เพื่อนสนิท

1610 Words
ตะวัน... ฉันค่อยๆแอบย่องเข้าบ้านตัวเองเพราะกลัวแม่จะเห็นว่าฉันตัวเปียกซกกลับมาบ้านฉันกะว่าจะแอบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำข้างล่างแล้วค่อยขึ้นไปบนบ้านแต่ยังไม่ทันไรฉันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแม่ที่ยืนถือก้านมะยมรออยู่หัวบันไดบ้าน "ไปไหนกันมาตะวัน ซัน พอส ทำไมถึงได้เปียกกันแบบนี้" ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เดินตามหลังมาในสภาพไม่ต่างกันนั่นก็คือไอ้ซันกับไอ้พอส "เอ่อ...พวกเราไปเล่นน้ำที่ห้วยมาจ๊ะแม่" ฉันตอบเสียงสั่นเพราะแม่เคยบอกไม่ให้ฉันไปเล่นที่นั่นแต่ด้วยความที่อากาศมันร้อนฉันก็เลยช่วนสองคนนี้ไปด้วยเพราะถ้าไปคนเดียวกลัวจะมีอันตรายเพราะฉันว่ายน้ำไม่เก่ง "แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามไปเล่นน้ำในห้วยไม่กลัวจมน้ำบ้างหรือยังตัวเองก็ใช่ว่าจะว่ายน้ำเก่ง" "ผมดูแลตะวันมันอย่างดีครับน้าต่ายรับรองไม่มีอันตรายเด็ดขาด" เป็นไอ้พอสที่พูดกับแม่ของฉันด้วยน้ำเสียงสุภาพตามบุคลิกและนิสัยของมันส่วนไอ้ซัน.... "พระเอกชิบหายเลยนะมึงอ่ะ" ซันกระซิบบอกไอ้พอสด้วยท่าทางหมั่นไส้แต่แม่ฉันคงไม่ได้ยินหรอก "พวกเอ็งก็ตัวพอๆกันจะไปช่วยอะไรกันได้ดีไม่ดีจะจมน้ำกันทั้งสามคนยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงน้ำหลากอยู่ ยังไงน้าก็ขอสั่งห้ามว่าต่อไปนี้ห้ามไปเล่นน้ำที่ห้วยอีกถ้าไม่เชื่อน้าจะห้ามนังตะวันไม่ให้ออกไปไหนอีกเลยเข้าใจไหม!!!!" "เข้าใจค่า/เข้าใจครับ/เข้าใจครับ" "เออให้เข้าใจอย่างที่พูดล่ะ เอาล่ะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้ละวันนี้มีกล้วยบวชชีใครมาช้าอด" จากนั้นพวกเราสามคนก็ต่างวิ่งเข้าบ้านตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งบ้านของไอ้ซันมันอยู่ติดกับบ้านของฉันนี่แล่ะรั้วติดกันเลยส่วนบ้านของไอ้พอสมันอยู่ถัดไปอีกหมู่บ้านนึงมันก็เลยลืมจักรยานของฉันปั่นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านมัน คือตอนมามันซ้อมมอเตอร์ไซค์คนแถวบ้านมันมาน่ะ หนึ่งชั่วโมงต่อมา... "น้าต่ายครับถ้าตะวันเรียนจบมอหกแล้วน้าต่ายจะให้ตะวันมันไปเรียนต่อที่ไหนเหรอ" ขณะที่เราสามคนกำลังนั่งกินกล้วยบวชชีกันอยู่จู่ๆไอ้พอสก็ถามแม่ฉันขึ้นมาทำเอาฉันงงไปเหมือนกันเพราะอีกตั้งสองปีกว่าจะเรียนจบมอหกเพราะตอนนี้เราสามคนยังอยู่มอสี่กันอยู่เลย "อีกตั้งสองปีน้ายังไม่ได้คิดหรอกว่าแต่เราเถอะตาพอสพ่อเราจะส่งไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่เหรอถ้าจบมอหก" "ครับแต่ผมไม่อยากไปผมอยากเรียนที่นี่กับตะวันมากกว่า แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ตะวันไปเรียนต่อกับผมด้วย" ครอบครัวของพอสพ่อมันเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของจังหวัดมีฐานะร่ำรวยจึงไม่แปลกที่พ่อแม่ของเขาจะส่งลูกชายคนเดียวไปเรียนเมืองนอก "ถ้าน้ามีเงินน้าก็อยากให้ตะวันมันไปเรียนเมืองนอกเหมือนกันแต่ค่าใช้จ่ายมันสูงน้าคงส่งไม่ไหวหรอก" ครอบครัวของฉันเป็นเกษตรกรทำสวนทำไร่พอมีพอกินไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ยากจน "ว่าแต่เราล่ะซันตกลงจะไปเรียนเมืองนอกเหมือนพี่สาวเราหรือเปล่า" "ไม่รู้เหมือนกันครับ ขอคิดดูอีกที" มันตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรเอาแต่ตักกล้วยบวชชีเข้าปากราวกับคนหิวโหย ถ้าว่าครอบครัวไอ้พอสมันรวยแล้วครอบครัวของไอ้ซันมันรวยยิ่งกว่าคือรวยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษรุ่นปู่รุ่นย่า คือไม่ต้องทำการทำการอะไรก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติแต่แม่ของมันก็ไม่ได้อยู่เฉยเปิดกิจการมินิมาร์ทซึ่งมีหลายสิบสาขาทั่วจังหวัด บ้านของมันเป็นบ้านที่หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านถ้าเทียบกันบ้านของฉันที่อยู่ติดกันบ้านฉันเหมือนรังหนูเลยก็ว่าได้ ถ้าเทียบความร่ำรวยของครอบครัวเราทั้งสามคนไอ้ซันมาเป็นอันดับหนึ่งไอ้พอสมาอันดับสองส่วนฉันไม่คิดไปเทียบกับพวกมันหรอกแค่ทุกวันนี้มีกินมีใช้ไม่ต้องไปหยิบยืมใครก็ดีแค่ไหนแล้ว อ้อฉันลืมบอกไปว่าพ่อของฉันเป็นกำนันด้วยนะพอจะอวดได้ไหมความภูมิใจของฉันก็คือมีพ่อเป็นกำนันนี่แล่ะ เราสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลเพราะทั้งอำเภอมีอยู่โรงเรียนเดียว พ่อแม่ของเราก็เป็นเพื่อนกันซึ่งฉันก็ไม่รู้อะไรมากรู้แค่ว่าท่านเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน เชื่อไหมว่าตอนแรกไอ้ซันมันไม่ยอมเป็นเพื่อนกับฉันหรอกมันหยิ่งจะตายมันถือตัวว่าพ่อแม่รวย มันชอบแกล้งฉันตั้งแต่เด็กเวลาเจอกันที่โรงเรียนมันชอบเอากระเป๋าฉันไปซ่อนบางครั้งก็เอารองเท้าฉันไปทิ้งถังขยะ มันบอกว่าฉันจนบ้านเท่ารังหนูห้องน้ำบ้านมันใหญ่กว่าห้องนอนฉันอีกที่มันรู้ก็เพราะว่าตอนนั้นบ้านฉันมีงานเลี้ยงฉลองรับตำแหน่งกำนันของพ่อฉันเอง พ่อแม่มันก็ลากมันมาด้วยแล้วทีนี่มันเดินขึ้นมาบนบ้านตอนนั้นฉันกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องโดยที่ไม่ได้ปิดประตูเพราะอากาศมันร้อนจู่ๆมันก็เดินเข้ามาในห้องแล้วมันก็มองไปรอบๆห้องของฉันพอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นสายตารังเกียจของฉัน "หึย!!ห้องเล็กกว่าห้องน้ำที่บ้านฉันอีกนอนเข้าไปได้ไงวะแอร์ก็ไม่มีมีแต่พัดลม" ไอ้ซันตอนนั้นมันอายุแค่หกขวบเองนะคำพูดมันทำเอาฉันโกรธที่มันมาดูถูกห้องนอนของฉันที่ฉันอุตส่าห์ขอพ่อกับแม่ว่าอยากมีห้องส่วนตัวพ่อก็เลยกั้นห้องให้มันก็เลยเล็กตามสภาพ และตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่คุยไม่มองหน้ามันอีกเลยถึงมันจะมาแกล้งฉันก็ไม่สนใจยังดีที่ฉันมีพอสเป็นเพื่อนอีกคนไม่อย่างงั้นคงเหงาน่าดู "นี่ยัยเปี๊ยก" ในขณะที่ฉันกำลังนั่งเล่นหมากเก็บกับพอสไอ้ซันมันก็เดินมานั่งข้างๆ "เรียกใครยัยเปี๊ยกเราชื่อตะวัน" "ฉันจะเรียกแบบนี้แล่ะจะทำไม" "ซัน นายจะแกล้งตะวันทำไม" "ก็ยัยนี่มันน่าแกล้งอ่ะ" "คนนิสัยไม่ดี" พอฉันว่ามันว่านิสัยไม่ดีมันก็เอามือปัดลูกหินที่ฉันกำลังเล่นอยู่ลงจากโต๊ะจนหมด ฉันโกรธมันมากก็เลยต่อยมันไปทีนึง "โอ๊ย!!!" พอกลับมาถึงบ้านฉันก็โดนแม่ตีแล้วบังคับให้ฉันเดินไปขอโทษไอ้ซันที่บ้านถ้าฉันไม่ไปจะไม่ได้กินข้าวฉันก็เลยจำใจเดินมาที่บ้านมันก็เจอกับแม่ของมันกำลังนั่งทำแผลให้มันอยู่ คือตอนนี้ตามันปูดบวมมากกว่าเดิมจนฉันอดขำไม่ได้ "555555ตลกจัง5555" "ยัยเปี๊ยก!!!" "ซัน พูดกับเพื่อนดีๆสิลูก" "ก็มันหัวเราะเยาะซันอ่ะแม่ทั้งที่เป็นคนทำให้ซันเจ็บ" "ก็นายมาแกล้งเราก่อนทำไมล่ะเราเล่นกับพอสอยู่ดีๆก็มาแกล้งเราสมน้ำหน้า" จากตอนแรกที่จะมาขอโทษมันกลับกลายเป็นฉันมาทำให้มันโกรธอีกและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันกับมันก็ไม่มองหน้ากันอีกจนกระทั่งขึ้นชั้นประถมแล้วเราต้องเข้าค่ายลูกเสือความซวยมาตกอยู่ที่ฉันที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกับมันส่วนพอสอยู่อีกกลุ่ม ตอนยั้ยเราต้องเดินทางไกลเพื่อไปพักแรมที่อุทยานแห่งชาติตอนนั้นฝนดันตกหนักมากทั้งที่ไม่ใช่หน้าฝนแล้วทางก็แคบเราต้องเดินเรียงหนึ่งเพื่อเข้าไป และด้วยความที่รองเท้าฉันมันลื่นทำให้ฉันพลาดไถลลื่นลงไปในน้ำและด้วยความที่ฉันว่ายน้ำไม่เป็นไอ้ซันมันกระโดดลงไปช่วยฉันขึ้นมาก่อนที่ฉันจะจมลงไป คุณครูที่เดินตามมารีบอุ้มฉันขึ้นมาแล้วทำการปฐมพยาบาลจนฉันฟื้น มันก็เลยทำให้ฉันเป็นหนี้บุญคุณมัน ฉันขอบคุณมันแต่มันไม่สนใจ จากวันนั้นเป็นต้นมาฉันก็พยายามทำดีกับมันทุกอย่างเพราะถ้าไม่มีมันฉันคงจมน้ำตายไปแล้ว "ซันวันนี้เราเอาข้าวต้มมัดมาฝาก" ฉันเดินเข้าไปในบ้านของมันอย่างคุ้นเคยเพราะช่วงนี้มาเกือบทุกวันเพราะอยากมาขอบคุณมัน "ไม่กินไม่ชอบ" "ถ้างั้นเราเอาไปให้พอสก็ได้พอสชอบกิน" ฉันรู้ว่าถ้าพูดแบบนี้มันจะยอมกิน "ไม่ได้มันของๆฉัน" พูดจบมันก็คว้าข้าวต้มมัดไปนั่งแกะกินจนหมด ฉันยิ้มอย่างพอใจ และนั่นก็คือเรื่องราวในวัยเด็กของฉันตอนอยู่ประถม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD