ตอนที่ 1 : งานวิวาห์
ภายในห้องโถงจัดงานแต่งงานของโรงแรม ตอนนี้ได้ถูกเนรมิตให้อยู่ในบรรยากาศของทุ่งดอกไม้สีขาวและสีฟ้าสลับแซมกันอย่างลงตัว แขกทั้งหลายต่างพากันมาร่วมงานแต่งงานของบ่าวสาวที่เป็นแพทย์มือทองด้วยกันทั้งคู่
บ่าวสาวคนสำคัญตอนนี้กำลังยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูทางเข้าของงาน เจ้าบ่าวมาในชุดสูทสีเข้มสุดเนี้ยบ ส่วนเจ้าสาวแสนหวานสวมชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สีขาวเรียบหรูโชว์แผ่นหลังสุดเย้ายวน ขาคู่สวยที่โผล่พ้นผ้าลูกไม้ลงมาก็เรียวเล็กได้รูปจนหลายคนอดเลื่อนสายตามองไม่ได้
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นโดยผู้เป็นบิดาของเจ้าบ่าว ที่มีความรักใคร่และเอ็นดูในตัวลูกสะใภ้เป็นอย่างมาก ต่างจากชายหนุ่มผู้เป็นพระเอกของงานที่เขาจำใจต้องยอมแต่งกับคนที่พ่อเลือกให้ ทั้งที่ใจเขานั้นแสนเกลียดชังคนที่จะมาเป็นภรรยาเข้ากระดูกดำ เพียงเพราะเขาเชื่อว่าเธอคนนี้เป็นต้นเหตุทำให้แฟนสาวที่เขาคบมานานหลายปีต้องตายจากไป
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวมองกล้องนี้หน่อยนะครับ” เสียงของตากล้องหนุ่มที่กำลังชูมือเรียกให้หนุ่มสาวคนสำคัญของงานมองมาทางกล้องได้ทำลายภวังค์ความคิดของชายหนุ่มคนสำคัญของงาน
ทั้งคู่ได้มองตามเสียงเรียกของช่างภาพ รอยยิ้มพิมพ์ใจของเจ้าสาวที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องหลงรัก แม้แต่ตากล้องที่คอยบันทึกภาพบรรยากาศของสถานที่และตัวเอกของงาน เขาเองก็ยังแอบยิ้มให้กับเจ้าสาวเหมือนกัน
แชะ แชะ แชะ !!!
เสียงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพดังขึ้นเป็นจังหวะรัว ๆ ตอนนี้ผู้คนต่างทยอยมางานกันมากมายและก็ได้เวลาที่บ่าวสาวต้องเดินเข้าไปในงาน เพื่อเริ่มพิธีวิวาห์หวานของค่ำคืนนี้แล้ว
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายความรักของคู่บ่าวสาวที่แขกทุกคนสัมผัสได้ แต่ใครเล่าที่จะรู้บ้างว่า หนุ่มสาวทั้งสองนั้นไม่ได้มีความรักใคร่ให้กันเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่ยืนฝืนยิ้มให้กันจนจบงาน ทั้งที่ใจจริงแทบอยากจะถอดชุดและออกจากสถานที่แห่งนี้เต็มทีแล้ว
ขั้นตอนและพิธีการดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเวลากล่าวคำยินดีและอวยพร ผู้เป็นบิดาของเจ้าบ่าวได้ขึ้นเวทีกล่าวคำมงคลให้หนุ่มสาวทั้งสองที่เป็นพระเอกนางเอกของงานอย่างอารมณ์ดี
“สำหรับค่ำคืนนี้ พ่อขอให้ลูกทั้งสองครองรักอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ยามใดที่มีเรื่องไม่เข้าใจ ขอให้ทั้งคู่จับมือกันไปอย่าได้ทิ้งกันกลางทาง เรื่องอะไรที่ผิดพลาดก็จงให้อภัยกัน และสุดท้าย... พ่อขอให้ลูกทั้งสองมีหลานให้พ่อไว ๆ”
“อ้าว...ทุกคนดื่ม...” สิ้นคำอวยพรของผู้เป็นบิดาฝ่ายเจ้าบ่าว เขาได้ยกแก้วสวยที่มีน้ำสีใสขึ้นมาตรงหน้า เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนร่วมดื่มเป็นสักขีพยานให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเอง
เมื่อพิธีการแต่งงานจบลง หนุ่มสาวคนสำคัญของงานได้ถูกนำตัวเข้ามาส่งที่ห้องหอซึ่งเป็นคอนโดหรูของเจ้าบ่าวอย่างครึกครื้น และตอนนี้ทุกคนที่มาส่งต่างก็ออกไปกันหมดแล้ว
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลานั่งลงที่ปลายเตียงอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขาถอดชุดเจ้าบ่าวออกทันที โดยไม่พูดไม่จาใบหน้าที่แม้จะดูดีแต่ก็งอง้ำอย่างไม่พอใจ เขาคือเมทัส เลิศประภาพรศัลยแพทย์หนุ่มวัยใกล้ 30 ปี
ทางด้านเจ้าสาวแสนสวยเอง พลอยใส วรวรรณาเวช ศัลยแพทย์สาวอายุ 29 ปี ก็ไม่แม้แต่จะสนใจผู้เป็นสามีที่ผ่านพิธีการมาหมาด ๆ เธอเพียงแค่ถามเรื่องของการใช้ห้องน้ำและการพักผ่อนในคืนนี้เพียงเท่านั้น
“คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”
“คุณอาบในห้องนี้ละกัน ผมจะไปอาบห้องน้ำข้างนอก”
ผู้เป็นเจ้าสาวที่ได้ยินแบบนั้นแล้ว เธอก็ไม่พูดไม่จาให้มากความอีกก็ทำตามที่เขาบอก แม้ว่าเธออยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากแค่ไหน แต่ก็รู้ดีว่า หากพูดไปชายหนุ่มก็คงไม่ยอมพูดกับเธอเหมือนอย่างที่เคยเป็นทุกทีแน่นอน จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่านั่งลงไปในอ่างน้ำกว้าง ที่มีน้ำอุ่นไหลวนอยู่เกือบเต็ม ใบหน้าหวานไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มหลับตาลงช้า ๆ นึกย้อนกลับไปช่วงตอนนั้นที่เธอยังเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ตอนที่เธอและสามีที่แต่งงานกันวันนี้ยังเป็นเพื่อนกันและทั้งคู่ก็สนิมกันมาก ไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองไม่ได้คุยกันและห่างเหินกันไปหลายปี แต่สุดท้ายก็ต้องมาแต่งงานกันเพียงเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ในวันนี้
เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
“ฮัลโหลเมทัส อยู่ไหนแล้ว จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วนะ” เสียงสดใสของนักศึกษาแพทย์สาวร่างบางที่พูดคุยกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เมทัส เพื่อนชายที่เรียนแพทย์มาด้วยกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนกันเพราะด้วยพ่อแม่ของทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนจึงสนิทกันตั้งแต่เด็ก และเพราะความชอบของทั้งคู่เหมือนกัน จึงทำให้ทั้งสองเรียนที่เดียวกันและยังเรียนคณะเดียวกันอีกด้วย
“งั้นเดี๋ยวเราจดโน๊ตให้ก่อนแล้วกัน อย่ามาช้าล่ะ วิชานี้อาจารย์เคร่ง” พลอยใสวางสายจากเมทัส เธอก็รีบจัดการเก็บของบนโต๊ะหินเข้ากระเป๋า ก่อนที่จะก้าวขาเรียวเดินเข้าตึกเรียนไปทันที
ตอนแรกเธอกะว่าจะเจอกันตามที่นัดไว้เหมือนทุกวันก่อนเข้าเรียน แต่ก็ถูกทิ้งไว้ลำพังเหมือนกับหลาย ๆ ครั้งเช่นเคย ที่คนปลายสายมักจะบอกให้เธอเข้าเรียนก่อน เพราะช่วงหลัง ๆ นี้เขามัวแต่ง้องอนกับคนรักจนแทบไม่ได้เข้าเรียนในคาบเช้า
“อ้าว นวิน มาเรียนวิชานี้เหมือนกันเหรอ” พลอยใสที่กำลังเดินเข้าไปในคลาสเรียน เธอก็เจอเข้ากับเพื่อนของเมทัสที่เรียนต่างคณะ แต่เขาเข้ามาเรียนด้วยเพราะเป็นวิชาเลือกที่เรียนร่วมกันได้
“ใช่แล้ว พอดีเราไม่รู้จะเรียนอะไรน่ะเลยเลือกเรียนวิชานี้ซะเลย เพราะเห็นว่าพลอยกับเมทัสเรียนวิชานี้ เราเลยลงเรียนด้วยจะได้มีเพื่อนเรียน” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษารูปร่างสูงโปร่งลุคขี้เล่น พูดกับเพื่อนสาวของเพื่อนสนิทอย่างคุ้นเคย
จริง ๆ เขาไม่ได้ต้องการเพื่อนเรียนอะไรหรอก แต่เขาคิดว่าถ้าเรียนวิชานี้จะมีคนคอยช่วยให้เขาเรียนผ่านได้ไม่ยากมากกว่า เพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทอย่างเมทัสและพลอยใสเรียนเก่งต้องพ่วงพาให้เขาสอบผ่านไปด้วยอย่างไม่ยากเย็น
“หาเพื่อนเรียน หรือว่าหาเพื่อนแบกจ๊ะ” คำพูดรู้ทันของหญิงสาวตัวเล็กอย่างพลอยใสทำเอาชายหนุ่มที่ได้ยินถึงกับยิ้มแห้งออกมา เพราะเธอเป็นเหมือนแม่หมอที่อ่านใจคนออกได้อย่างไรอย่างนั้น
“แล้วนี่ไอ้เมทัสไปไหนล่ะ วันนี้ไม่มาเรียนเหรอ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง แก้เขินที่มีคนรู้ทันเขา
“ตอนพลอยโทรหา เห็นว่าอยู่กับต้องตา เขาบอกว่าจะตามมานะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้มาหรือเปล่า เพราะจากที่ฟังเหมือนกับว่าจะงอนกันน่ะ”
“แล้วทำไมพลอยต้องทำหน้าเซ็งอย่างนั้นล่ะ”
สีหน้าที่เป็นกังวลของพลอยใส ทำให้เพื่อนชายอย่างนวิน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอดูไม่ค่อยสบอารมณ์นักตอนที่พูดถึงคนที่ยังไม่เข้าเรียน
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราว่าถ้าเมทัสยังเป็นแบบนี้ อาจจะมีผลกับการเรียนนะ นวินเรียนคณะเดียวกับต้องตานี่ เราอยากให้นายเตือนเธอหน่อย เรื่องงอนเนี่ย มันทำให้เมทัสเครียดมาก จนแทบไม่เป็นอันเรียนเลย” หญิงสาวพูดออกมาด้วยความจริงใจ
เธอไม่ได้คิดเกินเลยอะไรกับเพื่อนสนิทอย่างเมทัสเลย แต่ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทกันและยังเป็นนักศึกษาแพทย์ การเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถึงตอนนี้ทั้งสองจะเป็นเพียงแค่นักศึกษาปีหนึ่งก็ตาม แต่กว่าจะเข้าคณะนี้ได้ก็ต้องใช้ความอดทนและความพยายามมากเหมือนกัน เธอไม่อยากให้เพื่อนเสียเวลาเสียสมาธิไปกับเรื่องอื่นมากเท่าไหร่
“งั้นเดี๋ยวเรา จะช่วยเตือนต้องตาให้นะ แต่เราว่าที่ต้องตาเป็นแบบนั้น ก็คงคิดมากเรื่องที่ เมทัสกับพลอยใสสนิทกันน่ะ เธอก็น่าจะรู้ว่าต้องตาเป็นคนคิดมากและขี้หึงแค่ไหน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกเพื่อนสาวตรงหน้าอย่างจริงจัง
เขาเองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะดูออกว่า ความสนิทของเมทัสและพลอยใสนั้นเป็นชนวน ทำให้แฟนสาวของเมทัสอย่างต้องตาหาเรื่องหึงหวงไม่เว้นแต่ละวัน
“แต่เราไม่ได้เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนเลยนะ และก็คิดว่าเมทัสเองก็ไม่ได้คิดกับเราเกินเพื่อนเหมือนกัน”
“เรารู้ แต่เราว่าเว้นระยะหน่อยก็ดี ต้องตาจะได้ไม่คิดมาก และไอ้เมทัสจะได้มีสมาธิเรียนด้วย”
“โอเค เราจะพยายามรักษาระยะห่าง แต่นวินช่วยพูดให้ต้องตาเข้าใจด้วยนะ ว่าเราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเมทัสเลย” มือบางนุ่มนิ่งจับไปที่มือหนาของอีกฝ่ายเพื่อขอความช่วยเหลือ ที่ผ่านมาเธอไม่รู้ว่าความหวังดีของเธอที่มีต่อเมทัส จะทำให้คนอื่นคิดมากและมองเป็นอื่นไปได้
“เดี๋ยวเราช่วยพูดให้ เรียนเถอะ อาจารย์มาแล้ว”