1.1 ยั่ว

1710 Words
๑ ยั่ว “อุ๊ย! หวาน… นั่นอาเพลิงของตัวนี่” เสียงกระซิบจากอุษาเพื่อนสนิท ทำให้มธุรส สลารัตน์ สาวสวยที่กำลังจะอายุยี่สิบสามเต็มอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเหลียวมองตามสายตาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แก้วไวน์สีแดงสดในมือเรียวสวยจึงชะงักเพียงแค่ริมฝีปาก เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับร่างสูงกำยำของอัคคี เวโรจน์ หนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าปี ชายที่หล่อนเรียกเขาว่าอามาตลอดเวลาที่รู้จักกัน ดวงตาคู่สวยตกแต่งจนคมเฉี่ยวหรี่มองผู้หญิงอีกคนที่กอดแขนของชายหนุ่มไว้ด้วยแววตาวาววับไม่พอใจ “อุ๊ย! นั่นใช่คนรักของอาเพลิงตัวหรือเปล่า คนที่บอกว่ากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ไง” เสียงเล็กๆ ของเพื่อนดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อคราวนี้ภายในคลับหรูมีเพลงบรรเลงคลอดังขึ้นกว่าเก่าและหญิงสาวเองก็จับจ้องมองชายหญิงคู่นั้นไม่วางตา “ใช่! ผู้หญิงคนนั้นคือคนรักของอาเพลิง”  อุษาทำเสียงรับรู้ในลำคอ พยักหน้าแล้วมองตามร่างของคู่รักทั้งสองด้วยความสนใจ… “เพลิงคะ นั่งตรงนี้ดีกว่า ตรงนั้นเสียงดังเกินไป” เสียงหวานๆ ของมณีดังชิดแถวคางเขียวครึ้มด้วยไรหนวด ก่อนจะกดริมฝีปากกับแก้มของคนรักเบาๆ อัคคีหลุบตามองร่างอวบละมุนในวงแขนอย่างรักใคร่ ก่อนจะพาหญิงสาวเข้าไปนั่งยังโต๊ะที่หล่อนเป็นคนเลือก “นี่ตัวจะไปไหน?!” อุษารั้งแขนเพื่อนเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตาคู่สวยมองตรงไปยังคู่รักอีกมุมหนึ่งของคลับ ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความอิจฉา “ฉันจะไปหาอาเพลิง จะไปขัดขวางแม่นั่นให้ถึงที่สุด!”  ร่างระหงผลุนผลันลุกขึ้นทว่ากลับถูกอุษายึดฝ่ามือเล็กเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยว! อย่านะหวาน ลืมไปแล้วเหรอ ว่าอาเพลิงสั่งไม่ให้ตัวเข้าไปยุ่งกับคุณคนนั้นนะ”  ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะนอกจากมธุรสจะไม่ฟังคำเตือนของอุษาแล้ว หญิงสาวยังฉวยแก้วไวน์สีสดขึ้นมาถือไว้ แล้วตรงไปยังคู่รักหวานชื่นที่ใครเห็นเป็นต้องอิจฉาอย่างรวดเร็ว “หวาน! โธ่… ทำไมดื้อนักนะ” อุษาได้แต่มองตามอย่างร้อนใจ  มธุรสหยุดไม่ห่างจากคู่รักมากนัก ดวงตาสีอ่อนวาวขึ้นอย่างเรืองโรจน์ หัวอกหัวใจเต้นตุบ เกลียดนักผู้หญิงชอบตีสองหน้า! “แพศยา ปลิ้นปล้อน! คอยดูนะ ฉันจะกระชากหน้ากากมารยาของเธอออกมาให้อาเพลิงเห็นให้ได้!”  พึมพำในความสลัวของแสงไฟ ก่อนจะพาตนเองตรงไปยังคนทั้งสองด้วยความมุ่งมั่น “บังเอิญจังเลยนะคะ วันนี้อาเพลิงพาคุณมณีมาที่นี่ด้วย…” เสียงหวานดั่งระฆังใสแจ๋วที่ดังขึ้นทำให้คู่รักที่กำลังคลอเคลียอยู่นั้นต้องชะงัก ดวงตาสีเข้มของอัคคีวาววับอย่างเห็นชัดเมื่อกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคนที่เข้ามายืนตรงหน้าอย่างไปชอบใจนัก “ขอนั่งด้วยคนสิคะอาเพลิง…”  คำขอนั้นทำให้มณีเม้มปากแน่น ขณะที่อัคคีหรี่ตามองแม่หลานนอกไส้ตรงหน้าแล้วเหลือบมองไปด้านหลังของหล่อน “เธอมากับใคร ก็ควรจะไปนั่งกับคนนั้นนะ” คำตอบของเขาเป็นแบบนี้จนมธุรสชินเสียแล้ว แรกๆ เขาอาจทำให้หล่อนอับอายขายหน้า แต่เดียวนี้มันชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาใดๆ กับคำตอบของอีกฝ่าย “หวานอยากนั่งตรงนี้มากกว่า” พูดจบหญิงสาวก็เบียดสะโพกลงไปกับร่างแกร่งที่เหลือช่องว่างไว้เพียงแคบๆ ทำให้มณีซึ่งจับตามองอยู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ขอโทษนะคะเพลิง มณีว่าหลานของคุณดูท่าจะอยากนั่งใกล้คุณอาเป็นพิเศษ ไงจ๊ะ ที่นี่ไม่มีถูกใจเลยสักคนหรือจ๊ะ?”  ไม่เพียงแค่คนถูกแขวะเท่านั้นที่หน้าตึง แต่อัคคีเองแม้ไม่ชอบการกระทำของมธุรสก็อดไม่ได้ที่จะหน้าร้อนเมื่อคนรักตำหนิหญิงสาวต่อหน้าเขา “หวานมาเที่ยวค่ะ ไม่ได้มาล่าผู้ชาย อีกอย่างอาเพลิงมา หวานก็อยากมานั่งกับอาเพลิงก็เท่านั้น” ตอบพลางยกไวน์ที่หยิบติดมือขึ้นจิบเบาๆ ด้วยท่วงท่าเซ็กซี่ เรียกสายตาหนุ่มหล่อต่างชาติที่นั่งโต๊ะถัดไปให้มองตามตาไม่กะพริบ ชายคนนั้นยกแก้วบรั่นดีขึ้นทักทายมธุรส หญิงสาวตอบกลับไปเช่นเดียวกับที่ชายผู้นั้นทำและมันก็ทำให้อัคคีเริ่มไม่พอใจในตัวหญิงสาวมากขึ้น เขาไม่ชอบที่หล่อนทำตัวเละเทะ ไม่เป็นกุลสตรี เที่ยวหัวราน้ำและเฟลิร์ตไม่เลือกหน้า… “ถ้าจะทำตัวแบบนี้ช่วยไปนั่งที่อื่นด้วยนะมธุรส…”  น้ำเสียงเรียบไร้ความรู้สึกของคนที่นั่งข้างกระตุกหัวใจคนฟังให้ไหววูบได้ทันทีที่เขาพูดจบ หยาดน้ำตารื้นขึ้นคลอดวงตาวาบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปยิ้มใส่ตาเขา แม้จะมีมณีคอยส่งสายตาเยาะหยันกลับมากันก็ตาม “หวานไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เอ… หรือว่าอาเพลิงหึงที่คนเมื่อกี้เขา…” “หวาน!” “ต๊าย! น่าเกลียด!”  มธุรสยิ้มยั่วขณะสบตาทั้งอัคคีและมณีสลับกัน โดยเฉพาะชายหนุ่มที่จ้องตาราวจะกินเลือดกินเนื้อ เขาคงโมโหจนแทบจะหักคอหล่อนหากไม่มีแม่คู่รักนั่งขวางไว้ “แหม… หวานแค่พูดเล่น ทำไมต้องทำตกอกตกใจด้วยล่ะคะ คุณมณีเองก็เถอะ หวานอาจจะน่าเกลียดในสายตาของคุณ ต่อหน้าคุณ แต่คนอย่างหวาน ไม่มีทางทำตัวน่ารังเกียจลับหลังแน่นอน…” คิ้วหนาของอัคคีขมวดมุ่น เช่นเดียวกับมณีที่ชะงัก สบตาคู่สวยของมธุรสอย่างไม่ไว้ใจนัก เหลือบมองคนรักอย่างเกรงๆ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายยังจ้องมธุรสด้วยแววตาไม่พอใจ จึงเชิดหน้าขึ้นอย่างเป็นต่อ “ขอบใจนะที่บอก แต่ฉันว่าเธอกลับไปบอกตัวเองดีกว่านะจ๊ะ แล้วก็ทำให้ได้อย่างที่พูดไว้ด้วย เพลิงคะ มณีไม่อยากนั่งที่นี่แล้วค่ะ เรากลับกันเถอะนะคะ” หันไปบอกกับคนรัก อีกฝ่ายก็ตามใจเป็นอย่างดีไม่ขัดใจสักนิด “ได้สิครับ” เขารับปากมณีแล้วหันมองคนที่นั่งเบียดเข้ามาอย่างจงใจด้วยสายตาคมดุ “เธอเองก็ควรจะกลับได้แล้วนะหวาน นี่มันดึกมากแล้ว ที่บ้านของเธอจะเป็นห่วง” หญิงสาวสบตาคมของเขาแล้วหลุบตา ลงมองแก้วไวน์ในมือ ซ่อนความขมขื่นให้มิดชิดจากสายตาสมเพชของคนทั้งคู่ “ยังไม่ถึงเวลาของหวานหรอกค่ะ ยังหัวค่ำอยู่เลย อาเพลิงกลับไปก่อนเถอะ” เอ่ยพลางลุกขึ้นยืน โชว์สัดส่วนงดงามในเดรสสั้นเหนือเขาสีดำสนิทรัดรูป อกเป็นอก เอวเป็นเอวและสะโพกเป็นสะโพก มือเรียวยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้งอย่างยั่วเย้า และมันก็เรียกสายตาของคนในบริเวณนั้นให้มองมายังหล่อนเป็นจุดเดียวกันได้โดยไม่ยาก โดยเฉพาะอัคคีที่รู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง อยากกระชากร่างบางเข้ามา แล้วหาผ้าผืนใหญ่ๆ ปกปิดสัดส่วนเย้ายวนจากสายตาของใครต่อใครให้มิดชิด! เขารู้ว่าหล่อนสวย… ด้วยใบหน้างดงามไร้ข้อบกพร่อง เรือนร่างดั่งปติมากรรมชั้นเยี่ยม มันทำให้ใครต่อใครคลั่งไคล้จนเก็บไปละเมอเพ้อพก และเขาก็เห็นมานับครั้งไม่ถ้วนนับแต่หล่อนเริ่มแตกเนื้อสาว! “หวานขอตัวนะคะ”  “อย่ากลับดึกนักล่ะ”  ร่างบางชะงักไปนิด แต่แล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจในคำสั่งทิ้งท้ายของอัคคี ชายหนุ่มเผลอมองสะโพกกลมกลึงที่เยื้องย่างห่างออกไปแล้วถอนหายใจ ทำให้มณีเริ่มไม่พอใจขึ้นมา “เพลิง! ทำไมต้องไปสนใจแม่นั่นด้วย” มณีตวัดเสียงห้วนใส่คู่หมั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องถอนใจเฮือก “มณี… หวานเป็นเพื่อนบ้าน เป็นลูกหลานของคนที่ผมรู้จัก ไม่ให้สนใจได้ยังไง อีกอย่างป้าของเขาก็ฝากผมดูแลห่างๆ” “แล้วทำไมต้องดูแลด้วย ป้าเขาล่ะทำไมไม่ดูแลเอง ลูกหลานใครคนนั้นก็ดูแลไปสิคะ ทำไมต้องให้มาเดือดร้อนถึงคุณด้วย!” มณีพูดอย่างมีอารมณ์ “มณี… อย่าใช้อารมณ์ ผมมีเหตุผล ที่สำคัญผมเคยพูดเรื่องนี้กับคุณไปแล้ว” ตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธต้องระงับลงอย่างอัดอั้น เต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังมธุรส เกลียดนั่งเด็กหน้าสวยหุ่นทรมานใจผู้ชายทั้งแก่และหนุ่มคนนั้น เกลียดความรู้ทันของนังเด็กปีศาจ! “เรากลับกันเถอะ ชักไม่สนุกแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้งเมื่อคนรักทำหน้าตึง “ค่ะ!”  มณีรับคำเสียงหนักๆ ก่อนจะเดินนำหน้าชายหนุ่มไปอย่างงอนๆ อัคคีโคลงศีรษะด้วยความระอา ทว่าสายตาเผลอมองไปยังร่างแบบบางแต่เต็มตึงทุกสัดส่วนของมธุรสด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องห่วงใยหล่อนเสมอ และทุกครั้งที่พบเจอหล่อนในสถานที่ต่างๆ ก็มักจะทำให้เขาลืมเลือนคนที่มาด้วยเสียทุกครั้งไป หล่อนดึงดูดสายตาและความสนใจของเขาไปหมด… เมื่ออัคคีและมณีกลับออกไปแล้ว มธุรสก็หมดความสนใจในทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย หญิงสาวเกิดความเบื่อหน่ายและหดหู่ขึ้นโดยพลัน อ้างว้างและหงอยเหงาทั้งที่รอบตัวมีเสียงเพลงและเพื่อนมากมาย “ษา เรากลับกันเถอะ” อุษาที่นั่งจิบไวน์เบาๆ และกำลังส่งสายตาหวานหยดไปให้หนุ่มๆ หันกลับมามองเพื่อนแล้วต้องถอนใจ รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อแล้ว “กลับก็กลับ ษาเองก็ง่วงแล้วเหมือนกัน…” เพียงเท่านั้น สาวสวยทั้งสองก็ออกไปจากสถานที่แห่งนั้น ตามคู่รักคู่แรกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD