ภรรยาทำข้าวกล่องมาส่ง

1417 Words
วันนี้ธามเข้ามาที่แสงเสรีกรุ๊ปซึ่งจะถือว่าเป็นที่ทำงานประจำของเขาก็ว่าได้ ยิ่งในระยะหลังๆ ที่มีภาระมากขึ้นก็แทบจะปักหลักอยู่ที่นี่ ในส่วนของงานโรงแรมนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูทุกวันอยู่แล้ว ในช่วงนี้ถ้าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ เขาก็แทบจะไม่มีเวลาเข้าไปดู ล่วงเข้าสู่กลางเดือนสุดท้ายของปีงานที่ว่ายุ่งอยู่แล้วก็ยิ่งยุ่งเข้าไปอีก ซึ่งธามตั้งใจว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนสิ้นปี เขามีแพลนอยากเคานต์ดาวน์กับภรรยา เพราะนับตั้งแต่แต่งงานกันมาเขากับเธอแทบจะไม่เคยใช้เวลาด้วยกัน วันหยุดที่มีหนึ่งวันในหนึ่งสัปดาห์เขาก็แทบจะไม่เคยได้ใช้มัน หลังจากเขาออกจากบ้านในตอนเช้าก็แทบจะขาดการติดต่อ กันไปเลย เธอไม่โทรหาเขาอยู่แล้ว เพราะสุพรรณิการ์คงไม่อยากรบกวนเวลางานของเขา ส่วนเขานานๆ ทีเขาถึงจะหาเหตุผลโทรหาเธอบ้าง ตอนแรกธามเองก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเขากับเธอก็ไม่เคยมีปัญหากัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองในแต่ละวัน มันราบรื่นเป็นอย่างดีมาตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ แต่จู่ๆ เขาก็นึกว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมก็เป็นได้ ธามมองนาฬิกาที่ติดผนังห้อง เผลอย่นคิ้วอย่างแปลกใจที่มันเพิ่งจะสิบโมงเช้า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองออกจากบ้านมานานกว่านั้น เขาไม่ได้ใส่ใจหาคำตอบให้ตัวเอง แต่หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมา และโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดหาเหตุผล เขาก็กดโทรหาเธอ “คุณธามมีอะไรหรือเปล่าคะ” ธามรู้สึกว่ามันเป็นคำถามติดปากของภรรยาเขาเหมือนกัน ถ้าเขาจะโทรหาเธอหรือทำอะไรที่ผิดไปจากปกติที่เคยทำ มันควรจะต้องมีอะไรพิเศษอย่างนั้นสินะ สามีจะโทรหาภรรยาโดยไม่มีธุระไม่ได้อย่างนั้นเชียว “ตอนนี้คุณกลางอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่ร้านครับ” “มาถึงร้านได้ครู่ใหญ่ๆ แล้วค่ะ” “แล้วงานที่ร้านยุ่งไหมครับ” ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยคำตอบที่เขาก็เดาได้ ต่อให้งานที่ร้านของเธอจะยุ่งหรือไม่เธอก็คงจะตอบแบบนี้ “เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ได้ยุ่งอะไร” “ถ้างั้นตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะครับ เอ่อ เดี๋ยวผมให้ธนนท์ไปรับคุณกลาง เราสั่งอะไรขึ้นมากินบนห้องผมแล้วกัน” เขาลืมนึกถึงเรื่องงานไปเลยในตอนแรก พอนึกขึ้นมาได้ทันจากที่ตั้งใจจะไปรับเธอออกมาทานข้าวเที่ยงด้วยกันข้างนอกธามก็พะวงกับงานที่กองอยู่บนโต๊ะ แต่ชวนเธอไปแล้วก็คงต้องให้เธอมา...เขาลืมจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจ “ค่ะ คุณธามอยากทานอะไรหรือเปล่าคะเดี๋ยวกลางหยิบขนมที่ร้านไปฝาก” คำตอบรับง่ายๆ ของปลายสายทำให้คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยเมื่อครู่เพราะคิดไม่ตกว่าทำไมถึงทำแบบนี้คลายลง...ระบายรอยยิ้มจางๆ “อะไรก็ได้ครับ ถ้าเป็นสูตรที่คุณกลางทำคงอร่อยหมด จะว่าไปผมยังไม่เคยทานขนมที่ร้านคุณกลางเลย” นอกจากสุพรรณิการ์จะทำ กับข้าวอร่อยแล้ว เธอยังทำของหวานอร่อยไม่แพ้กัน ตอนเย็นสุพรรณิการ์จะนำมันขึ้นโต๊ะ จนเขาที่ปกติไม่ชอบทานของหวานต้องขอให้เธอนำขึ้นโต๊ะทุกวันจากที่ปกติเธอจะทำแค่สามถึงสี่วันต่อสัปดาห์ แต่ขนมที่ร้านเธอเขายังไม่เคยลองชิมดู จะว่าให้ถูกคือยังไม่เคยเข้าไปที่ร้านเธอเลยสักครั้ง “เอ่อ คุณกลางครับ ผมสามารถทานข้าวเที่ยงผิดเวลาได้นะครับ ถ้าผมจะรบกวนให้คุณกลางทำกับข้าวสักสองอย่าง…ที่ร้านคุณกลางไม่สามารถทำได้ใช่ไหมครับ” “ค่ะ คงต้องกลับไปทำที่บ้าน” “ถ้างั้นผมให้ลุงฉมไปรับคุณกลางที่ร้านนะครับ แล้วค่อยให้ธนนท์ไปรับคุณกลางที่บ้านอีกที แต่ถ้ามันเลยเวลาอาหารเที่ยงของคุณกลาง คุณกลางทานก่อนเลยนะครับ แล้วค่อยเอามาให้ผมทีหลัง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวไปทานพร้อมกันก็ได้ กลางทำอะไรง่ายๆ แป๊บเดียว แล้วกลางก็ทานข้าวเที่ยงผิดเวลาได้เหมือนกัน” คำตอบจากปลายสายทำให้ธามเผยรอยยิ้มกว้างกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว “ครับ รบกวนคุณกลางแค่นี้แหละครับ เดี๋ยวผมโทรบอกลุงฉมเอง” แล้วเขาก็กดวางสาย ต่อสายบอกลุงฉมแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างตั้งใจ จะได้ไม่มีเวลาคิดหาความสมเหตุสมผลของการกระทำเมื่อครู่ของตัวเอง ธามนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมแทบไม่ได้ลุกไปไหน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเคาะประตูครั้งแรกของวัน ตอนเวลาบ่ายโมง เสียงเคาะประตูเงียบไปไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือเลขานุการที่ประจำการหน้าห้อง ตามด้วยสุพรรณิการ์และธนนท์ที่ถือตะกร้ากับข้าวตามเธอเข้ามา “หิวหรือยังคะ บ่ายโมงแล้ว” เธอเดินตรงมาหาเขา ขณะที่ธนนท์นำตะกร้าไปวางไว้บนโต๊ะรับรองแขก ก่อนจะเลี่ยงออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่ ตอนนี้ในห้องทำงานของเขาจึงเหลือแค่เขากับเธอ “กำลังหิวพอดีเลยครับ” เขาตอบ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะทำงานมายืนข้างเธอ แตะหลังเธอเบาๆ ก่อนจะพากันเดินมาที่โต๊ะรับรองแขกซึ่งอยู่ติดกระจกใสที่มองเห็นวิวของเมืองหลวงได้ชัดเจน เธอกับเขาเลือกที่จะนั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกัน “กลางใส่กล่องมานะคะ คุณธามทานได้ไหมหรือต้องตักใส่จานไหมคะ” “แบบนี้ก็ได้ครับ ง่ายๆ ดี” “กลางไม่รู้จะทำอะไรดีคุณธามจะได้ไม่รอนาน ไม่รู้ทานได้หรือเปล่า ถ้ายังไงเดี๋ยวตอนเย็นกลางค่อยแก้มืออีกทีนะคะ” เธอพูดเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี ธามหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อได้ยินแบบนั้น มองเธอจัดการแกะกล่องกับข้าวสามอย่างบนโต๊ะ หมูทอดกระเทียม บล็อกโคลีผัดกุ้ง และกะเพราหมูสับ “ขออนุญาตค่ะ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ธามหันไปมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเลขาของเขาคงไม่ลืมมารยาทเรื่องนี้แน่ๆ แต่เขาแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้ยิน ไม่รู้มัวคิดอะไรอยู่ รสรินยกถาดที่วางเหยือกน้ำและแก้วน้ำสองใบมาหาพวกเขา บริการเทน้ำและเสิร์ฟจนเรียบร้อยแล้วก็ยืนรอฟังคำสั่งจากเจ้านาย “เชิญคุณรสรินเลยนะครับ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจัดการเอง” เลขาสาวพยักหน้ารับก่อนจะเลี่ยงออกไปจากห้อง ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เขากับเธออีกครั้ง ธามลอบมองการกระทำทุกอย่างของคนข้างๆ จนเธอแกะกล่องที่บรรจุข้าวสวยแล้วยื่นให้เขาพร้อมกับช้อนส้อม เขาถึงได้เลิกมองเธอแล้วพากันทานข้าวเงียบๆ จนข้าวในกล่องของเขาหมดลงธามยังรู้สึกเหมือนจะกินไม่อิ่ม “อืม ถ้ามีอะไรที่คุณกลางจะต้องแก้มือผมว่าคงเพราะตักข้าวมาน้อยเกินไป” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีหลังจากยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “เอาของกลางไหมคะ เอ่อ” เธอตอบกลับมาทันทีด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะชะงักไปราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา แน่นอนว่าธามรู้ว่าเธอมองว่าการเสนอข้าวในกล่องที่เหลือจากที่เธอทานให้เขาเป็นสิ่งไม่ควรในความคิดของเธอ และก็แน่นอนกว่าว่าธามไม่เคยคิดแบบนั้นกับคนที่เป็นภรรยา ยิ่งเห็นตอนที่เธอเผลอพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างลืมตัวเมื่อครู่ เขายิ่งรู้สึกว่ามันควรมากๆ ต่างหากล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD