ตอนที่ 8 ปี 1980

1176 Words
เสียงนกร้องดังแว่วมาแต่ไกล อากาศเย็น ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาในห้องนอนของลี่ลู่เสียนจนเจ้าตัวต้องกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นอีกนิด หญิงสาวนอนตะแคงไปทางซ้ายทีขวาทีก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นด้วยความสะลึมสะลือ “บ้าเอ้ย!” เธออุทานออกมาพร้อมลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว นี่มันไม่ใช่ห้องของลี่ลู่เสียนแต่ยังเป็นห้องของลี่หมิงหงส์ชัด ๆ หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะกระจกเก่าแก่ของเจ้าของร่าง พลางนั่งลงตรงหน้า พิจารณาเงาสะท้อนในกระจกอย่างถี่ถ้วน “คือยังไง? ฉันต้องติดอยู่ในร่างของลี่หมิงหงส์คนนี้จริง ๆ เหรอ?” ลี่ลู่เสียนพูดกับเจ้าของร่างด้วยความโมโห ปกติมีหรือคุณหนูอย่างเธอต้องมาทนกับอะไรแบบนี้ เอาล่ะเธอต้องตั้งสติเสียหน่อยแล้ว หากจำต้องอยู่ในร่างนี้จริง ๆ ต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่รอดจนกลับบ้านได้นะ? “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธออยู่ในปี 1980 อย่างจริงแท้ ลี่ลู่เสียนไม่แม้แต่จะหันไปมองเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นหนิงเหอที่เคาะประตูแน่นอน “คุณหนูคะ” “เข้ามา” เธอตอบอย่างฉุนเฉียว ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมร่างของสาวใช้หนิงเหอที่เดินเข้ามาในห้องของเธอ เธอหอบเสื้อผ้ามาอีกสองสามชิ้นในมือแล้วนำไปวางในหีบผ้าให้อย่างดี “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ สบายดีขึ้นมั้ยคะ” หลังจากวางผ้าเสร็จ หนิงเหอก็รีบมานั่งข้าง ๆ ถามไถ่อาการของลี่ลู่เสียน “อืม ไม่ค่อยดีหรอก ว่าแต่ตอนนี้ตระกูลเราทำกิจการอะไรเหรอหนิงเหอ” “เอ่อ...นายท่านเปิดร้านขายของค่ะ” “ลี่ชีอัน...ลี่...ชีอัน” ลี่ลู่เสียนพูดวนชื่อนั้นไปมาเพราะมันเป็นชื่อที่คุ้นหูเธอ พอนั่งนึกดี ๆ ก็พลันนึกขึ้นได้ “คุณปู่ทวด” เธอรีบเอามือปิดปากแล้วหันไปมองหน้าหนิงเหอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตากลมโต “คะ? คุณหนูหมายถึงอะไรคะ” “อะ เอ่อเปล่าๆ” ลี่ลู่เสียนจำต้องเก็บอาการเพราะหากเธอยังทำท่าประหลาดต่ออีกไม่แน่ว่าเธออาจโดนปู่ทวดพาไปโรงพยาบาลก็เป็นได้ แค่ต้องมาติดอยู่ในยุค 1980 ที่แทบไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรให้เธอเลยก็ว่าแย่แล้ว นี่เธอยังมาติดในร่างของบรรพบุรุษของเธอเองอีกเหรอ? “คุณปู่ทวด มีลูกสาวก็ต้องเป็นอาม่าสักคนของเราสินะ น่าเสียดายอาม่าเราก็มีหลายคน แถมคุณพ่อไม่เคยพูดถึงเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร?” ลี่ลู่เสียนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “คุณหนูบ่นอะไรพึมพำคนเดียวคะ?” “เปล่าหรอก ว่าแต่” ยังไม่ทันที่ลู่เสียนจะสอบถามอะไรต่อ ดูเหมือนว่าคลื่นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเธออย่างช้า ๆ ลี่ลู่เสียนลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งทันทีที่เธอเห็นอดีตทั้งหมด นี่คืออาม่าลี่หมิงหงส์เป็นน้องสาวของยายแท้ ๆ ของเธอเอง แต่เพราะอาม่าย้ายตามสามีไป เธอก็เลยไม่เคยได้พบเจอ อาม่าหมิงหงส์มาก่อน เพราะงั้น...ก็ไม่ได้แย่อะไรเพราะอย่างน้อยตระกูลลี่ก็ร่ำรวยมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ทวดอย่างน้อยแม้จะอยู่ในปี 1980 เธอก็คงไม่ลำบากอะไรมากหรอกมั้ง? “ไปทานข้าวเช้าเถอะค่ะ นายท่านรอนานแล้ว” หนิงเหอเอ่ยพร้อมเดินนำลี่ลู่เสียนออกไปข้างนอก เมื่อเดินออกมาจากห้อง ลู่เสียนเพิ่งสังเกตเห็นห้องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากห้องนอนของเธอ แค่เห็นก็พอรู้ว่าบ้านของปู่ทวดนั้นไม่ธรรมดา ดูหรูหราหมาเห่ามากสำหรับยุคสมัยนี้ไม่น้อยทีเดียว เมื่อเดินตามสาวใช้ไปจนถึงห้องอาหาร ก็มีพี่สาวของหมิงหงส์นั่งทานอาหารกันอยู่แล้ว เธอพยายามเก็บอาการแล้วทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่นมากที่สุด “เป็นอะไรล่ะ ได้ข่าวว่าสติไม่ดีหรอช่วงนี้ พูดจาไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ” เสียงของหมิงซิงพี่สาวคนโตเอ่ยถาม “อ่อ...นั่นสิสงสัยเมื่อวานจะตากแดดนานไป” “ลูกสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง แต่หน้าตาวันนี้ดูแจ่มใสแล้วพ่อก็โล่งใจ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ลี่ลู่เสียนไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มอย่างเดียว “อันที่จริงหมิงซิงออกเรือนไปแล้ว ลำดับถัดไปก็ต้องเป็นเจ้า ตอนนี้แม่สื่อหาคู่หมายให้ลูกได้แล้ว อีกไม่กี่วันก็เตรียมตัวไปเจอเขาเถอะ” ลี่ชีอันยิ้มจาง ๆ เพราะเขาเฝ้ารอวันที่ลูกสาวคนเล็กจะออกเรือนมานาน เนื่องด้วยความที่ลี่ หมิงหงส์เป็นกุลสตรีเพียบพร้อม เย็บปัก ถักร้อยเก่ง เรื่องอาหารก็รสมือชั้นเลิศ หากได้แต่งออกเรือนไปต้องเป็นภรรยาที่ดีแน่นอน “อะ...ออกเรือน! หมายถึงแต่งงานใช่มั้ยคะ?” ลี่ลู่เสียนแทบสำลักกับข้าวที่ทานอยู่โดยทันทีที่ได้ยินเรื่องแต่งงานอีก นี่ขนาดย้อนเวลามาก็ยังไม่วายโดนจับคลุมถุงชนอีกหรือนี่ “เหตุใดถามเช่นนั้น เป็นสตรีถึงเวลาก็ต้องออกเรือนสิ ลูกคนนี้เป็นอย่างไรไปแล้วนะ?” ซีอันขมวดคิ้วไม่ใช่เพราะโกรธเคืองแต่ไม่มั่นใจว่าลูกสาวที่เคยอยู่ในโอวาสทำไมมีพฤติกรรมแปลก ๆ “พ่อคะหนูจะไม่แต่งงานกับใครหน้าไหนก็ไม่รู้เด็ดขาด!!” ประโยคนี้หลุดออกมาทันทีที่ลี่ลู่เสียนโดนบังคับให้แต่งงาน มันจี้ปมเธอเข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะมิติไหนตระกูลเธอก็เป็นพวกจับชายหญิงมาชนกันแบบนี้ตลอดสินะ โอ้ย!! ให้ตายเถอะ!!...ไม่ได้กาลล่ะถึงแม้เธอจะเป็นรุ่นเหลนแต่เธอก็ตั้งใจว่าจะทำลายพิธีคลุมถุงชนบ้า ๆ นี้ทิ้งซะเพื่อปกป้องผู้หญิงในตระกูลนี้ไม่ให้เจอเหตุการณ์แบบนี้อีก “เรื่องนี้ต้องจบลงที่รุ่นของเรา!!!” ลี่หมิงหงส์ทุบโต๊ะด้วยความมาดมั่น ทว่าการกระทำอันอาจหาญของเธอไม่ได้ปลุกใจพ่อหรือพี่สาวของเธอแม้แต้น้อย เพราะตอนนี้ผู้เป็นพ่อและพี่สาวแทบจะหัวใจวายตายคาโต๊ะอาหารเพราะตั้งแต่เด็กจนโต ลี่หมิงหงส์ไม่เคยแม้แต่จะเถียงใครเลยด้วยซ้ำ เธอใจดีถึงขนาดเผื่อแผ่เลือดตัวเองให้ยุงกิน หมากัดเธอก็ยังลูบหัวมัน หญิงสาวใจดีดุจนางฟ้าได้หายไปแล้วหรืออย่างไรกัน? พี่สาวและพ่อได้แต่คิดในใจแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD