่า” มอสตอบเสียงห้วนกระด้าง เขามองกระเป๋าผ้าด้วยสายตาพิจารณาเพราะกระเป๋าผ้าใบนี้มันเหมือนกับกระเป๋าที่อายใช้ประจำ ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าในมือวิวัฒน์แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานทันที
“อ้าวเฮ้ย!! ไอ้มอส นั่นของกู” วิวัฒน์โวยวายเสียงดังเมื่อโดนฉกอาหารไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะรีบเดินตามมอสเข้าไปในออฟฟิศ
มอสนั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะวางกระเป๋าผ้าลงตรงหน้าแล้วเปิดกระเป๋าหยิบกล่องข้าวออกมา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงบ่นพึมพำของวิวัฒน์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินทำหน้ามุ่ยเพราะโดนฉกของกินไปต่อหน้าต่อตา
“ของกูมึงจะมาแย่งทำไมวะ แม่ง...”
“แค่นี่ก็ทำเป็นหวง แฟนมึงทำมาให้หรือไง” มอสเหลือบตามองอีกฝ่ายก่อนจะตอบหน้าตาย พร้อมกับเปิดฝาออกเผยให้เห็นข้าวผัดสีสวยที่มีกลิ่นหอมโชยออกมา
“เปล่า”
“แล้วใครทำมาให้มึง??”
“เขาไม่ได้ทำมาให้กูหรอก แต่บังเอิญเจอกูเข้าเขาเลยให้มา” วิวัฒน์ตอบเสียงเรียบ ทำให้มอสที่ได้ยินอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ใคร?”
“ก็อายเพื่อนนามินะสิ เขาทำอาหารมาให้สองคนนั้นแต่มาผิดจังหวะไงสองคนนั้นไม่อยู่เขาเลยให้กูแทน ก็แค่นั้น”
“อายเหรอ??” มอสชะงักเงยหน้ามองวิวัฒน์ตาโตด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อว่าอาหารในกล่องนี้จะเป็นของอาย และที่สำคัญเธอมาที่นี่แต่ทำไมเขาไม่รู้เรื่อง
“ก็ใช่ไง”
“แล้วตอนนี้อายอยู่ไหน”
“กลับไปแล้ว”
“กลับไปนานหรือยัง”
“สักพักแล้ว” วิวัฒน์เหลือบมองสีหน้าของเพื่อน ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
มอสนั่งนิ่งกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอมาหาเขาแต่เขาไม่รู้ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง หรือว่า เธอจะเห็นอะไรเข้า ถึงได้กลับไปโดยไม่เข้ามาหาเขา ในหัวของมอสตอนนี้มีแต่คำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
มอสขบกรามแน่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาของอายแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กดโทรออกเสียงของวิวัฒน์ก็ดังขัดขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำหน้าดุอย่างกับหมาบ้าโดนขโมยของกิน” มอสตวัดสายตาไปมองเพื่อนทันที วิวัฒน์รีบยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้แต่ก็ยังอดแซะไม่ได้
“เออ ๆ แล้วจะอารมณ์เสียทำไม มึงไม่ได้เป็นอะไรกับอายสักหน่อย”
“อายเป็นแฟนกู”
“ห๊ะ!! จริงดิ!! ไปเป็นแฟนกันตอนไหน ทำไมไม่มีใครรู้”
“ก็ยังไม่มีโอกาสได้ประกาศแต่ก็ไม่ได้ปิดบัง มึงโง่เองที่ไม่รู้”
“ไม่ใช่ว่าที่อายกลับไม่ใช่เห็นอะไรที่ไม่ควรหรือเปล่า มึงทำอะไรกับพริตตี้ในห้องหรือเปล่า”
“ไม่ได้ทำอะไรโว้ย หรือว่า…” ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของมอสทันที ไม่ใช่ว่าอายมาเห็นจังหวะที่เขาเข้าไปช่วยพยุงพริตตี้ที่กำลังจะล้มเพราะหน้ามืดหรอกนะ ถ้าใช่ละก็จังหวะนรกของแท้
“หรือว่า… อะไรของมึง??”
“ไม่มีอะไร มึงออกไปได้แล้ว”
“เฮ้ย ๆ แล้วข้าวกูละ”
“ข้าวมึงที่ไหน นี่มันข้าวที่อายทำมาให้กู”
“ไอ้มอส ไอ้หน้าด้าน มึงแม่ง...” วิวัฒน์ทำหน้าหงุดหงิดใส่มอสแต่ก็ยอมเดินออกจากห้องทำงานของมอสไปทันที ปล่อยให้มอสนั่งอยู่คนเดียว
มอสไม่รอช้ากดโทรศัพท์ออกหาอายทันที เสียงสัญญาณดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่ปลายสายจะตัดไป มอสดึงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเธอกดตัดสายเขา เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเก็บกล่องข้าวใส่กระเป๋าแล้วคว้ากุญแจรถเดินออกจากห้องทำงานไป ยังไงวันนี้เขาต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง