“สวยมากครับตา”
ฐากูรชายหนุ่มร่างสูงกำยำใบหน้าคมเข้มไทยแท้ ยิ้มกว้างเมื่อคู่หมั้นสาวก้าวออกมาจากห้องลองชุดเจ้าสาว พร้อมกับชุดสีขาวลูกไม้แขนยาว กระโปรงยาวเข้ารูปช่วงสะโพกแล้วค่อยๆ บานออกราวเจ้าหญิง เผยลำคอระหงและต่ำลงถึงเนินอกหากก็ปกปิดเรียบร้อย
“ไทม์ว่าดูโป๊ไปไหมคะ ตาไม่มั่นใจเลย”
เจ้าตัวพูดไปก็แก้มแดงปลั่ง สบตาคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะหลบสายตาคมที่มองมาอย่างชื่นชมหันไปส่องกระจกบานใหญ่
“ดีครับ ไม่ดูโป๊เลย”
“แต่ตากลัวไม่มั่นใจเวลาก้มน่ะสิคะ”
“อืม ก็จริงครับ”
ฐากูรตอบพลางกวาดมองหญิงสาวด้วยสายตาชื่นชมพราวระยับ พยายามระงับจิตใจตนเองให้ยืนนิ่งเข้าไว้ ทั้งที่อยากเข้าไปจูบท้ายทอยด้านหลังที่ผมยาวสวยมวยขึ้นลวกๆ และกอดลูบเอวกับสะโพกผายสวยน่ามองยิ่งนัก
“เอ ถ้าอยากปิดให้เป็นซีทรูได้ไหมคะ”
หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวงามเนียนใส แต่งแต้มสีสันบางเบาดูเป็นธรรมชาติหันไปถามกับพนักงานที่ดูแล
“ได้ค่ะ”
“งั้นขอเป็นปิดตรงช่วงเนินอกเป็นซีทรูนะคะ เป็นคอปาดก็ได้ค่ะ”
ลลิตาสั่งตัดชุดนี้ โดยในตอนแรกตนก็อยากใส่ซีทรูถึงคอ แต่คู่หมั้นหนุ่มที่ช่วยออกไอเดียอยากให้เป็นเกาะอกแล้วเว้าตรงกลาง ซึ่งเธอรู้สึกว่าโชว์สัดส่วนเกินไป เพราะไม่เคยใส่เสื้อผ้าเปิดเผยมากนัก จึงบอกเขาว่าขอเป็นเกาะอกปกติแทน สุดท้ายก็ไม่มั่นใจอยู่ดี
ฐากูรแอบลอบถอนหายใจแต่ก็ไม่อยากแย้งให้เสียความรู้สึก เขาไม่แคร์กับสายตาคนเท่าไร และยิ่งภูมิใจที่มีแฟนสวยจนบรรดาเพื่อนๆ ต่างก็มองตามตาวาว สาวๆ ที่ตนควงแต่ละคนนั้นก็มีส่วนเว้าโค้งชัดเจนและเขาชอบเมื่อพวกเธอแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วใจ จับแตะตรงไหนก็เต็มมือ
ทว่าคู่หมั้นสาวของเขาเป็นอาจารย์ เธอชินกับการแต่งตัวเรียบร้อยให้น่าเคารพนับถือ ไม่หวือหวาเขาจึงพยายามทำใจ
ทั้งสองคบหากันร่วมสองปีกว่าหลังจากฐากูรกลับจากเรียนต่างประเทศมาแล้วเริ่มเข้ามาสานต่องานบริหารโรงเรียนที่ครอบครัวชายหนุ่มเป็นเจ้าของ และลลิตาเป็นอาจารย์ในโรงเรียน แม้เขาจะสนใจหญิงสาวนับแต่แรกเห็นหากก็ใช้เวลาพอนานนับปีกว่าเจ้าตัวจะยอมลงเอยคบหาเป็นคนรู้ใจ บิดามารดาของฐากูรไม่เห็นด้วยนัก แต่ชายหนุ่มค่อนข้างเอาแต่ใจกระทั่งขอหมั้นกับลลิตาทั้งยังขอให้มารดาหาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดจนได้
“ไปดินเนอร์แล้วฟังเพลงกับผมต่อก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยชวนทันทีหลังออกจากร้านตัดชุด ดูจากสายตาแล้วลลิตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ฐากูรหวังใกล้ชิดเธอให้มากกว่านี้ ในเมื่อจะแต่งงานกันอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าอยู่แล้วเธอจึงไม่คิดมาก ออกรถแล้วชายหนุ่มก็จับมือเธอไปจูบทันที
“ตาสวยมาก อยากให้ถึงวันแต่งเร็วๆ จัง”
ฐากูรเป็นคนปากว่ามือถึง จูบมือหอมแก้มบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับชายหนุ่มเวลากลางคืนนัก เพราะงานยุ่งและวันหยุดก็ต้องวานแผนการสอน ตรวจการบ้านเด็ก ทั้งเธอทำงานสอนพิเศษที่สถาบันกวาดวิชาอีกด้วย แม้นิสัยต่างกันสุดขั้วแต่ชายหนุ่มก็ดูแลเอาใจใส่อย่างดี เธอขอให้ไม่เกินเลยเขาก็รับปาก
เมื่อทั้งสองไปดื่มต่อ ลลิตาก็เพียงจิบพั้นช์ที่ผสมแอลกอฮอล์ ทว่าฐากูรบังเอิญเจอเพื่อนและรู้ว่าเขาจะแต่งงานต่างก็ชวนชนแก้วฉลองสละโสดไม่หยุดจนชายหนุ่มเดินเซเล็กน้อยทำให้เธอต้องคอยประคองตอนในกลับ
“ไทม์น่าจะขับรถไม่ไหวนะคะ กลับแท็กซี่ดีกว่าไหมคะ”
“คอนโดผมใกล้ๆ นี่เอง คืนนี้ตาพักกับผมนะ”
อีกฝ่ายเอียงมาหาเธอเต็มๆ ทั้งจมูกก็ดอมดมผมกับหน้าผาก แถมมือยังลูบเอวกับสะโพกจนหญิงสาวนึกอ่อนใจ ลลิตาคิดว่าไปส่งเขาแล้วเธอจะขึ้นแท็กซี่กลับที่พักตนเอง แต่ออกมาเพียงชั่วครู่ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก แม้จะเห็นแล้วว่ามีเมฆหนาฟ้าแลบฟ้าร้องอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าเธอไม่คิดว่าจะตกเร็วอย่างนี้
ฐากูรขับรถด้วยความมั่นใจ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือคนรักมาจูบเช่นเคย กลิ่นกายหอมละมุนยังติดจมูก ชวนให้อยากคลอเคลียไม่รู้เบื่อ
“ถนนลื่น ช้าหน่อยก็ได้นะคะไทม์”
ลลิตาเตือนเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายขับรถเร็วมาก
“ดึกถนนโล่งออกอย่างนี้ไม่เป็นไรหรอกน่า ผ่านไฟแดงข้างหน้าเลี้ยวขวาไปอีกนิดก็ถึงคอนโดผมแล้ว”
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ขณะที่เธอมองเขาแล้วหันไปมองด้านหน้าด้วยความกังวล เห็นว่าสัญญาณเตือนสีส้มจึงรีบบอกอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าเขายังไม่ชะลอรถทั้งยังเอาแต่จุมพิตมือเธอไล่ไปจนถึงข้อมือไม่หยุด
“ไทม์คะ กำลังจะไฟแดง”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่มีรถหรอก ถ้าไม่ทันไฟแดงเดี๋ยวใบสั่งก็ไปที่บ้านเองแหละ”
“แต่...”
แทนที่จะลดความเร็วชายหนุ่มกลับเร่งขึ้นไปอีก แล้วลลิตาก็รู้สึกเหมือนแสงไฟจ้าแวบเข้าตาจนต้องหลับตา
“ไทม์!!”
เอี๊ยด!!โครม!!
ต่อจากนั้นก็มีเสียงเบรกจากรถสองคันตามด้วยเสียงโครมดังสนั่นในหู ร่างทั้งร่างเหวี่ยงและหมุนอย่างแรงไม่รู้ทิศทาง ลลิตารับรู้เพียงน้อยนิดก่อนสติดับวูบคือตัวเธอชาทั้งยังหนักอึ้งไปหมด
เธอหายใจไม่ออก หญิงสาวรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังอยู่ใต้น้ำจึงพยายามผวาขึ้น ร่างผอมบอบบางตะเกียกตะกายเท่าที่ตนจะสามารถทำได้ กระทั่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำในที่สุดและสำลักอย่างรุนแรง ด้านบนฝนตกหนักราวพายุ ได้ยินเสียงคนตะโกนเสียงดัง
“นั่นไงครับหนูรตา”
‘ฉันมาอยู่ในน้ำได้ยังไง’
ลลิตารู้สึกหายใจไม่ทันและกำลังจะหมดแรง ขยับแขนขาแทบไม่ไหวแต่ก็มีใครคนหนึ่งเข้ามาโอบตัวเธอไว้ พร้อมกับดึงพาว่ายกลับไปจนถึงฝั่งทั้งยังพยายามส่งตัวเธอขึ้นก่อน ส่วนผู้ชายสามคนที่ดำผุดดำว่ายก็กลับเข้าฝั่งเช่นกัน
ทว่าเมื่อไต่ขึ้นไปบนฝั่งสำเร็จอย่างหมดเรี่ยวแรงก็มีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาผลักเธอจนผงะ ตามด้วยฝ่ามือหนักหน่วงเต็มข้างแก้ม
เพียะ!!
“นังรตา แกทำให้ฉันเกือบตายไปด้วยแล้ว นังตัวดี”
อีกฝ่ายโถมมาจับไหล่ของเธอเขย่าอย่างแรง ขณะที่รู้สึกเหมือนหัวหนักอึ้งปวดตุบ ตาแทบจะปิดปรือ ทั้งยังมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“หยุดนะนภา”
มือที่เงื้อยกขึ้นจะตบเธอซ้ำถูกชายหนุ่มที่ช่วยเธอและตามขึ้นฝั่งมาคว้าไว้พร้อมห้าม ทว่าอีกฝ่ายยังผลักเธออย่างแรงด้วยมือข้างเดียวจนล้ม
ลลิตาแตะมือตรงศีรษะที่รู้สึกปวดอย่างมากขณะยังนอนอยู่บนพื้นเพราะขยับลุกไม่ไหวแล้วก็เห็นเลือดติดปลายนิ้วจากสายตาอันพร่าเบลอ
“รตาเป็นไงบ้าง”
เธอเหลือบมองชายหนุ่มที่ช่วยและเข้ามาประคองกับสาวน้อยคนที่ทำร้ายตนสลับไปมา
‘พวกเขาเป็นใคร ทำไมฉันอยู่ในน้ำ ไม่ใช่ในรถ’
ขณะสมองกำลังใคร่ครวญอย่างมึนหนัก ภาพที่เห็นไม่ชัดเจนนักก่อนจะค่อยๆ มืดลง เปลือกตาหนักอึ้งกระทั่งปิดลงในที่สุด
======