CHAPTER 1
CHAPTER 1
เสียงเพลงแดนช์ดังสนั่นลั่นบ้านหลังโตสุดซอยแค่ประตูเหล็กแกร่งหนาของรั้วบ้านที่ถูกออกแบบลวดลายสวยงามทันสมัยก็บ่งบอกถึงฐานนะเจ้าของบ้านเป็นอย่างดีว่าอยู่ในระดับไหน
คงไม่กระจอกแน่
ผ่านเข้ามาในบริเวณบ้านเสียงโห่ร้องกรี๊ดดังขึ้นชัดกว่าเดิมอีกมันเกิดเป็นพักๆ ตรงโซนข้างบ้านซึ่งคาดว่าเป็นบริเวณสระน้ำ
ปาร์ตี้ริมสระ?
มีใช้กันจริงๆ บรรดาลูกคนมีอันจะกิน
“ปาร์ตี้เชิญทางนี้เลยครับ”
หนุ่มคนหนึ่งคาดว่าเป็นคนใช้ของบ้านบอกพร้อมกับพายมือเชิญฉัน ถึงกับให้คนมาต้อนรับถึงประตูหน้าบ้านเลยเหรอทุ่มทุนมากที่สุด ก่อนจะเข้าไปถึงจุดนั้นตามเสียงก็ต้องผ่านบรรดาฝูงรถสปอร์คันหรูหราหลายคันจอดเรียงระนาดเต็มจนล้นออกมาดูระเกะระกะไปหมด
ทำให้ต้องรีบเดินหนีเลี่ยงไกลๆ ถ้าเกิดเข้าไปเอากระเป๋ารูดทำรอยความซวยต้องมาเยือนฉันอีกแน่ นี่ก็ซวยมากพอแล้วทำไมต้องมาอยู่กับสถานการณ์ที่ไม่ชอบด้วย
KUN: มารับหน่อย
KUN: กลับไม่ไหว
KUN: เมา
PAR: เพื่อ?
KUN: บอกม๊า
แค่นี้การสนทนาทางข้อความทุกอย่างก็หยุดลงตัวฉันรีบเด้งตัวจากที่นอนหอพักหน้ามหาลัยคว้ากระเป๋าสะพายมายังบ้านแห่งนี้ทั้งไม่เต็มใจสักนิด บางครั้งไปลากจากคลับ บางครั้งไปลากจากร้านยาดอง บางครั้งไปลากจากมาเมาดิบและครั้งนี้ต้องมาลากจากบ้านครั้งหน้าฉันไม่ต้องไปลากมันที่อาบอบนวดเลยหรือวะ
เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยเว้ย!
งานปาร์ตี้ธรรมดาสำหรับพวกเขาแต่ไม่ใช่กับฉัน การตกแต่งเต็มไปด้วยลูกโปงสีฟ้าขาวรอบสระน้ำสวยใสสีฟ้าสะท้อนแสงกับดวงไฟประดับโดยรอบมันสวยนะแต่คงไม่ใช่ตอนนี้เวลานี้
วู้...
ฮิ้ว...
ดวงตาสวยเบิกกว้างเท่าไข่ห่านกับสิ่งที่สะท้อนปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าปาร์ตี้สุดเหวี่ยงของผู้ชายที่รายล้อมไปด้วยสาวสวยรูปร่างผอมเพรียวไร้ไขมันใส่บิกินี่วันพีชบ้างทรูพีชบ้างเต้นอวดส่วนเว้าส่วนโค้งสะโพกมนด้วยความเย้ายวน
ทั้งในสระน้ำและบนบกโชว์เพื่อเรียกเสียงโห่แซวจากชายหนุ่มรอบข้างอย่างเมามัน ทุกอย่างครบครันสะดวกสบายไปหมดทั้งอาหารเครื่องดื่มชนิดต่างๆ มีไว้ให้บริการ
แม่เจ้า! เซ็กซี่แม้กระทั่งเมดสาวไม่มีเงินทำไม่ได้แน่
การเดินเข้ามาในโซนบริเวณสระน้ำหลังจากหยุดสักพักเพราะมัวแต่มองหาไอ้ตัวปัญหาที่ยังไม่เห็นหัวตั้งแต่ก้าวเข้ามา ไม่รู้ตายจมสระไปแล้วหรือยัง แต่ละก้าวเป็นการเดินแบบกล้าๆ กลัวๆ ก็ไอ้สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องมองมายังฉันราวกับว่าเป็นตัวประหลาด
ใช่สิฉันไม่ได้แต่งตัวเหมือนพวกเขาแค่เสื้อครอปกางเกงยีนขาสั้นทั่วไปความหวั่นใจเกิดขึ้นชั่วขณะเพราะกลัวว่ามาผิดที่จึงรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา
ทว่า...
“ยังไม่เข้าไปหามันอีกเหรอ?”
ผู้ชายตัวสูงเหมือนนายแบบสีผิวขาวผ่องตัดกับสีผมดำสนิทริมฝีปากเรียวสีคล้ำนิดๆ ผลพวงมาการสูบบุหรี่อีกทั้งยังมีรอยสักตรงแขนซ้ายให้ลุคแบดบอยไปอีก เขาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันในระยะห่างพอสมควรมือเรียวข้างหนึ่งถือแก้วเหล้าไว้ในมือเขาชื่อ ‘เกมส์’
พวกเดียวกันกับคนที่ฉันกำลังตามหา
“หาไม่เจอ”
“หึ” เขาเป็นคนเย็นชามากสายตาหาเรื่องตลอดเวลานาทีที่เขาเข้ามาทักจะสังเกตได้เลยว่าไม่มีสายตาคู่ไหนกล้ามองมาเลยไม่เหมือนเมื่อกี้สักนิด “ตามมาดิ”
ก็ดีจะได้รีบกลับ ออกตัวไว้ก่อนว่าฉันก็ไม่ได้สนิทหรือว่ารับรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้มากเท่าไหร่นักดูท่าเขาจะอายุมากกว่าด้วยอีกอย่างหนึ่งเขาคงเห็นฉันทุกครั้งในตอนที่ต้องมาลากใครบางคนกลับบ้านมั้งถึงได้เข้ามาทักตามเพื่อนร่วมโลก
การเดินตามมาเงียบๆ กระทั่งเข้ามาในตัวบ้านมันจะมาลานกว้างเอาไว้สำหรับปาร์ตี้ด้านในอีกที่หนึ่งนั้นเต็มไปด้วยซากขวดเหล้าเบียร์เกลื่อนแล้วฉันก็เห็นไอ้ตัวปัญหาคนนั้น
มันยังกล้านอนแบบสบายใจอยู่บนโซฟากลางลานกว้างแถมข้างกายยังมีผู้หญิงคนหนึ่งเอียงซบลงแผ่นอก ลานนี้มันไม่ได้มันอยู่คนเดียวยังมีผู้ชายอีกสี่คนนั่งอยู่เป็นจุดๆ นาทีนี้ฉันไม่สนใจว่าจะมีใครบ้างสิ่งที่สายตาเห็นมันโฟกัสไปที่โซฟานั้นจุดเดียว
มันคนเดียวที่มีผู้หญิง!
ร่างเล็กเดินเข้าไปคว้าขวดเบียร์ขวดหนึ่งที่ยังเต็มไปด้วยของเหลวด้านใน ฝ่ามือบีบเกร็งจับคอขวดเบียร์แน่นจนสายตาคนอื่นกลัวมันแตกคามือของเธอนักการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดน้อยนักที่คนอื่นจะเลือกทำทว่าเธอกับไม่มีความลังเลใจเลย
“ฉิบหายแล้ววะ”
เสียงใครคนหนึ่งพูดดังขึ้นเข้ามาในโสตประสาทหูฉันซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันต้องสนใจการเดินเข้าไปยืนข้างกับโซฟาตัวนั้นเสี้ยววินาทีเดียวของเหลวในมือก็ถูกยกขึ้นเทราดศีรษะทันที
~ซ่า~
กรี๊ดดด!
“เชี่ยใครวะ!”
ร่างใหญ่ของมันดีดเด้งลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกาจผสมกับเสียงกรี๊ดก่อนหน้าทำให้ดังสนั่นลั่นลานกว้าง หญิงสาวที่นอนข้างกายในตอนแรกบัดนี้ได้ตกลงกระแทกพื้นเรียบร้อย
“ฉันเอง”
“นังบ้า!”
เสียงนั้นมันไม่ใช่เสียงของไอ้ตัวปัญหาที่เรียกฉันมาแต่มันกับเป็นเสียงผู้หญิงคนเดิมกับที่นอนซบอกมันต่างหาก เธอลุกจากพื้นยืนจ้องฉันเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เพล้ง!
“หุบปากถ้าไม่อยากเจอเสียบ!” ขวดเบียร์เมื่อกี้ถูกพลิกเอาด้านล่างขึ้นมาจากนั้นก็จัดการฟาดลงไปกับโต๊ะข้างๆ ให้แตกเหลือตรงคอขวดที่ถูกมือเล็กจับแน่นนั้นด้านปลายกลายเป็นความแหลมคมเธอโชว์ของในมือขู่ผู้หญิงคนนั้นรั้งท้ายด้วยการเบี่ยงหางตาลงพูดกับคนตรงโซฟา “ส่วนแกลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้ไอ้กุน!”
‘ไอ้กุน’ ไอ้ตัวปัญหาที่ฉันเอ่ยถึงตั้งแต่แรกมันตามจิกตามกัดทุกช่องทางเพื่อให้มารับแล้วไหนไอ้ที่ว่าเมาจนกลับไม่ไหววะถ้ามีอาการอย่างที่บอกจริงคงไม่นอนกอดหญิงน่าระรื่นขนาดนี้ ครั้งแรกกับการระเบิดอารมณ์แบบหน้ามืดตามัวไม่เห็นหัวใครทั้งนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็เอาไม่อยู่
“พี่กุน...”
แต่แล้วเสียงเล็กของยัยนั่นคนนั้นก็เข้ามาร่วมวงระเบิดระหว่างฉันกับไอ้กุนอีกครั้งหนึ่งอุตส่าห์ให้ออกจากวงโคจรไปดีๆ แล้วเสือกเข้ามาอีกก็ตามใจคราวนี้ไม่แค่เรียกชื่อเปล่าแต่ยังเข้าไปกอดลำแขนไอ้กุนที่ลุกขึ้นยืนนิ่งอยู่เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของหรือไม่ก็เพื่อสื่อให้ฉันรับรู้ท่าทางอ้อนแอ่นประดิดประดอยทำทีกลัวการกระทำของฉันนั้นยิ่งทำให้ปวดหัวเพิ่มอีกหลายเท่าตัว
“ปลา”
เอาเข้าไปพอยัยนั่นคนนั้นเรียกชื่อไอ้กุนแต่มันไม่สนใจกับเรียกชื่อฉันแทน ไม่ใช่รักสามเศร้านะเว้ยไม่จำเป็นต้องเรียกชื่อวนขนาดนี้ถูกไหมยิ่งถูกเมินเดี๋ยวจะยิ่งสร้างปัญหาให้ฉันอีก
อารมณ์ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ไม่ว่าจะเห็นที่ไหนก็ตามการได้รับความสนใจน้อยหรือไม่ได้รับความสนใจสุดท้ายก็ลงด้วยการโวยวาย
โวยวายราวกับทำสงครามย่อมๆ
“เออ! ปลาทำไมมองไม่ชัดหรือไงวะ?” ฉันตั้งใจจ้องสายตาเขม็งไปยังคนร่างสูงผมดำใบหน้ามีเปียกชุ่มไปด้วยเบียร์ ไม่น่าสงสารสักนิดเดียวสะใจมากกว่าอีก “อย่าตอแหล!”
“ทำไมไม่ปลุกเหมือนตอนเช้าล่ะครับ มอนิ่งคิสไงหรือว่าโกรธเค้า...”
มอน่งมอนิ่งคิสบ้าห่าเหวอะไรของมันอีกฉันไม่เคยทำแบบนั้นไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือว่าตอนนี้น้ำเสียงหวานทุ้มเกิดขึ้นเกินปกติแบบไพเราะเสนาะหูอย่างไม่น่าเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อนั้นแหละดีที่สุดเพราะมันเป็นเพียงแค่การแสดงของไอ้กุน
“อย่าด้าน”
“ไม่เอาหน่าเค้าเมากลับเองไม่ไหวจริงๆ นะครับ”คนตัวสูงยังพูดไม่สะทกสะท้านกับอะไรสักนิดเดียวอีกทั้งยังทำท่าทางจะเดินมาหาฉันอีก
“ใครกันคะพี่กุน?”
นั่นไงตัวต้นเรื่องเริ่มเอาตัวมาขวางการสนทนาระหว่างฉันกับไอ้กุนแล้วยัยนั่นไม่ว่าเปล่าด้วยนะ เธอการกระชากแขนของไอ้กุนที่กำลังจะเดินมาหาฉันให้มันหันใบหน้ามาพูดกับเธอแทนการเฉยเมยไม่สนใจที่เมื่อกี้ยังไงก็ช่างเรื่องระหว่างสองคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอกแต่คติฉันไม่ว่าจะไปลากไอ้กุนจากไหนก็ตามผลมันต้องสำเร็จทุกครั้ง!
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“นั่นมัน...”
“เพื่อน ฉันเป็นเพื่อนมัน!” ฉันชิงพูดตัดหน้า
“ไม่ใช่” คราวนี้คนตัวสูงตรงหน้าฉันมันไม่ยอมการปฏิเสธจึงเริ่มขึ้น “ไม่ใช่เพื่อน”
“…”
นัยน์ตาสีนิลลุกวาวแต่ท่าทางมันยังนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวฉันก็ไม่ได้เอ่ยอะไรไปนอกจาการเงียบคราวนี้ยอมรับว่าเดาอาการของไอ้กุนไม่ออกมันผิดปกติ
“จะอยู่ในสถานะไหนก็ได้แต่ไม่ใช่เพื่อน”