หวามสวาทพี่เขย1
กฤติกาเงยหน้าขึ้นจากตำราเรียนเมื่อได้ยินเสียงไม่สบอารมณ์นักของพี่สาวดังแว่วเข้าในหูก่อนจะดังและเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
กฤติกาเห็นกฤติยาพี่สาวคนเดียวของหล่อนพาเรือนร่างบางโปร่งระหงในชุดสีแดงเพลิงซึ่งถูกออกแบบและตัดเย็บมาให้เปิดเปลือยด้านหลังลงมาจนถึงเอวคอดกิ่ว ช่วงสะโพกของเจ้าหล่อนผายน้อยๆ ผิวพรรนเนียนสวยดูยวนตา เครื่องหน้าถูกบรรจงแต่งแต้มเอาไว้งดงาม ลิปสติกสีสวยที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากอวบอิ่มของเจ้าหล่อนนั้นเพิ่มความเย้ายวนให้ดูน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าหากผู้เป็นเจ้าของจะเผยอขึ้นลงด้วยอาการแย้มยิ้มกว่านี้สักหน่อย แต่ทว่าบัดนี้ใบหน้าสวยเย้ายวนโฉบเฉี่ยวนั้นออกจะบึ่งตึงจนหาร่องรอยของการเคยยิ้มเมื่อก่อนหน้านั้นแทบไม่เจอเลยสักนิด
“ยายกฤ...อีกนานแค่ไหนน่ะกว่าแกจะเรียนจบ” กฤติกาขมวดคิ้วมุ่นมองพี่สาวอย่างงงๆ เพราะทันทีที่คนเหมือนอารมณ์ไม่ดีก้าวฉับๆ มายังไม่ถึงตัวหล่อนดี หากกลับตวัดเสียงถามมาอย่างไม่พอใจแถมยังด้วยประโยคคำถามที่พาเอาเธอยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยน่ะพี่ยา”
“ฉันถามให้แกตอบไม่ใช่ให้แกมาย้อนถามฉัน!”
“อีกไม่ถึงเดือนดีหรอกค่ะ” คราวนี้คนเป็นน้องสาวจำ
ต้องตอบด้วยไม่อยากทะเลาะให้ยืดยาว
“ดี...ถ้างั้นวันเสาร์แกออกไปหาห้องเช่าหรืออพาทเม้นท์อะไรก็ได้พอวันอาทิตย์ก็เตรียมตัวย้ายออกจากบ้านนี้ได้เลย”
กฤติกามองพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าหล่อนฟังที่พี่สาวพูดไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่ไม่เข้าใจต่างหากล่ะว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อยู่ๆ พี่สาวก็เดินเข้ามาออกคำสั่งให้หล่อนออกไปอยู่ที่อื่นทั้งที่หล่อนก็อยู่ที่นี่กับพี่สาวและพี่เขยตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ๆ มันตั้งเกือบสี่ปีเข้าไปแล้ว แล้วจะไม่ให้หล่อนงงได้อย่างไรกันในเมื่ออีกไม่ถึงเดือนกฤติกาจะเรียนจบอยู่แล้ว เกิดอะไรขึ้น ไอ้ครั้นจะว่าพี่เขยของหล่อนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาก็ไม่น่าเพิ่งจะมาเป็นเอาป่านนี้ หรือหากไม่พอใจหรือไม่อยากให้หล่อนอยู่ต่อจริงๆ ก็น่าจะบอกให้หล่อนออกไปเสียตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ
“เข้าใจรึเปล่าน่ะยายกฤ...”
กฤติยาชักสีหน้า เมื่อเห็นน้องสาวทำท่าไม่ยอมเข้าใจที่ตัวเองบอก แถมยังมองมาด้วยสายตาเป็นคำถามเสียอีก ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด
“ฉันพูดขนาดนี้แล้วแกยังจะทำหน้างงอยู่อีกรึยังไง โง่ หรือฟังภาษาคนไม่เข้าใจ”
กฤติยาโวยวายใส่มาอีกอย่างเดือดดาลในอารมณ์เต็มที่ คนเป็นน้องสาวถอนลมหายใจเบาๆก่อนถามเสียงไม่บอกอารมณ์ว่า
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะคะ คุณศรัญไม่พอใจอะไรกฤหรือคะ กฤทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ...เพียงแต่ฉันเบื่อ...เบื่อที่จะต้องอยู่กับผู้ชายเย็นชาไร้หัวใจทำตัวราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้อยู่ในคฤหาสน์รูหราใหญ่โตหลังนี้ก็ตามที แกเข้าใจรึเปล่าว่าฉันเบื่อสายตาที่มองมาอย่างอยู่หมิ่นของอี้พวกขี้ข้า พวกมันเห็นฉันต่ำต้อยไม่คู่ควรกับเจ้านายของพวกมัน เฮอะ!...” กฤติยาเหยียดริมฝีปากด้วยอาการดูหมิ่น
“พวกมันคิดสินะว่าคนอย่างฉันอยากจะอยู่กับไอ้ผู้ชายไร้น้ำยาอย่างนั้นรึไง ด้านชาไม่รู้สึกรู้สมทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียหน่อย ฉันยังเคยคิดอยู่เหมือนกันนะว่าเจ้านายของพวกมันนี่...จะเป็นประเภทพวกที่ชอบไม้ป่าเดียวกันรึเปล่า”
คนอารมณ์เสียใส่ไม่ยั้ง ทั้งสีหน้าแววตาและกิริยา แถมคำพูดคำจายังออกไปในทางดูถูกสามีผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองเสียอีกด้วย
กฤติกาฟังพี่สาวพูด ตาโตกับคำสบประมาทของเจ้าหล่อนซึ่งกล่าวหาผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี กฤติกามองไม่เห็นอย่างพี่สาวพูดมาเลยสักนิด ผู้ชายตัวโตๆ ที่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างเขาน่ะหรือจะชอบผู้ชายด้วยกันเอง อกผายไหล่ผึ่งซะขนาดนั้น ใบหน้าออกคมคาย ดวงตาสีเหล็กกล้าคมกริบดูมีพลังอำนาจราวกับพวกกักขฬะ ไม่มีการศึกษาทั้งที่เขาเป็นนักบริหารฝีมือดีและแน่นอนว่าเขาต้องมีอนาคตที่สดใสบนเส้นทางสายธุรกิจอย่างแน่ๆ
“อะไรกันน่ะพี่ยา! ถ้าพี่มีปัญหากับคุณศรัญก็น่าจะคุยกันดีๆ ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องเอาเขามาประจานให้กฤฟังเลย กฤว่ามันไม่สวยเลยนะคะแบบนี้”
กฤติกาพูดที่ออกจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพี่สาวที่ทำเหมือนนำเรื่องส่วนตัวมาโพนทะนา
“อ้อ...นี่แกยังมีหน้ามาว่าฉันอีกหรือไงนังน้องเนรคุณ ทั้งๆ ที่ฉันอดทนอยู่ที่นี่ก็เพื่อแก...เพื่อจะมีเงินส่งเสียให้แกได้ร่ำเรียนจนจะจบอย่างที่แกต้องการอย่างตอนนี้นี่ไง แล้วไงล่ะฮึ...นี่สินะคือสิ่งตอบแทนความดีของฉัน คำพูดทุเรศๆ จากปากของแกสินะใช่ไหมนังน้องเนรคุณ”
“พี่ยาคะ...”
เรียกพี่สาวเสียงอ่อนใจ ไม่อยากเถียงกับพี่สาวให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เพราะไอ้คำว่าเนรคุณที่พี่สาวสาดใส่หน้า สิ่งที่ควรทำและคงจะดีที่สุดคือไม่เถียง ไม่อธิบายว่าเธอไม่ได้เนรคุณ อะไรคือการที่พี่สาวต้องอดทนอยู่ที่นี่เพื่อเธอ อะไรคือทำให้หล่อนมีเงินไปเรียน ทั้งๆ ที่พี่สาวแทบไม่เคยหยิบยื่นเงินทองให้หล่อนได้ใช้สอยเลยนะ
กฤติกาไม่ได้รับเงินจากพี่สาวเป็นค่าส่งเสียเลี้ยงดู ค่าอุปกรณ์การเรียนรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาทะส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเงินของพี่เขยทั้งสิ้น ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเป็นคนล่ะส่วนกับที่เขาแบ่งให้กฤติยาเสียด้วยซ้ำไป แถมว่างๆ กฤติกายังหารายได้เสริมเองเพิ่มเติมอีกต่างหาก เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ส่วนตัว เพราะบางครั้งก็เกรงใจไม่อยากรบกวนเงินจากพี่เขยมากนัก หล่อนไม่ใช้เงินเป็นเบี้ยอย่างกฤติยาหรอกเพราะรู้ว่าเงินหายาก กว่าจะได้เงินเขามาแต่บาทต้องทำงานแลก เรียกว่าหยาดเหงื่อแรงงานแลกเงินน่ะแหละ อย่างพี่เขยหล่อนที่เห็นเขาแต่งสูทผูกไทนั่งอยู่ห้องแอร์เย็นๆ ทั้งวันนี่ก็อย่าคิดว่าเขาจะสบายนะ หยาดเหงื่อแรงงานสมองแลกเงินเหมือนกันน่ะแหละ เพียงแต่ว่าเขาโชคดีกว่าตรงเกิดมามีพ่อแม่บรรพบุรุษร่ำรวยอยู่ก่อนแล้วตัวเองก็เพียงแต่บริหารจัดการต่อเท่านี้ก็มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตอย่างไม่เดือดร้อน ไม่เหมือนชาวไร่ชาวนา หรือคนจนๆ เช่นหล่อน ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดยังได้เงินมาไม่พอจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง