ดูสภาพตัวเองว่าเหมาะกับการเดินข้างผมรึเปล่า…

1151 Words
“เอกสารค่ะ” “ขอบใจจ่ะ” อารีเอ่ยขึ้นเสียงเบาทั้งๆ ที่พึ่งอกหักแต่ก็ต้องมาทำงานเพราะลาหยุดไว้แค่วันเดียวนี่แค่เธอหยุดไปวันเดียวงานค้างก็มากองเต็มโต๊ะเสียแล้วแม้ใบหน้าจะไม่พร้อมยิ้มให้ใครทั้งนั้นแถมยังต้องโบกหน้าปกปิดรอยแดงรอยช้ำใต้ตาอีกเรียกได้ว่าพลังในการทำงานวันนี้แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ “อีก10นาทีประชุมฝ่ายอีเว้นท์นะคะ” ร่างบางเอ่ยบอกพนักงานฝ่ายอีเว้นท์ก่อนจะเดินไปเตรียมของต่างๆ ภายในห้องประชุมโดยมีสายตาของโรมันมองดูเงียบๆ ตั้งแต่เช้าที่ร่างบางเข้ามาทกทายเหมือนปกติแต่วันนี้มันต่างออกไปตรงที่เธอเหมือนคนที่โดนสูบวิญญาณไม่สดใสเหมือนวันก่อนๆ ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำเอาร่างสูงต้องดึงสติกลับมาเขามองร่างบางของเลขาสาวที่เคาะประตูกระจกก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องประชุมเขาจึงพยักหน้ารับตอบกลับไปการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะมีอารีคอยเสนอแนะอยู่ตลอดเจ้าของบริษัทอย่างเขาก็มีหน้าที่เพียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเท่านั้นเลขาของเขาเป็นคนเก่งมีความสามารถเกินกว่าหน้าที่ของเลขาซึ่งนับได้ว่าเขาโชคดีมากที่ตัดสินใจเลือกเธอมาในวันนั้น “ต่อไปมีนัดทานข้าวกับคุณยามาดะผู้บริหารของทางญี่ปุ่นค่ะ” “อืม” โรมันตอบรับเสียงเรียบก่อนจะเตรียมตัวออกไปข้างนอกโดยที่ร่างบางก็เตรียมตัวด้วยเช่นกัน “ผมจะไปคนเดียว” อารีมองร่างสูงก่อนจะขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยินเธอเป็นเลขาแน่นอนว่ามันไม่ใช่การกินข้าวธรรมดาๆ แต่มันเป็นนัดที่พูดคุยกันถึงเรื่องธุรกิจยังไงก็ต้องมีเธอไปด้วยอยู่แล้ว “ทำไมหรอคะ?” ร่างบางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ดูสภาพตัวเองมันเหมาะกับการเดินข้างผมรึเปล่า” ร่างสูงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะปรายตามองอีกฝ่ายทำเอาร่างบางถึงกับหน้าเสียแต่สุดท้ายก็ส่งยิ้มอ่อนให้เขาแทน “เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษค่ะคุณโรม” อารีเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมก่อนจะเอาของทุกอย่างเก็บไว้ที่เดิมและนั่งลงทำงานตามปกติโรมันถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาคิดว่าตัวเองอาจจะใช้ประโยคผิดไปเพราะที่จริงแล้วเขาเพียงแค่เป็นห่วงเพราะดูเธอเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงเลยไม่อยากให้ออกไปไหนแต่เพราะไม่รู้จะแสดงมันออกไปยังไงเลยเผลอพูดออกไปแบบนั้น แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องเดินไปแก้ต่างหรืออธิบายแต่อย่างใดเพราะอีกฝ่ายก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งไม่ได้สำคัญมากมายต่อชีวิตเขา “แกเห็นพี่อารีวันนี้ป่ะ สภาพเหมือนคนอกหักเลย” โรมันยืนฟังพนักงานที่อยู่ด้านหน้าลิฟท์เงียบๆ ทั้งสองยังคงเม้าท์มอยกันสนุกปากโดยไม่รู้เลยว่าเจ้านายของตัวเองยืนอยู่ด้านหลังแต่เขาก็ไม่ได้แสดงตัวแต่อย่างใดเพราะตัวเองก็อยากรู้บ้างเหมือนกัน “ใช่หรอ? ..เพราะงานหนักรึเปล่าแกก็ดูสิคุณโรมทิ้งงานไว้ให้ตั้งกี่งาน” “ถ้าฉันมีเจ้านายแบบนี้ฉันทนไม่ไหวหรอกคิดว่าพวกเราเป็นเครื่องจักรรึไงที่ถ้าเสียบปลี๊กไว้แล้วจะใช้ได้ทั้งวันทั้งคืน” ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเบาๆ กับการโดนด่าซึ้งๆ หน้าแม้จะหงุดหงิดและอยากเชิญเธอคนนี้ไปเซ็นใบลาออกในวินาทีนั้นเลยได้ตาม “ฉันมั่นใจแก…เมื่อวานฉันเข้าไปดูหน้าเฟสของพี่อารีมาเขาลบรูปแฟนตัวเองออกหมดเลยแถมยังถอดสถานะทิ้งอีกด้วยไม่เชื่อแกดูนี่” หญิงสาวเอามือถือให้อีกฝ่ายดูดีที่เขาตัวสูงเลยเห็นรางๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขารู้ว่าเลขาของตัวเองมีแฟนที่คบกันมานานอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก “อะไรอ่ะแล้วพี่อารีพึ่งรีโพสต์รูปวันครบรอบเมื่อช่วงสายแต่ช่วงเย็นก็คือเลิกกัน” หญิงสาวคนที่สองเอ่ยขึ้นอย่างอึ้งๆ “เลิกกันวันครบรอบแม่งแย่ที่สุดแล้วอ่ะ สงสารพี่อารีจัง” ติ้ง! เสียงของลิฟท์ดังขึ้นร่างสูงทำการเดินผ่ากลางของทั้งคู่ไปซึ่งทั้งสองที่โดนอีกฝ่ายกระแทกไหล่ก็เตรียมที่จะด่าแต่พอรู้ว่าเป็นใครก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ “จะเข้าไหม” ร่างสูงเอ่ยถามสายตาจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองที่ยังยืนอยู่หน้าลิฟท์ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “ชะเชิญคุณโรมไปก่อนเลยค่ะแหะๆ ^^” หญิงสาวทั้งสองต่างผายมือให้เขาร่างสูงจึงกดปิดลิฟท์ทันทีแต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตให้ทั้งสองที่บังอาจมานินทาเขาแบบนี้โรมันหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าโปรไฟล์ของอารีก่อนจะกดเข้าไปดูรูปและพบว่าเหลืองเพียงรูปภาพเดี่ยวๆ ของเธอไม่กี่รูปเท่านั้นซึ่งคงจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่ได้ยินมาอีกทั้งเมื่อวานเจ้าตัวก็ร้องไห้ออกมาเจอเขาด้วย หลังจากประชุมกับคุณยามาดะเรียบร้อยร่างสูงก็กลับเข้ามาในบริษัทอีกครั้งแน่นอนว่าพนักงานต่างพากันกลับบ้านกันหมดแล้วเหลือก็แต่ดวงไฟเล็กๆ ที่เปิดอยู่ซึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของใคร “กลับมาแล้วหรอคะ” อารีเอ่ยทักเธอถอดแว่นสายตาออกก่อนจะยืนขึ้น “อืม..ผมมีเอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติอีกสองสามรายการอารีช่วยตรวจสอบความถูกต้องให้ผมหน่อยสิ” ร่างสูงเอ่ยบอก “เอ่อแต่นี่มัน3ทุ่มแล้วนะคะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นที่จริงเธอเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จงานทั้งหมดแล้วก็กำลังจะกลับแล้ว “อือ แล้วยังไง” อารีมองใบหน้าหล่อที่ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใดเธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวดิฉันตามเข้าไปค่ะ” “อืมรีบมาล่ะผมไม่อยากกลับบ้านดึก” ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไปที่จริงเขาตรวจสอบเอกสารเองหมดแล้วแต่ที่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เลขาตัวเองรีบกลับบ้านไปจมปลักกับเรื่องการเลิกลาเลยโยนงานให้เธอทำแทนซึ่งผิดกับอารีที่ตอนนี้ความอดทนในการใช้แรงงานเกินกว่าเหตุกำลังจะหมดลงเสียแล้ว เป็นวิธีแสดงความเป็นห่วงที่แย่มากค่ะ55555 อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD