คนหลบฉากไม่หลบไปเฉยๆ แต่ครวญเพลงที่ไอ้หมึกเคยร้องเสียงดังลั่น
“โอ๊ยๆๆ อยากจะมีเมีย...” ไหนจะ...
“ผู้บ่าวเฒ่ากับสาววัยทีน ปีนอายุลงไปหาบ่ได้ นอกจากตายแล้วไปเกิดใหม่ แต่ก่อนตาย ขอให้ได้ ลั้ล ลั้ล ลา ฮ่าๆๆ”
“ไอ้พัน ไอ้!”
เจ้าของไร่หนุ่มสบถตามหลังลูกน้องคนสนิทด้วยหน้าตาบูดบึ้งขึงขวาง รู้สึกเสียหน้าตงิดๆ เลยพานโมโหคนสนิทไปด้วย
เปิดช่องหน่อยไม่ได้ ไอ้นี่มันอยากตายเป็นผีเฝ้าไร่รึไงวะ
โรมรันกระแทกเท้าปังๆ ขึ้นบ้านอย่างหัวเสีย หาคนลงไม่ได้ ก็เข้าห้องไปดวดเหล้าที่วางทิ้งไว้คืนก่อนต่ออีก ร่างแกร่งทิ้งกายลงนั่งริมเตียง ยกขวดขึ้นซด ตามองกระดาษแผ่นใหญ่ที่เหน็บอยู่กับกระดานบนขาตั้งรูปเขียน
หน้าตาเอียงอาย สายตาหวั่นๆ ของเจ้าของใบหน้ารูปไข่มองมาที่เขา ภาพความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนย้อนเข้ามาในสมอง
ภาพที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ โรมรันนึกถึงทุกครั้งที่สมองว่างก็ว่าได้ ถ่ายทอดมันลงบนกระดาษตามความถนัด
ชายหนุ่มยื่นมือไปไล้บริเวณแก้มสีเรื่อ... ตาคมกล้าทอแสงอ่อนลงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“มองแบบนี้คิดสมน้ำหน้ากันอยู่ใช่ไหม รอก่อนเหอะ สอบเสร็จเมื่อไหร่ ได้เห็นดีกัน ฉันไม่ปล่อยเธอลอยนวลง่ายๆ หรอก”
“เย้ เย้ วู้”
พุดแก้วกระโดดขึ้นไปเต้นเหยงๆ บนเตียงนอน วันนี้สอบวันสุดท้าย เธอมั่นใจว่าสอบผ่านจบการศึกษาแล้วแน่นอน ความอึดอัดกังวลช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาถูกระบายออกไปกับการกระโดดและเสียงร้องเบาๆ หลังสอบเสร็จทั้งก๊กแก๊งของพุดแก้วชวนกันไปกินหมูกระทะเป็นการปลดปล่อย
“เฮ้อ! โล่ง จากนี้ก็เตรียมไปรายงานตัวที่บริษัท รอรับปริญญา พ่อจ๋าแม่จ๋าหนูเรียนจบแล้วจ้ะ”
กระโดดจนเหนื่อยก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ยิ้มคนเดียว... นึกถึงบุพการีที่จากไป ถ้าวันนี้พวกท่านยังอยู่คงภูมิใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก แล้วก็...
พุดแก้วหุบยิ้ม เมื่อนึกถึงผู้ปกครองอีกคน
สี่ปีแล้วสินะ ป่านนี้เขาคงลืมแล้วล่ะว่ามีเธออยู่บนโลกด้วย พี่น้อมคอยส่งรูปส่งไลน์ทั้งเล่าเรื่องที่ไร่ให้เธอรู้ข่าวคราวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องไร่หรือเรื่องสาวๆ ที่มาติดพันเจ้าของไร่
จากความอับอายในคืนนั้น พุดแก้วปฏิญาณกับตนเอง จะไม่กลับไปที่นั่นอีก แม้ลึกๆ ในใจยังโหยหาอ้อมกอดของบ้านไร่ไม่เคยเปลี่ยน ที่นั่นสุขสงบไม่วุ่นวายเหมือนในเมืองฟ้าอมรฯ แต่ให้โหยหายังไงเธอไม่กลับไปอีกแล้ว
ร่างแบบบางทิ้งตัวลงบนที่นอน ทอดสายตามองเพดานห้อง
ห้องเล็กๆ ห้องนี้ พุดแก้วใช้เงินจากการทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารในห้างมาเช่าเมื่อเดือนที่แล้ว หลังตัดสินใจแน่วแน่ว่าเรียนจบแล้วจะทำงานในเมืองกรุง เธอโชคดีที่บริษัทที่ไปฝึกงานให้โอกาส เลยไม่ต้องลำบากวิ่งหางานเหมือนคนอื่นๆ แม้ตำแหน่งที่ทำนั้นจะไม่สำคัญอะไร มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เก็บหอมรอมริบไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นทุนสำรองเลี้ยงชีพในอนาคตข้างหน้า
พุดแก้วไม่เคยขัดสนเรื่องเงิน ตลอดเวลาที่เรียน ผู้อุปการะเธอจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือน เธอก็ใช้มันอย่างเกิดประโยชน์มากที่สุด เงินที่โรมรันให้ไม่เคยใช้หมด ตอนนี้มันก็สะสมกันเป็นก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง หากพุดแก้วไม่คิดจะเอามาใช้อีกแล้ว
คิดๆ ไปแล้ว เธอช่างรู้สึกเงียบเหงา โดดเดี่ยว ตอนเรียนพักในหอของมหาลัยยังมีเพื่อนเฮฮาปาร์ตี้ ตอนนี้ออกมาพักข้างนอก พรพิศเพื่อนรักของเธอตั้งใจกลับไปทำงานที่บ้านเกิด อรัญได้งานที่คลังสินค้าของการบิน ไกลจากเธอพอควร มันทำให้พุดแก้วรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งในโอกาสพิเศษๆ แบบนี้ เธอโหยหาครอบครัว โหยหา...ใครสักคน เคียงข้างร่วมยินดี
“โอ๊ย ไม่เอาแล้วนังพุด แกเริ่มจะฟุ้งแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า สงสัยกินเหล้ามากไป”
เมื่อรู้ตัวว่า ปล่อยใจอ่อนแอ หญิงสาวเด้งตัวลุกจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ
ห้องเช่าเล็กๆ แบบสตูดิโอ ห้องโถงห้องเดียว มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำในตัวกับระเบียงตากผ้า มันอาจไม่หรูหราสวยงาม สำหรับพุดแก้วแล้ว เธอคิดว่ามันดีมากๆ ตึกใหญ่ มีคนพักอาศัยไม่น้อย ระบบรักษาความปลอดภัยดูรัดกุม มันเหมาะกับคนที่กำลังเริ่มต้นชีวิตแบบเธอ พุดแก้วก็ซื้อพัดลมตัวใหญ่มาเพิ่ม เท่านี้ห้องเช่าน้อยๆ ก็กลายเป็นวิมานของเธอแล้วล่ะ
สิบห้านาทีต่อมา หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมฮัมเพลงเบาๆ ตรงมาเปิดตู้หาชุดสวมนอน ไปกินหมูกระทะวันนี้เธอกินเหล้าผสมโค้กโซดาไปหลายแก้ว ได้อาบน้ำ ร่างกายกับสมองค่อยสดชื่นหายมึนขึ้นมาหน่อย แต่งตัวเรียบร้อย เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ก๊อกๆ
พุดแก้วนิ่วหน้า เธอยังไม่รู้จักใครที่นี่สักหน่อย แล้วใครกันมาเคาะ หรือจะเป็นพรพิศกับอรัญ
ใครก็ตามจะขึ้นมาถึงห้องเธอที่พักชั้นสามได้ ต้องผ่านประตูกระจกระบบคีย์การ์ด ผ่านยาม มีแค่สองคนนี้ที่จะขึ้นมาได้เพราะยามเห็นหน้าบ่อยที่สุด
“อย่าบอกนะว่าเมากันจนกลับไม่ไหว”
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ กลับจากกินหมูกระทะ อรัญขับรถมาส่งเธอก่อนจะไปส่งพรพิศ หรือสองคนนี้จะเปลี่ยนใจนอนกับเธอที่นี่
พุดแก้วก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู เพราะห้องแคบนิดเดียว เสียงเคาะก็รัวถี่คล้ายคนรอร้อนใจ
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“มาแล้ว มาแล้ว เปลี่ยนใจจะนอนกับฉันรึไงพวกกะ....” คำว่า ‘แก’ หายไปในลำคอ ตากลมโตเบิกกว้าง